A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2282 สงครามของซิวหลัว (5)
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2282 สงครามของซิวหลัว (5)
ฉากที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าพลันปรากฏขึ้น
กระบี่ยาวแวววาวห้าเล่มเปล่งแสงสว่างวาบ ระลอกคลื่นแห่งกฎเกณฑ์ปรากฏขึ้น ยอดเขาสองลูกสั่นเทา แล้วพลันพุ่งกลับไปด้านหลัง
เมื่อเสียงเพรียกดังขึ้นอีกครั้ง ยอดเขาสองลูกก็เลือนรางหานลี่ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ แล้วกดลงมาอย่างรุนแรง
หานลี่กระตุ้นจิตสัมผัสอย่างต่อเนื่อง คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจเชื่อมต่อกับสมบัติทั้งสองทำให้พวกมันหยุดได้ ยามนี้เหมือนกับขาดการเชื่อมโยงกับยอดเขาทั้งสอง
หานลี่พลันใจหายวาบ แต่ใบหน้ากลับไม่มีสีหน้าแปลกประหลาดใจปรากฏขึ้นเลยสักนิด ร่างที่กลายเป็นวานรยักษ์ยกแขนทั้งสองขึ้น นิ้วทั้งห้ากางออกแล้วตบไปที่ยอดเขาทั้งสองลูกเบาๆ
ชั่วพริบตาที่ฝ่ามือทั้งสองตบออกไป ฝ่ามือพลันมีลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ อักขระสีเงินปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ และซ้อนทับกันสิบกว่าชั้น
เสียง “ปังๆ” ดังสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นสองครั้ง!
ตรงหน้าวานรยักษ์มีพายุหมุนสองลูกพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า บรรยากาศรอบๆ มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นแล้วดังก้องไปมา
แต่ยอดเขาสองลูกพลันมีพลังมหาศาลที่น่าตกตะลึงสองกลุ่มดันออกมาและหยุดลง แต่ทันใดนั้นลำแสงสีเงินก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไปจากกลางอากาศ
เมื่อฝ่ามือของหานลี่สัมผัสกับยอดเขาสองลูก จิตสัมผัสก็กลับมาเชื่อมโยงกับสมบัติทั้งสองได้อีกครั้ง และเก็บพวกมันทันทีโดยไม่เปล่งคำพูดใดๆ
ยามนี้ชายชราแซ่อี้ที่อยู่ไกลออกไปยังคงมีกระบี่ผลึกห้าเล่มลอยอยู่ตรงหน้า ยังคงรักษาสภาพเดิมและนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้ถือโอกาสนี้ทำการโจมตีอีกครั้ง
หานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์ถึงได้เงยหน้าขึ้นอีกครั้งแล้วมองไปทางชายชราที่อยู่ไกลออกไปแวบหนึ่ง ฉับพลันนั้นก็เอ่ยสิ่งที่ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีออกมา
“อิทธิฤทธิ์เวลา คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะกระตุ้นพลังแห่งกฎเกณฑ์ได้ ทว่าน่าจะอาศัยพลังภายนอกถึงจะสำแดงได้ มิเช่นนั้นคงไม่ใช้อย่างฝืนๆ เช่นนี้”
“หึ กฎเกณฑ์แห่งเวลาคืออิทธิฤทธิ์ระดับใด ต่อให้ใช้ได้เพียงผิวเผิน ก็เพียงจะทำให้ไร้เทียมทานแล้ว สหายมองปราดเดียวก็รู้จัก หรือว่าก่อนหน้านี้เคยประสบกับพลังกฎเกณฑ์เช่นเดียวกันจากที่ใดมาแล้ว” ชายชราที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดหัววิหคแววตาฉายแววเย็นชา แล้วแค่นเสียงหึพลางย้อนถาม
จากนั้นเขาก็ใช้นิ้วหนึ่งชี้ไปด้านหน้า กระบี่ผลึกห้าเล่มส่งเสียงหึ่งๆ แล้วสั่นเทาสองสามครั้ง ระลอกคลื่นแห่งกฎเกณฑ์ที่ปรากฏขึ้นถึงได้สลายหายไป
หานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์จ้องเขม็งไปที่กระบี่ผลึกทั้งห้าไม่วางตา หลังจากกวาดจิตสัมผัสไป ใบหน้าก็เผยสีหน้าเข้าใจแล้วออกมา พลางหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพ่นภาษามนุษย์ออกมา
“ก่อนหน้านี้ผู้แซ่หานเคยประสบอิทธิฤทธิ์แห่งกฎเกณฑ์ที่อื่นมาเช่นกัน แต่ที่มาแดนนี้ในครั้งนี้เดิมก็คิดว่าแมงมุมซิวหลัวเหล่านั้นถึงจะกระตุ้นอิทธิฤทธิ์แห่งกาลเวลาเหล่านี้ได้ คิดไม่ถึงว่านายท่านจะทำได้ ดูแล้วสหายคงอยู่ที่นี่มานานแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับความเชื่อมั่นจากแมงมุมซิวหลัว มิเช่นนั้นคงไม่อาจได้ประโยชน์เพียงนี้ได้สินะ! ทว่าหากสหายคิดว่าจะอาศัยอิทธิฤทธิ์เวลานี้ได้ ก็คิดผิดแล้ว”
สิ้นเสียง!
วานรยักษ์พลันใช้สองมือทุบทรวงอก ผิวเปล่งแสงสีม่วงทองออกมา ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ชั่วพริบตาก็มีขนาดร้อยจั้ง
สิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือ วานรยักษ์ตัวนี้อ้าปากออกอีกครั้ง ปากก็มีรัศมีลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นก็พ่นลูกบอลลำแสงหลากสีสันออกมาสองสามลูก
ลูกบอลลำแสงเหล่านี้วนล้อมรอบวานรยักษ์ ชั่วขณะนั้นพลันส่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมา กลิ่นอายแข็งแกร่งสองสามชนิดแผ่ออกมาอีกครั้ง หลังจากกะพริบวาบก็กลายเป็นมังกรสวรรค์ หงส์หลากสีสัน หงส์มรกต วิหคอัสนีและเงาลวงตาขนาดใหญ่ที่ไม่เหมือนกันสองสามชนิด
วานรยักษ์เองก็เงยหน้าขึ้นส่งเสียงร้องยาวๆ ชั่วขณะนั้นผิวพลันมีเกล็ดสีม่วงทองปรากฏขึ้น หัวไหล่ทั้งสองและใต้ซี่โครงเลือนราง มีศีรษะอัปลักษณ์อีกสองหัวและแขนสีม่วงทองสี่แขนงอกออกมา
วานรยักษ์สามหัวลืมตาทั้งหกข้างขึ้น ตรงหน้าผากมีลำแสงสว่างวาบต่างมีเขาสั้นๆ สีเงินอ่อนงอกออกมา
หลังจากที่หานลี่รู้ว่าคู่ต่อสู้สำแดงพลังแห่งกาลเวลาได้ ในที่สุดก็ไม่กล้าดูแคลนสำแดงเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ออกมา และสำแดงร่างนิพพาน กระตุ้นจนถึงขั้นสุด
หานลี่ที่กลายร่างเป็นร่างนิพพานสามปราณ กายเนื้อแข็งแกร่งจนน่ากลัวเทียบเท่ากับระดับมหายาน หัวทั้งสามเบะปาก แขนทั้งหกเลือนราง ฉับพลันนั้นพลันกลายเป็นเงาลวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนโจมตีไปยังฝั่งตรงข้าม
พริบตานั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น!
เงากำปั้นสีทองหนาๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วเลือนรางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมารอบๆ ชายชราแซ่อี้ก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงากำปั้นสีทองทะลักออกมาเป็นชั้นๆ และกลายเป็นลำแสงสีทองรวมตัวกันตรงใจกลางแล้วกดลงมา
ชายชราแซ่อี้ตกตะลึงจนหน้าถอดสี หัววิหคส่งเสียงกรีดร้องยาวๆ แหลมสูงออกมา สองมือร่ายอาคมอย่างรวดเร็วราวกับล้อรถ ชั่วขณะนั้นกระบี่ผลึกห้าเล่มด้านหน้าก็หมุนคว้างอย่างรวดเร็ว
หลังจากกระบี่ผลึกห้าเล่มเลือนรางกลายเป็นม่านลำแสงแวววาวห้าสีชั้นหนึ่ง ปกคลุมร่างของชายชราตั้งแต่หัวจรดเท้าไว้อย่างแน่นหนา ในเวลาเดียวกันอักขระยันต์จางๆ ก็สลายออก ระลอกคลื่นกฎเกณฑ์ที่ก่อนหน้านี้สลายหายไปก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
พริบตานั้นพลังกฎเกณฑ์พลันปกคลุมในอาณาเขตสิบจั้งเศษโดยมีชายชราอยู่ตรงใจกลาง เงากำปั้นที่ปรากฏขึ้นล้วนหยุดอยู่กลางอากาศ แต่การโจมตีด้านหลังกลับไม่ได้รับผลกระทบพลางโจมตีไปด้านหน้า
ด้านนอกม่านลำแสงห้าสีมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ลำแสงสีทองที่ก่อตัวขึ้นระเบิดออก และกลายเป็นการโจมตีที่รุนแรง พยายามม้วนวนไปทางม่านลำแสง แต่เมื่อการโจมตีเหล่านี้สัมผัสกับม่านลำแสงห้าสี ล้วนนิ่งงันอยู่กลางอากาศราวกับถูกแช่แข็ง
ยามนี้เห็นเพียงม่านลำแสงห้าสีราวกับกำแพงไร้รูปร่างปรากฏขึ้น ไม่ว่าเงากำปั้นสีทองหรือว่าการโจมตีต่างๆ ที่ระเบิดออกล้วนถูกต้านทานไว้ด้านนอก
เงากำปั้นสีทองแฝงไว้ด้วยพละกำลังที่น่าตกตะลึง และยิ่งไปกว่านั้นแขนทั้งหกของวานรยักษ์ก็โบกสะบัด จำนวนมากกว่าที่คนจะจินตนาการได้
ทว่าภายในสองสามชั่วลมหายใจ รอบด้านพลันระเบิดการโจมตีออกมา แทบจะกลายเป็นระลอกคลื่นสีทองที่เปล่งแสงเจิดจ้า โจมตีไปที่ตรงกลางไม่หยุด
พลังแรงกดที่น่ากลัวจนทำให้ชายชราแซ่อี้ใจสั่น รวมตัวกันโดยมีเขาอยู่ตรงใจกลางอย่างรวดเร็ว
ชายชราพลันหน้าเขียวคล้ำไปเล็กน้อย
ในยามนี้ม่านลำแสงห้าสีพลันเริ่มสั่นเทาเล็กน้อย เงากำปั้นสีทองที่รวมตัวรอบด้านกันเองก็เปล่งแสงสว่างวาบอย่างไม่มั่นคง และส่งเสียงกึกๆ ดังมา
ครานี้ชายชราก็ไม่อาจนิ่งดูดายได้อีก หลังจากตะโกนเสียงทุ้มต่ำออกมา สองมือที่ร่ายอาคมพลันเปลี่ยนไป ม่านลำแสงที่แผ่ระลอกคลื่นออกมาจากตรงหน้าพลันหดเล็กลง ชั่วครู่ก็ทำให้รัศมีที่ห่อหุ้มอยู่ด้านนอกม่านลำแสงหดเล็กลงไปกว่าครึ่ง ในเวลาเดียวกันก็อ้าปากออก พ่นโลหิตบริสุทธิ์สีเขียวมรกตออกมาสองสามกลุ่ม
หลังจากที่โลหิตบริสุทธิ์เปล่งแสงสว่างวาบก็กลายเป็นอักขระยันต์สีเขียวมรกต เลือนรางและจมหายเข้าไปในม่านลำแสง
หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น ม่านลำแสงที่เดิมสั่นเทาอยู่ก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิม
บรรยากาศรอบด้านพังทลายและฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ ยามนี้ระลอกคลื่นสีทองที่บีบรัดอยู่รอบด้านพลันถูกต้านทานเอาไว้
ชายชราแซ่อี้มองเห็นทุกอย่างถึงได้ผ่อนลมหายใจออกเฮือกหนึ่ง แต่ปากกลับเริ่มบริกรรมคาถาไม่หยุด
อักขระยันต์จางๆ ในม่านลำแสงพลันปรากฏขึ้น เงากระบี่ห้าสายก่อตัวขึ้นอีกครั้งลางๆ
แต่ฝั่งตรงข้ามแขนของหานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์พลันหยุดชะงักแล้วพลิกฝ่ามืออีกครั้ง หลังจากที่ในมือมีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ กระบี่ยาวสีดำเขียวก็ปรากฏขึ้น ผิวมีอักขระโบราณนิรนามสีเงินอ่อนสลักอยู่
สะบัดข้อมือเบาๆ!
ชั่วขณะนั้นกระบี่ไม้สีเขียวดำพลันเปล่งแสงแวววับเจิดจ้า พลังปราณฟ้าดินในรัศมีวงกลมสองสามลี้พลันสั่นเทา แล้วกลายเป็นม่านลำแสงสีสันงดงามทะลักเข้ามาด้านใน
กระบี่ไม้สีเขียวดำพลันเลือนราง ชั่วขณะนั้นพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วขยายใหญ่ขึ้น ยามนั้นพลันมีขนาดร้อยจั้ง และสับลงไปยังฝั่งตรงข้ามด้วยแขนหนาๆ ของวานรยักษ์อย่างไม่ลังเล
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น อักขระยันต์สีทองเงินพลันพลิ้วไหว พระจันทร์เสี้ยวขนาดยักษ์สีเงินสายหนึ่งพุ่งออกมาจากกระบี่ไม้สีเขียวดำ หลังจากกะพริบวาบก็แฉลบผ่านเงากำปั้นไป แล้วจมหายเข้าไปกลางอากาศที่มีพลังแห่งกฎเกณฑ์ห่อหุ้มอยู่
ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น!
พระจันทร์เสี้ยวสีเงินแค่เปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะทะลวงผ่านอากาศที่มีพลังแห่งกฎเกณฑ์ห่อหุ้มอยู่ไปราวกับมองไม่เห็น และเปล่งแสงสว่างวาบสับไปที่ม่านลำแสงห้าสีต่อหน้าชายชราแซ่อี้ที่หน้าซีดเผือด
เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น!
เขี้ยวจันทรายักษ์แค่สั่นเทาก็กลายเป็นลำแสงสีเงินระเบิดออก
พลังแห่งกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่งอีกกลุ่มหนึ่งพลันม้วนวนลงมา ฉีกพลังแห่งกฎเกณฑ์ที่แฝงอยู่ในม่านลำแสงออก และกลายเป็นรัศมีลำแสงสีเงินระเบิดออก
พริบตานั้นพลังแห่งกฎเกณฑ์สองกลุ่มก็ตัดสลับกันไปมา มีเสียงกรีดร้องแหลมสูงประหลาดๆ ดังขึ้น รัศมีลำแสงขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับลูกบอลอัสนี ชั่วพริบตาก็มีขนาดสองสามหมู่
ระลอกคลื่นรุนแรงต่างๆ พลันปรากฏขึ้นรอบด้าน และกลายเป็นพายุหมุนราวกับมังกรยักษ์ แทบจะปกคลุมท้องฟ้ากว่าครึ่งเอาไว้ด้านใน
หลังจากที่วานรยักษ์ทำการโจมตีออกไป ร่างที่เดิมใหญ่โตราวกับยอดเขา แค่เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหดเล็กลงกว่าครึ่ง แต่กลิ่นอายบนเรือนร่างกลับไม่ลดลงเลยสักนิด หลังจากที่ใบหน้ามีสีหน้าโหดเหี้ยมฉายแวบผ่าน แขนทั้งหมดก็หยุดลง ฝ่ามือทั้งหกขยับตะปบไปที่กระบี่ยักษ์สีดำเขียวเล่มนั้น และส่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมา พลางโบกสะบัดของในมืออีกครั้ง เสียงแหวกอากาศพลันดังขึ้น!
ครั้งนี้สิ่งที่บินออกมาจากกระบี่ไม้สีดำเขียวไม่ใช่จันทร์เสี้ยวสีเงินอีก แต่เป็นไอกระบี่สีเขียวสายหนึ่ง
ทว่าเมื่อไอกระบี่นี้บินออกมา ก็พลิ้วไหวแล้วปรากฏอยู่เหนือรัศมีลำแสงสีเงิน หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ฉับพลันนั้นก็บิดเบี้ยวกลายเป็นใบมีดวงแหวนยักษ์
ใบมีดวงแหวนยักษ์นี้มีขนาดสองสามลี้ ตรงขอบทั้งสองฝั่งดูเหมือนจะแหลมคมอย่างหาที่เปรียบ ตัวมีสีเขียวมรกต และแผ่ระลอกคลื่นแห่งกฏเกณฑ์ที่แข็งแกร่งออกมา
หว่างคิ้วของวานรยักษ์ทั้งสามมีลำแสงสีดำสว่างวาบขึ้นในเวลาเดียวกัน ต่างมีเนตรปีศาจสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกปรากฏขึ้น จากนั้นแขนทั้งหมดก็ยกขึ้นพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าจะใช้นิ้วหนึ่งชี้ไปกลางอากาศ ในเวลาเดียวกันก็พ่นคำพูดว่า “ประหาร” ออกมา
เสียง “สวบ” ดังขึ้น!
ผิวของใบมีดวงแหวนพลันมีอักขระยันต์สีเงินปรากฏขึ้น ฉับพลันนั้นพลันเลือนรางไปจากกลางอากาศ
แต่ทันใดนั้นรอบๆ รัศมีลำแสงสีเงินด้านล่างก็มีระลอกคลื่นก่อตัวขึ้น ใบมีดวงแหวนสีเขียวมรกตปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ กักรัศมีลำแสงสีเงินเอาไว้ตรงใจกลางอย่างพอดิบพอดี
ลำแสงเย็นเยียบพลันเปล่งแสงสว่างวาบ วงแหวนลำแสงหดเล็กลง กลายเป็นเงาลวงตาสายหนึ่งหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ส่วนใจกลางของรัศมีลำแสงสีเงินพลันมีเสียงอึกทึกดังขึ้น เส้นสีเขียวสายหนึ่งกลับปรากฏขึ้นอย่างแช่มช้า และพ่นลำแสงสีขาวอ่อนออกมา
รัศมีลำแสงถูกมีดวงแหวนสับออกจากใจกลาง และแบ่งออกเป็นสองส่วนทั้งบนและล่าง…