A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2281 สงครามของซิวหลัว (4)
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2281 สงครามของซิวหลัว (4)
“เป็นร่างนกยูงห้าสีจริงๆ ด้วย! เยี่ยม คิดไม่ถึงว่าเผ่าลำแสงห้าสีจะมีสิ่งมีชีวิตอย่างสหายอยู่ ข้าน้อยกลับต้องประลองกับนายท่านสักตั้งแล้ว” รูม่านตาของหานลี่หดเล็กลง กลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ประลอง? นี่หมายความว่าอันใด!” แววตาของนกยูงห้าสีฉายแววประหลาดใจ ปากก็พ่นภาษามนุษย์ออกมา
“ฮ่าๆ…” หานลี่เงยหน้าหัวเราะร่า ไม่ได้พูดอันใดให้มากความ กลิ่นอายบนเรือนร่างกลับเปลี่ยนไป เปลวเพลิงลำแสงห้าสีพุ่งออกมาจากในเรือนร่าง
ท่ามกลางเปลวเพลิงลำแสงห้าสี เงาร่างของหานลี่เลือนราง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นวิหควิญญาณยักษ์สีสันงดงามตัวหนึ่ง นั่นก็คือนกยูงห้าสีอีกตัว!
“อันใดนะ เจ้าเองก็เป็นคนของเผ่าลำแสงเบญจธาตุ…ไม่ กลิ่นอายผิดปกติ เจ้าแค่นำโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้วิหคศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าข้ามาหลอม ถึงได้เปลี่ยนร่างเป็นวิหคศักดิ์สิทธิ์ได้” นกยูงห้าสีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลันตกตะลึง จากนั้นแววตาก็ฉายแววประหลาดใจ แล้วพบจุดที่ไม่เหมือนกันเล็กๆ ทันที
“นายท่านมีดวงตาเฉียบแหลมนัก มองปราดเดียวก็มองเคล็ดวิชาแปลงกายของผู้แซ่หานออก” หานลี่หัวเราะอย่างเย็นชา นกยูงที่กลายร่างกลับสะบัดปีกทั้งสองข้างออก ผิวมีรัศมีลำแสงห้าสีปรากฏขึ้น กลายเป็นระลอกคลื่นลำแสงม้วนวนไปฝั่งตรงข้าม
“เยี่ยม เยี่ยมมาก คาดไม่ถึงว่าจะกล้าสำแดงเคล็ดวิชาลำแสงต่อหน้าตาเฒ่า เช่นนั้นก็ให้ตาเฒ่าสั่งสอนเจ้าสักหน่อย ให้เจ้ารู้ว่าอันใดคือลำแสงเบญจธาตุที่แท้จริง” ชายชราแซ่อี้โกรธเกรี้ยวแต่กลับหัวเราะร่าออกมา
สิ้นเสียงเขาที่กลายเป็นนกยูงก็สะบัดปีกขนนกยาวทั้งสองข้าง ฉับพลันนั้นก็กลายเป็นลูกธนูห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปฝั่งตรงข้าม
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ชั่วครู่ก็เต็มท้องฟ้า เปลวเพลิงลำแสงห้าสีที่ม้วนวนอยู่ฝั่งตรงข้ามและลูกธนูเหล่านั้นสัมผัสกันก็ถูกทะลวงผ่านจนเป็นรูน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน
ระลอกคลื่นยักษ์ห้าสีรวมตัวกัน ชั่วขณะนั้นพลันเชื่องช้า
ลูกธนูเหล่านี้ไม่อาจต้านทานได้อีก พลางพุ่งไปหาหานลี่
หานลี่เห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่ร่างที่กลายร่างเป็นนกยูงพลันกระพือปีกขนนกเช่นกัน ผิวมีรัศมีลำแสงรวมตัวกัน เส้นไหมลำแสงห้าสีพ่นออกมาเป็นสายๆ
เส้นไหมลำแสงทุกเส้นเปล่งแสงสว่างวาบ ล้วนโจมตีไปที่ลูกธนูทุกดอกอย่างแม่นยำ อันหนึ่งวนล้อมรอบแล้วออกแรงอีกครั้ง
เสียง “เปรี้ยะๆ” ดังขึ้น ลูกธนูเหล่านั้นเปล่งแสงสว่างวาบถูกสับออกเป็นชิ้นๆ จำนวนนับไม่ถ้วน
เส้นไหมลำแสงเหล่านี้เลือนรางแล้วเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ครู่ต่อมาชายชราแซ่อี้ที่กลายเป็นนกยูงพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นตรงหน้า เส้นไหมลำแสงที่หนาแน่นพุ่งออกมาจากกลางอากาศ แล้วสั่นเทาอีกครั้ง หมายจะรัดเขาเอาไว้
แต่เมื่อเส้นไหมลำแสงสัมผัสร่างนกยูงที่กลายร่างมาจากชายชราแซ่อี้ ฉับพลันนั้นผิวก็มีรัศมีลำแสงห้าสีเปล่งแสงเจิดจ้า
เส้นไหมลำแสงส่งเสียง “พรึ่บ” แล้วจมหายไป ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น
หานลี่ที่อยู่ไกลออกไปเห็นเช่นนี้พลันใจหายวาบ
ชายชราแซ่อี้ที่กลายเป็นนกยูงกลับเงยหน้าเปล่งเสียงร้องยาวๆ กรงเล็บข้างหนึ่งเปล่งแสงห้าสีสว่างวาบแล้วตะปบไปด้านหน้า
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น!
กรงเล็บยักษ์ขนาดสองสามหมู่ ร่นระยะทางไปสองสามร้อยจั้งยื่นออกไปกลางอากาศ แล้วตะปบมายังนกยูงหานลี่ที่อยู่ด้านล่าง
หานลี่หัวเราะอย่างเย็นชา ร่างนกยูงแค่เลือนราง แล้วหายวับไปเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นอีกด้านห่างออกไปสิบจั้งเศษ ในเวลาเดียวกันพลันอ้าปากออก กรงเล็บยักษ์พ่นเปลวเพลิงสีเงินออกมา
กรงเล็บยักษ์ดูเหมือนจะใหญ่มหึมา แต่เมื่อเปลวเพลิงสีเงินถูกพ่นออกมา กลับพลิกฝ่ามือตบลงไปอย่างรวดเร็ว
เสียงอึกทึกดังขึ้น!
กรงเล็บยักษ์มีผลึกลำแสงห้าสีหมุนวนโคจร เปลวเพลิงสีเงินส่งเสียงร้องแล้วสลายหายไป นิ้วทั้งห้ากางออกอีกครั้ง หลังจากพลิ้วไหวก็ตะปบไปทางนกยูงอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ยังไม่ทันได้ตะปบลงมาจริงๆ บรรยากาศรอบด้านของหานลี่ก็มีอักขระยันต์ห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น มีเขตอาคมไร้รูปร่างเป็นชั้นๆ กักเอาไว้อย่างแน่นหนา
หานลี่ที่กลายเป็นนกยูงกระพือปีกทั้งสองข้าง เปลวเพลิงลำแสงห้าสีม้วนวนออกไป แต่เมื่อปะทะกับอักขระยันต์เหล่านั้นกลับเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายไปราวกับพบกับดาวมฤตยู
หานลี่พลันตกตะลึง ไม่ต้องขบคิด เรือนร่างพลันมีรัศมีลำแสงห้าสีเปล่งแสงเจิดจ้า ขนนกทั้งหมดสั่นเทา ในเวลาเดียวกันก็พุ่งออกจากเรือนร่าง จากนั้นก็หมุนคว้างรวมตัวกันอยู่กลางอากาศ กลายเป็นกระบี่ลำแสงห้าสีสีสันงดงามสิบกว่าสาย เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมาทั้งสี่ด้าน
เสียงกรีดร้องแหลมสูงราวกับทองคำเสียดสีกันดังขึ้น!
กระบี่ลำแสงห้าสีเหล่านั้นสับลงมาบนอักขระยันต์ กลับดูเหมือนถูกดีดออกราวกับปะทะกับเหล็กกล้า ไม่อาจทลายเขตอาคมได้เลยสักนิด
“คิกๆ อิทธิฤทธิ์ตาเฒ่าบ่มฟ้าดินของข้า จะทำลายง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างไร สหายยอมรับความตายแต่โดยดีเถิด” ชายชราแซ่อี้เห็นฉากนี้พลันดีใจอย่างบ้าคลั่ง หลังจากที่นกยูงพูดภาษามนุษย์ออกมา กรงเล็บอีกข้างหนึ่งก็ยื่นออกไป
ชั่วขณะนั้นกลางอากาศพลันมีอักขระยันต์ห้าสีทะลักออกมา
หานลี่ที่กลายเป็นนกยูงร่างกายตึงแน่นไม่อาจกระดิกกระเดี้ยตัวได้เลยสักนิด
เช่นนั้นในสายตาของชายชราแซ่อี้ที่ดีอกดีใจอย่างบ้าคลั่ง กรงเล็บยักษ์สองข้างพลันตะปบลงมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าตามลำดับ
เงากรงเล็บยักษ์ร่อนลงมา แล้วเกิดเป็นพายุหมุน อากาศด้านล่างได้รับผลกระทบพลันบิดเบี้ยว หานลี่ที่กลายเป็นนกยูงถูกกลืนเข้าไปข้างใน
ชายชราแซ่อี้พลันหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา!
เขาใช้สายตาห้าสีจัดการกับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ช่างอยู่นอกเหนือความคาดหมายจริงหรือไม่
ทว่าเพื่อเป็นการป้องกันเขาที่กลายเป็นนกยูงพลันพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า กระพือปีกทั้งสองข้าง ผิวมีรัศมีลำแสงห้าสีไหลวนโคจรไปมา แล้วกลายเป็นสีสันแวววาวกึ่งโปร่งใส
จากนั้นนกยูงห้าสีพลันส่งเสียงร้องไพเราะออกมา อ้าปากออก พ่นเสาลำแสงสีสันแวววาวออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วไปถึงจุดที่หานลี่อยู่แต่เดิม
แต่ในยามนั้นเองบรรยากาศด้านนั้นพลันบิดเบี้ยวมีเสียงคำรามทุ้มต่ำดังขึ้น ลำแสงสีทองเปล่งแสงเจิดจ้าปรากฏขึ้น ฝ่ามือยักษ์ที่มีขนปกคลุมขนาดเท่าถังน้ำข้างหนึ่งพลันโจมตีออกมา
ฝ่ามือทั้งห้ากางออก ชั่วขณะนั้นร่างพลันกลายเป็นสีม่วงทอง ต้านทานเสาลำแสงแวววาวได้อย่างพอดิบพอดี
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น!
เสาลำแสงแวววาวโจมตีไปที่ฝ่ามือขนปุกปุยแล้วระเบิดออก พลังปราณฟ้าดินสั่นเทา ดวงอาทิตย์เจิดจ้าแวววาวทะลักออกมา
ฝ่ามือที่มีขนปกคลุมข้างหนึ่งใช้เลือดเนื้อต้านทานกับเสาลำแสงแวววาวที่ดูเหมือนจะไม่แข็งแกร่งตรงๆ
ชายชราแซ่อี้เห็นเช่นนั้นก็ตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวยิ่ง แต่ไม่รอให้เขาคิดจะสำแดงการโจมตีอีกครั้ง ลำแสงสีทองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็มีเสียงแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชาจนเข้ากระดูกดังขึ้น
ชายชราแซ่อี้ที่กลายร่างเป็นนกยูงได้ยิน ร่างกายพลันสั่นเทาราวกับถูกอัสนีเข้าโจมตี ถอยร่นไปสองสามก้าวอย่างห้ามไม่อยู่
แทบจะในเวลาเดียวกันเสียงคำรามโหดเหี้ยมก็ระเบิดขึ้นท่ามกลางลำแสงสีทองฝั่งตรงข้าม เงากำปั้นสีทองขนาดเท่าภูเขาขนาดย่อมพลันพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า คาดไม่ถึงว่าจะทำให้กรงเล็บยักษ์ห้าสีสองข้างแตกเป็นชิ้นๆ ราวกับฉีกกระดาษ ทำให้อักขระยันต์ห้าสีเหล่านั้นทยอยกันระเบิดตัวเองออก
ยามนี้ลำแสงสีทองถึงได้หม่นแสงลง วานรยักษ์สีม่วงทองปรากฏขึ้น สูงถึงสิบจั้งเศษ และกำลังดึงกำปั้นขนาดยักษ์กลับมา
“ร่างเดิมของเจ้าคือวานรยักษ์ภูเขา…ไม่ ไม่ใช่ วานรยักษ์ภูเขาธรรมดาไม่อาจดิ้นหลุดออกจากบ่มฟ้าดินของข้าได้ง่ายๆ” นกยูงถูกกลิ่นอายนี้บีบให้ถอยร่นไปสองก้าวอีกครั้ง แล้วถึงได้พ่นภาษามนุษย์ด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวออกมา
“หึ ร่างเดิมของข้าคืออะไร ไม่ต้องให้นายท่านเป็นห่วง กลับเป็นความลึกลับของห้าสีของสหาย ผู้แซ่หานได้ลิ้มลองแล้ว เช่นนั้นยามนี้ข้าน้อยก็ควรจะลิ้มรสอิทธิฤทธิ์ที่แท้จริงของผู้แซ่หานได้แล้ว” วานรยักษ์มองนกยูงห้าสีที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ปากกลับเอ่ยอย่างเย็นชาออกมา
“เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเปลี่ยนร่างแล้วจะเอาชนะผู้แซ่อี้ได้! ช่างฝังกลางวันเสียจริงๆ”
แม้ว่าชายชราแซ่อี้จะสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของกลิ่นอายของวานรยักษ์ฝั่งตรงข้าม แต่ใบหน้ากลับไม่เผยสีหน้าลนลานออกมา กลับร้องตะโกนเบาๆ ร่างที่กลายเป็นนกยูงเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นอีกร่างหนึ่ง
หัวนกยูงร่างคน สวมชุดผ้าไหม แผ่นหลังสะพายกระบี่ยาวแวววาวสีสันหลากหลายห้าเล่มอยู่
คาดไม่ถึงว่าเขาจะเลิกแปลงร่างเป็นนกยูงห้าสี กลายเป็นครึ่งคนครึ่งวิหค
“น่าสนใจ เจ้ายังมีฝีมือที่ยังไม่ได้สำแดง เช่นนั้นก็ดี ในที่สุดผู้แซ่หานก็ลงมือได้อย่างเต็มที่ได้แล้ว” แววตาของวานรยักษ์เปล่งประกาย ฉับพลันนั้นฝ่ามือใหญ่ทั้งสองก็พลิกฝ่ามือ ชั่วขณะนั้นภูเขาขนาดย่อมความสูงสองสามจั้งสีเขียวดำสองสีก็ปรากฏขึ้น
หานลี่โยนภูเขาขนาดย่อมทั้งสองลูกไปกลางอากาศ แล้วใช้นิ้วชี้ไปกลางอากาศสองครั้ง
ชั่วขณะนั้นภูเขาขนาดย่อมสีเขียวดำสองสีก็ถูกอาคมกระตุ้น พลิ้วไหวแล้วขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดร้อยจั้งเศษ
แทบจะในเวลาเดียวกัน หานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์สีม่วงทองก็มีลายสีเงินปรากฏขึ้น ยามนั้นพลันกลายเป็นสิ่งมหึมาขนาดความสูงสามสี่ร้อยจั้ง
เมื่อวานรยักษ์ก่อร่างขึ้นอีกครั้ง กำปั้นขนาดเท่าบ้านสองกำปั้นก็ทุบไปที่ทรวงอกราวกับเหล็กกล้าแล้วลเลือนรางตะปบภูเขาสองลูกเอาไว้พร้อมกัน
หลังจากที่แขนทั้งสองข้างของมันหนาขึ้นอีกครั้ง ก็โยนภูเขาสองลูกไปทางชายชราแซ่อี้ที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดซึ่งอยู่ไกลออกไปอย่างแรง
เมื่อยอดเขาสองลูกหลุดออกจากมือก็กลายเป็นลูกบอลลำแสงสีเขียวดำสองสี หลังจากเลือนรางก็หายวับไปจากกลางอากาศอย่างน่าเหลือเชื่อ
บรรยากาศรอบๆ พลันมีเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้น!
ชายชราแซ่อี้ที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดรู้สึกเพียงว่าตรงหน้ามีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น สิ่งมหึมาสองสิ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น
จากนั้นพลังมหาศาลที่ทำให้ระดับมหายานอดที่จะกั้นลมหายใจไม่ได้พลันปะทะเข้ามา!
ไม่ทันได้กดลงมาจริงๆ ลำแสงวิญญาณที่คุ้มครองอยู่ด้านหน้าชายชราก็สั่นเทาแล้วปริแตกไม่หยุด ในเวลาเดียวกันใบหน้าก็มีสีหน้าเจ็บปวดราวกับถูกมีดดาบทำร้ายก็ไม่ปาน
ชายชราแซ่อี้ที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ แววตาของหัวนกยูงกลับฉายแววประหลาดใจ ไม่รอให้เขาลงมือใดๆ กระบี่ยาวสีสันแวววาวห้าเล่มที่แผ่นหลังกลับเปล่งแสงวาววับ
หลังจากเสียง “ปังๆ” ดังขึ้น กระบี่ยาวห้าเล่มก็มาปรากฏตรงหน้าชายชราราวกับเคลื่อนย้าย และตัดสลับกันไปมา ทำให้พลังมหาศาลนั้นไร้รูปร่าง
แต่สิ่งที่ทำให้หานลี่ไม่เชื่อสายตาก็คือเมื่อยอดเขายักษ์สองลูกกดไปที่กระบี่ผลึกห้ามเล่ม คาดไม่ถึงว่าจะหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศไม่ขยับ
มองจากไกลๆ คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนถูกกระบี่ยาวห้าเล่มต้านทานเอาไว้จริงๆ
หลังจากที่บรรลุระดับมหายาน กายเนื้อของวานรยักษ์ก็มีพลังมากขึ้น หานลี่เองย่อมรู้ดีมากกว่าผู้ใด
เมื่อเห็นสถานการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ รูม่านตาของเขาพลันหดเล็กลงเล็กน้อย อดที่จะหรี่ตาลงไม่ได้…