A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2274 เชอชี่จื่อ
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2274 เชอชี่จื่อ
หานลี่สะบัดแขนเสื้ออย่างไม่ใส่ใจ นิ้วหนึ่งวาดไปกลางอากาศด้านล่าง
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น!
เชือกสีเขียวกลายเป็นเส้นไหมบางๆ จากนั้นก็รัดแน่น
อสูรเต่ายักษ์กลายเป็นเศษชิ้นเนื้อจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายออก
และในยามนั้นเองผิวน้ำพลันมีระลอกคลื่นเกิดขึ้น บาตรสีขาวแวววาวลูกหนึ่งพลันปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ แล้วหมุนคว้างไปมาจนมีขนาดมหึมาสองสามหมู่
ชิ้นเนื้อของเต่าโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า คาดไม่ถึงว่าจะตกลงไปในนั้นทั้งหมด
หานลี่ใช้มือหนึ่งกวักเรียกอีกครั้ง
บาตรสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งมา และเลือนรางฟื้นฟูกลับร่างเดิมระหว่างทาง
หานลี่ตะปบนิ้วทั้งห้ากลางอากาศ บาตรร่อนลงในฝ่ามืออย่างมั่นคง
เขากวาดจิตสัมผัสไปในนั้นอย่างไม่รีบร้อน ผลคือเผยสีหน้าพึงพอใจอย่างยิ่งออกมา
จากร่างกายที่ใหญ่โตของมัน แม้ว่าโลหิตของจิตวิญญาณเที่ยงแท้เสวียนอู่จะไม่เข้มข้นนัก แต่หลังจากผ่านการหลอมไปรอบหนึ่ง ก็เพียงพอจะนำมาใช้ฝึกฝนคาถาตื่นจากจำศีลได้
หานลี่พลิกฝ่ามือ บาตรหยกเปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกเก็บเข้าไปในกำไลเก็บของ แล้วถึงได้กวาดตามองหญ้าวิญญาณสีเหลืองทองต้นนั้นแวบหนึ่ง หลังจากครุ่นคิดก็ยกมือขึ้นสูบมันเข้ามา
หญ้านี้มีประโยชน์กับเขาไม่มากนัก แต่สำหรับอสูรประหลาดเหล่านั้นกลับล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งมิเช่นนั้นคงไม่ดึงดูดอสูรประหลาดที่แข็งแกร่งในละแวกนี้ทั้งหมดมา และระเบิดสงครามการฆ่าฟันที่ดุเดือดเช่นนี้
หากพบคนที่เหมาะสม ก็เป็นของแลกเปลี่ยนที่ไม่เลว
หานลี่ปล่อยเปลวเพลิงสีเงินไปอีกครั้ง เผาซากอสูรประหลาดบนผิวน้ำจนเกลี้ยง ผิวมีรัศมีลำแสงปรากฏขึ้น ท่าทางคิดจะจากไป
แต่ในยามนี้บนร่างของเขาพลันมีเสียงหึ่งๆ ต่ำๆ ดังขึ้น
หานลี่พลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นมุมปากก็เผยรอยยิ้มออกมา มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ ลูกบอลผลึกขนาดเท่าไข่ไก่สีขาวก็ปรากฏขึ้นในมือ
ผิวของลูกบอลผลึกมีรัศมีลำแสงไหลวนโคจรอยู่ เมื่อพิจารณามองให้ดี คาดไม่ถึงว่าจะมองเห็นลำแสงขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารอยู่ในรัศมีลำแสงที่กำลังเปล่งประกายไม่หยุด
หานลี่มองลูกบอลผลึกนั้นชั่วครู่ แล้วตบเท้ากลายเป็นสายรุ้งสีเขียวพุ่งแหวกอากาศไป
ทิศทางที่ไปไม่เหมือนกับตอนแรก
แทบจะในเวลาเดียวกันกลางอากาศเหนือที่รกร้างห่างจากจุดที่หานลี่อยู่ไปสองสามแสนลี้ลำแสงสีขาวที่เจิดจ้าจนแสบตาก็พุ่งมาด้วยความเร็วที่ยากจะเหลือเชื่อ
ด้านหลังลำแสงสีขาวห่างออกไปสิบกว่าลี้มีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังมา คาดไม่ถึงว่าจะมีทะเลหมอกสีฟ้าเขียวที่แทบจะเชื่อมต่อโลกทั้งใบม้วนวนเข้ามา ความเร็วไม่ต่างอันใดกับลำแสงสีขาวนัก แม้กระทั่งเร็วกว่าเล็กน้อย
ทั้งสองไล่ตามกันมาชั่วพริบตาก็กินระยะทางไปหมื่นลี้
หลังจากนั้นไม่นานระยะห่างของทั้งสองก็เหลือเพียงสิบลี้
ยามนี้ในหมอกสีฟ้าเขียวมีเสียงหัวเราะชั่วร้ายดังขึ้น ด้านหน้าหมอกหมุนวนอย่างรุนแรง ฉับพลันนั้นพลันรวมตัวกันกลายเป็นแมงป่องยักษ์สีเขียวมรกตตัวหนึ่งและเงาลวงตาดวงจันทร์ยักษ์สีฟ้าอ่อน
เงาลวงตาแมงป่องแค่สะบัดหางตะขอยักษ์ด้านหลัง เสาลำแสงสีดำเขียวพุ่งออกมา
นอกจากนี้เงาลวงตาคางคกยักษ์สีฟ้าพลันอ้าปากออก ท้องฟ้าในรัศมีวงกลมสองสามลี้มืดมน อากาศเบื้องหน้ารัดแน่น ถูกพลังลึกลับรัดเอาไว้ ทำให้ลำแสงสีขาวสายนั้นลดความเร็วลงกว่าครึ่ง
เช่นนี้เสาลำแสงสีดำเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาอยู่ด้านหลังลำแสงสีขาวอย่างเงียบเชียบ พลางพุ่งเข้ามาอย่างแรง
แต่ในยามนี้กลางลำแสงสีขาวพลันมีเสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวดังขึ้น ด้านในมีอักขระยันต์ห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนม้วนวนออกมา หลังจากสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงก็หลุดพ้นจากพลังการรัด
เสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ดังขึ้น!
ประจุไฟฟ้าสีแดงสดสายหนึ่งพุ่งออกมาจากลำแสงสีขาว โจมตีไปที่เสาลำแสงสีดำเขียว
การโจมตีที่ดูไม่สะดุดตานี้กลับส่งเสียงดังสนั่น โจมตีเสาลำแสงจนสลายออก
ในเวลาเดียวกันเสียงบริกรรมคาถากระชั้นก็ดังออกมาจากลำแสงสีขาวมันสั่นเทาอย่างแรง ลำแสงสีขาวสลายหายไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมากลางอากาศห่างออกไปสิบลี้เศษมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ลำแสงสีขาวถึงได้รวมตัวกันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
ในที่สุดยามนี้ก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน
ท่ามกลางลำแสงสีขาวมีเงาลวงตาชายชราคนหนึ่งถือธงสีขาวด้ามหนึ่งและค้อนเล็กสีแดงเข้มเต้าหนึ่งเอาไว้
นั่นก็คือม่อเจี่ยนหลีระดับมหายานจากเผ่ามนุษย์ผู้นั้น
ทว่าม่อเจี่ยนหลีในยามนี้กายครึ่งหนึ่งถูกไอสีเขียวนิรนามพันรัดเอาไว้ กายอีกครึ่งหนึ่งถูกน้ำแข็งสีฟ้าแปลกประหลาดปกคลุมอยู่ ใบหน้ามีสีหน้าเคร่งขรึมอยู่ลางๆ แค่หันหน้าไปมองทะเลหมอกด้านหลังแวบหนึ่ง แล้วกระตุ้นลำแสงหลีกหนีต่ออย่างไม่ลังเลเลยสักนิด พลางบินไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
เงาลวงตาคางคกแมงป่องยักษ์ด้านหลังเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป หมอกสีฟ้าเขียวหมุนวนไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ เช่นนั้นแทบจะทุกช่วงเวลานี้ม่อเจี่ยนหลีที่อยู่ในลำแสงสีขาวก็ถูกม่านหมอกไล่ตามมา จึงจำใจต้องกระตุ้นสมบัติวิเศษสองชิ้นในมือ เปล่งแสงสีแดงวาววับออกมา ถึงได้พอจะโจมตีเงาลวงตาในม่านหมอกได้ และทิ้งระยะห่างได้อีกครั้ง
เหมือนกับการไล่สังหารเช่นนั้น ทั้งสองพลันดำเนินการต่อไปหนึ่งวันหนึ่งคืน
แม้ว่าจากระดับพลังยุทธ์ระดับมหายานของม่อเจี่ยนหลี การสำแดงอิทธิฤทธิ์ลับอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ก็สูญเสียพลังปราณในร่างไปกว่าครึ่ง
หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานอาวุธในร่างของเขาสัมผัสได้ว่าหานลี่อยู่ใกล้ๆ เกรงว่าคงต้องจำใจใช้วิธีปกป้องตนเองด้วยการยอมสูญเสียพลังปราณแท้แล้ว
ทว่าระยะห่างสองสามล้านลี้สำหรับพวกเขาแล้วก็ไม่นับว่าไกลนัก
เมื่อม่อเจี่ยนหลีใช้สมบัติในมือโจมตีเงาลวงตาอสูรยักษ์สองตัวที่พัวพันอยู่อีกครั้ง อากาศด้านหน้าก็มีลำแสงสว่างวาบ สายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งปรากฏออกมาแล้วพุ่งเข้ามา
ม่อเจี่ยนหลีเห็นเช่นนั้นพลันดีอกดีใจ ทันใดนั้นก็ไม่ใช่อิทธิฤทธิ์เคลื่อนย้ายหนีออกไปจากที่เดิมอีก กลับโยนธงเล็กๆ สีขาวในมือออกไปเหนือหัว
ธงด้ามเล็กหมุนวนรอบหนึ่ง ระลอกคลื่นลำแสงสีขาวทะลักออกมา กลายเป็นม่านลำแสงหนาๆ ห่อหุ้มเขาไว้อยู่ที่เดิม
ค้อนเต้าเล็กสีแดงเข้มในมืออีกข้างโจมตีไปกลางอากาศด้านหลังอย่างแรง
ภายใต้สถานการณ์ที่มีหานลี่คอยช่วยเหลือ เขาย่อมต้องให้บทเรียนกับผู้ที่ตามมาด้านหลัง เพื่อล้างแค้นให้กับความอับอายครั้งก่อน
เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น
เมฆสีดำหนาๆ ที่เดิมลอยอยู่ทั่วท้องฟ้า ถูกพลังฟ้าดินทำให้แยกออก สายฟ้าสีแดงยาวสองสามร้อยจั้งสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบ โจมตีไปที่ร่างของคางคกยักษ์ตัวนั้นด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
เงาลวงตาพลิ้วไหวผิวมีเส้นไหมสายฟ้าสีแดงเข้มจำนวนนับไม่ถ้วนดีดตัวออกมา หลังจากเสียง “ฟับ” ดังขึ้น ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป
แต่ที่แปลกประหลาดก็คือเงาลวงตาแมงป่องยักษ์ก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา และหมุนวนกลายเป็นม่านหมอกแล้วสลายหายไป
ม่านหมอกสีฟ้าเข้มม้วนวนแล้วเริ่มหดเล็กลงไปหาใจกลาง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ม่านหมอกก็สลายหายไป ในที่สุดก็เผยร่างเดิมที่ซ่อนอยู่ออกมา
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดยาวสิบจั้งเศษตัวเป็นแมงป่องตัวเป็นคางคก ดวงตาทั้งสองข้างเป็นสีแดงโลหิต
แผ่นหลังของสัตว์ประหลาดตัวนี้มีปีกยักษ์งอกออกมาคู่หนึ่ง ดูเหมือนของจริงแต่ก็ดูเหมือนภาพลวงตา มีใบหน้าคนจำนวนนับไม่ถ้วนบิดเบี้ยวไปมาอยู่ลางๆ
สัตว์ประหลาดตัวนี้แววตาเย็นเยียบ จ้องเขม็งไปที่ม่อเจี่ยนหลีแล้วส่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา บนปีกยักษ์แปลกประหลาดคู่นั้น กลับมีเสียงหัวเราะประหลาดๆ ดังมา
เมื่อเสียงกรีดร้องเข้าโสตของม่อเจี่ยนหลี ก็ทำให้เปลือกตาของเขาหนักอึ้ง รู้สึกง่วงงุน
“แย่แล้ว!”
ม่อเจี่ยนหลีร้องอุทานในใจ ทั้งๆ ที่รู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว คิดจะควบคุมพลังจิตสัมผัสต้านทาน แต่เรือนกายกลับเชื่องช้าไม่อาจใช้จิตสัมผัสได้เลยสักนิด
เขาร้องว่าแย่แล้วในใจ ตนและอีกฝ่ายไล่ตามกันมาระยะหนึ่งแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายยังมีเคล็ดวิชาลับจิตวิญญาณแปลกประหลาดเช่นนี้ด้วย
ยามนี้สัตว์ประหลาดตัวแมงป่องหัวคางคกสะบัดปีกยักษ์กลายเป็นใบมีดยักษ์ยาวสองสามจั้งสองเล่มที่เลือนรางไม่ชัดเจน แล้วสับลงมาที่ม่อเจี่ยนหลี
การเคลื่อนไหวของเขาดูเหมือนจะเชื่องช้ามาก แต่ชั่วพริบตาก็มาอยู่เหนือศีรษะของม่อเจี่ยนหลี และจมหายเข้าไปในม่านลำแสงที่ห่อหุ้มร่างของเขาอย่างไร้ซึ่งพลังการขัดขวาง
ครานี้ม่อเจี่ยนหลีพลันหน้าเปลี่ยนสี! ยามที่กำลังคิดจะกระตุ้นทารกวิญญาณในร่างอย่างไม่สนใจทุกอย่าง ยามที่สำแดงฝีมืออย่างสุดชีวิต ด้านหลังกลับมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เสียงแปลกประหลาดดังขึ้น
“เอ๋ นี่คือสัตว์ประหลาดอะไร ดูเหมือนว่าจะแปลกประหลาดไปหน่อย”
สิ้นเสียงแผ่นหลังพลันมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุสายฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนพ่นออกมาจากคำพูด โจมตีไปที่ใบมีดยักษ์ประหลาดสองเล่มอย่างแรง
นั่นคือหานลี่เห็นท่าไม่ดีแล้ว ก็สำแดงอิทธิฤทธิ์เคลื่อนย้ายมาอยู่ด้านหลังม่อเจี่ยนหลีได้ทันเวลา ปล่อยอัสนีเทวะปัดเป่าภยันตรายออกมาช่วยเขาต้านทานการโจมตีที่ถึงชีวิต
กลางอากาศมีเสียงอึกทึกดังขึ้น!
เมื่อประจุสายฟ้าสีทองและใบมีดยักษ์สัมผัสกัน กลับพันรัดไอสีฟ้าเขียวราวกับพบดาวมฤตยู ชั่วพริบตาก็โจมตีทำลายไปกว่าครึ่ง
ตัวใบมีดยักษ์สองเล่มร้องคร่ำครวญออกมา และเลือนรางสลายหายไป
ครู่ต่อมาด้านหลังสัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงข้ามก็มีไอสีฟ้าเขียวหมุนวน ปีกยักษ์คู่หนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่เห็นได้ชัดว่าเล็กกว่าตอนแรกเท่าหนึ่ง
รูม่านตาสีโลหิตของสัตว์ประหลาดตัวแมงป่องหัวคางคกหดเล็กลง สายตาที่จ้องเขม็งไปยังหานลี่เผยแววหวาดกลัวออกมา
หานลี่ในยามนี้กลับตบฝ่ามือข้างหนึ่งไปที่หัวไหล่ของม่อเจี่ยนหลี
ชั่วขณะนั้นความรู้สึกเย็นเยียบก็แผ่ไปทั่วเรือนร่างของอีกฝ่าย
ม่อเจี่ยนหลีรู้สึกเพียงว่ามีชีวิตชีวาขึ้น ความรู้สึกง่วงงุนพลันเหือดหายไปกลับมาควบคุมพลังจิตสัมผัสได้อีกครั้ง
“ขอบพระคุณพี่หาน! เจ้าต้องระวังหน่อย สัตว์ประหลาดตัวนี้คือ ‘เชอชี่จื่อ’ ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในแดนซิวหลัวโบราณ ไอพิษของมันแม้แต่ระดับมหายานก็ถูกกักไว้ข้างใน และจะกลายเป็นโลหิตหายในสามเค่อ” ม่อเจี่ยนหลีรีบขอบคุณ แล้วเอ่ยเตือน
“ที่แท้ก็เป็นสัตว์ประหลาดโบราณชนิดนี้ ข้าก็ว่าเหตุใดแม้แต่สหายก็ยังไม่กล้ารับการโจมตีตรงๆ ทว่าในบันทึกเหล่านั้นไม่ได้บอกว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้รู้จักวิชาดูดวิญญาณ” หานลี่ได้ยินถึงได้ถึงบางอ้อ แต่ไม่เพียงไม่หวาดกลัว กลับเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกมา
ร่างของเขาพลันพลิ้วไหว เลือนรางแล้วมาปรากฏตัวตรงหน้าม่อเจี่ยนหลี และพิจารณาเชอชี่จื่อสองสามแวบอย่างละเอียด
“เรื่องนี้…ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ถึงอย่างไรเสียเจ้านี้ก็จะปรากฏในบันทึกของคัมภีร์โบราณเพียงบางครั้งเท่านั้น บางทีอาจจะลืมบันทึกไว้ก็ได้ หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ข้าก็คงไม่เกือบจะเสียเปรียบเมื่อครู่” ม่อเจี่ยนหลีรีบควักขวดยาออกมา กินยาลูกกลอนฟื้นฟูลมปราณไปสองสามเม็ด แล้วถึงได้หัวเราะอย่างขมขื่นขณะตอบกลับ…