A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2288 สัตว์ประหลาดมัจฉาว่างเปล่า
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2288 สัตว์ประหลาดมัจฉาว่างเปล่า
“สหายทั้งสองก็รู้จักพลังของเวลา เช่นนั้นก็ดี สาเหตุที่ผู้แซ่หานยอมหยุด ก็ไม่ต้องอธิบายให้มากความแล้ว” หานลี่กวาดสายตามองเซี่ยหรานและพวกแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
เซี่ยหราน เฮยหลินมีสีหน้าเคร่งขรึม หลังจากมองสบตากันแวบหนึ่งถึงได้เอ่ยกับเซี่ยหรานต่อ
“คาดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้จะร่ำเรียนพลังกฎเกณฑ์แห่งเวลา ไม่ควรล่วงเกินจริงๆ ไปฟังดูก่อนว่านางจะกล่าวอย่างไรก็แล้วกัน แต่หากไม่บรรลุเป้าหมาย พวกเราพี่น้องก็ไม่มีทางละมือไปง่ายๆ แน่นอน”
“สหายได้ยินคำพูดของสหายร่วมวิถีของข้าน้อยแล้ว ให้โอกาสเจ้าได้ แต่หากไม่อาจทำให้พวกเราพึงพอใจได้ ต่อให้พวกเจ้าโชคดีรอดไปได้ คนอื่นในเผ่าเจ้ากลับไม่มีทางหนีพ้น” หานลี่พยักหน้า หันหน้าไปเอ่ยกับหญิงสาวอย่างราบเรียบ
“หึ ฟังจากน้ำเสียงของนายท่าน คงต้องจัดการเผ่าเราเป็นแน่แท้แล้ว หากต่อสู้ต่อ ก็อาจจะตายในมือของผู้ใดก็พูดยาก” ฮูหยินที่อยู่บนกำแพงเมืองได้ยิน ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมทันใด
“งั้นหรือ ต้องลองลงมือดูต่อหรือไม่” เฮยหลินค้อนขวับ แล้วเอ่ยพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา
“สหายผู้นี้ ใต้เท้าพระมารดา ไม่ต้องโต้เถียงอันใดอีก ก่อนหน้านี้ได้ยินทุกท่านกล่าวว่าที่เข้ามาในแดนนี้เพราะแกนผลึกของเผ่าเรา เป็นความจริงหรือไม่ หากทุกท่านได้แกนผลึกไปแล้ว ก็จะยอมออกไปจากแดนนี้แต่โดยดีใช่หรือไม่” หญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตโบกมือ หยุดการโต้แย้ง เอ่ยถามหานลี่อย่างราบเรียบ
“ใช่แล้ว แต่พวกเราต้องการแกนผลึกโตเต็มวัยเท่านั้น แกนผลึกอื่นต่อให้เอาไปก็ไม่มีประโยชน์ ก่อนหน้านี้สหายถ่ายทอดเสียงมาว่าจะทำให้พึงพอใจได้ หรือว่าเผ่าของเจ้าตาสว่างยอมมอบแกนผลึกของตนให้แล้ว” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง แล้วกลับเอ่ยถามด้วยสีหน้าราบเรียบ
ฮูหยินและเผ่าแมงมุมซิวหลัวที่อยู่ ณ ที่นั้นได้ยินคำนี้พลันหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
สำหรับพวกเขาแล้ว การสูญเสียแกนผลึกไปแม้ว่าจะไม่ถึงกับตายคาที่ แต่เบาหน่อยก็ปราณแท้ได้รับบาดเจ็บ หนักหน่อยก็มีปัญหาตามไม่มีที่สิ้นสุด
“ให้น้องหญิงและคนในเผ่าคนอื่นๆ ส่งแกนผลึกของตนให้ ย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่เผ่าของพวกเราตั้งรกรากอยู่ที่นี่มาสักระยะแล้ว ในมือจึงมีแกนผลึกของคนในเผ่าที่โตเต็มวัยอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าจะมอบให้พวกเจ้าสองสามก้อนไม่ได้” หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีโลหิตฉีกยิ้มเบิกบานขณะตอบกลับ
“อันใด เรื่องนี้ไม่ได้! แกนผลึกเหล่านั้นหากเก็บไว้จะมีประโยชน์มาก” เมื่อได้ยินคำนี้ หานลี่และพวกยังไม่ทันได้เผยสีหน้ายินดีออกมา มารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวกลับร้องแหวขึ้น
หญิงสาวขมวดคิ้วริมฝีปากขยับเล็กน้อยพลางถ่ายทอดเสียงไป
“ใต้เท้าพระมารดา ข้าเรียนรู้พลังแห่งเวลาแล้ว ถึงยามนั้นก็มีวิธีถ่ายทอดพลังแห่งกฎเกณฑ์ให้กับท่าน ไม่จำเป็นต้องใช้แกนผลึกเหล่านี้แล้ว และยิ่งไปกว่านั้นลูกก็ไม่ได้บอกว่าจะมอบแกนผลึกเหล่านี้ให้คนเหล่านั้นอย่างเปล่าประโยชน์”
“อิงเอ๋อร์ เจ้าหมายความว่า…” ฮูหยินหน้าเปลี่ยนสี ดูเหมือนจะคิดอันใดออก
“ใต้เท้าพระมารดา หรือว่าลืมสัตว์ประหลาดของเผ่ามัจฉาว่างเปล่าไปแล้ว ไม่ใช่เพราะว่าจำนวนคนไม่พอหรือ! หากได้สิ่งนั้นไป จะไม่แข็งแกร่งกว่าเก็บแกนผลึกเหล่านั้นไว้ในมือหรือ อย่าลืมล่ะ พลังห้วงเวลาของกฎเกณฑ์ทั้งสองชนิดถึงจะเป็นสิ่งที่เผ่าของพวกเราต้องเรียนรู้” หญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตถ่ายทอดเสียงมาอีกครั้ง
“หากได้สิ่งนั้นมา เจ้าจะมั่นใจว่าจะพัฒนาระดับการเรียนรู้พลังแห่งห้วงเวลาได้อีกขั้นหรือ?” ฮูหยิน
หน้าเปลี่ยนสีเป็นเคร่งขรึมสลับกับสดใสสองสามครั้ง ถึงได้เอ่ยถามอย่างลังเลเล็กน้อย
ใต้เท้าพระมารดาวางใจ เดิมข้าก็ติดอยู่ที่จุดคอขวดของกฎเกณฑ์แห่งเวลา รอให้หลอมทารกวิญญาณของชายชรามาชดใช้จิตวิญญาณ ประกอบกับสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ ก็คงทะลวงมันได้เก้าในสิบส่วนแล้ว” หญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“ได้ ในเมื่อเจ้ามั่นใจ ข้าก็จะไม่ขัดขวาง” ในที่สุดมารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวก็ตัดสินใจ
หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีโลหิตหัวเราะน้อยๆ ออกมา เห็นได้ชัดว่าคาดเดาสิ่งที่ฮูหยินจะตัดสินใจไว้นานแล้ว
หานลี่และพวกที่อยู่ตรงข้าม ย่อมดูออกว่าหญิงสาวและมารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวกำลังถ่ายทอดเสียงกันอย่างลับๆ
ดังนั้นรอจนพวกนางมีความเห็นตรงกัน เซี่ยหรานย่อมรีบเอ่ยถาม
“หากเอาแกนผลึกมาได้ ระหว่างพวกเราย่อมไม่มีอันใดให้ต้องสู้รบกันอีก แต่ไม่ทราบว่าจะเอาออกมาได้กี่ก้อน? หากน้อยเกินไป ก็ไม่จำเป็นต้องคุยกัน”
“สหายทุกท่านอยากได้กี่ก้อน?” หญิงสาวกลับเอ่ยถามอย่างไม่คิดเช่นนั้น
“ครั้งนี้พวกเราเข้ามาในแดนเจ้าจำนวนมาก อย่างน้อยก็ต้องได้ไปสักสามสิบสี่สิบก้อนถึงจะพอ” เซี่ยหรานเอ่ยอย่างไม่ต้องขบคิด
“สามสิบสี่สิบก้อน? สหายจะเอ่ยปากครั้งแรกก็อ้าปากกว้างไปหน่อยกระมัง! ไม่ต้องพูดถึงว่าแกนผลึกส่วนหนึ่งถูกคนในเผ่าใช้ไปแล้ว ต่อให้ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีจำนวนมากขนาดนั้น” หญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตหัวเราะอย่างเย็นชาขณะเอ่ย
“อ่อ เผ่าของพวกเจ้าเอาออกมาได้กี่ก้อน” เซี่ยหรานได้ยินคำนี้กลับไม่โกรธ กลับเอ่ยถามอย่างเยือกเย็น
“มากสุดแปดก้อน น่าจะพอกับพวกเจ้าแล้ว” หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีโลหิตกลอกตาไปมาเล็กน้อย ถึงได้เอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ
“แปดก้อน ไม่ได้แน่นอน ยังไม่พอให้พวกเราสี่คนแบ่งกันเลย” เซี่ยหรานมีสีหน้าเคร่งขรึม ใช้น้ำเสียงแข็งกระด้างเอ่ยขึ้น
“แกนผลึกแปดก้อน เพียงพอจะทำให้ทุกท่านแบ่งกันคนละสองก้อน จะไม่พอได้อย่างไร ทุกท่านอย่าเกินไปหน่อยเลย และยิ่งไปกว่านั้นต่อให้พวกเราเอาแกนผลึกทั้งแปดก้อนออกมา ก็ไม่มีทางมอบให้เปล่าๆ ทุกท่านต้องช่วยพวกเราหน่อย ถึงอย่างไรเสียในโลกนี้ก็ไม่มีอาหารกลางวันให้กินฟรีๆ” หญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตกลอกตาไปมาแววตาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ
“ต้องการให้พวกเราช่วยอันใดหรือไม่? ลองพูดมาให้ฟังซิ” หานลี่ที่เอาแต่เงียบขรึม ได้ยินคำนี้ในที่สุดก็เลิกคิ้วแล้วเอ่ยปากต่อ
“ง่ายมาก ข้าต้องการให้ทุกท่านช่วยพวกเรางมสมบัติชิ้นหนึ่ง ขอแค่ได้สิ่งนี้มาอยู่ในมือ น้องหญิงจะเป็นคนตัดสินใจมอบให้เหล่าสหายทุกคนทันที” หญิงสาวหยักมุมปาก เผยรอยยิ้มออกมาขณะเอ่ย
“สมบัติอันใด อยู่ที่ใด จากพลังของเผ่าเรา คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจเอามาได้?” หานลี่แววตาเปล่งประกาย เอ่ยพร้อมกับอมยิ้ม
เซี่ยหรานและเฮยหลินได้ยิน ก็มองสบตากันแวบหนึ่งด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“สมบัติอันใดทุกท่านไม่จำเป็นต้องรู้ ขอแค่รู้ว่าของสิ่งนี้สำคัญกับเผ่าของพวกเราก็พอ ยามนี้สมบัติชิ้นนี้จมอยู่ในบึงหนาวเหน็บ ด้านในเย็นเยียบอย่างหาที่เปรียบมิได้ แม้ว่าระดับมหายานก็คงไม่อาจเข้าไปลึกได้ ทว่าทุกท่านไม่ต้องกังวลใจอันใด เผ่าของเราคิดวิธีออกเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ถึงยามนั้นแค่อาศัยพลังเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่มีอันตรายใดๆ แน่” หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีโลหิตดูเหมือนจะดูความกังวลของเซี่ยหรานและพวกออก จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“สหายทั้งสองคิดอย่างไร?” หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย จึงหันไปเอ่ยถามคนที่เหลือทั้งสองคน
“หากไม่อันตรายล่ะก็ ก็พอลองได้ แต่แกนผลึกทั้งแปดมันน้อยไปหน่อย พวกเราทุกคนแบ่งกันไม่ลงตัว หึๆ เรื่องนี้ให้พี่หานเป็นคนตัดสินใจเองเถิด เชื่อว่าคงไม่ทำให้พี่น้องอย่างเราผิดหวัง” เซี่ยหรานและเฮยหลินถ่ายทอดเสียงมาปรึกษา แล้วตอบกลับพร้อมกับหัวเราะหึๆ ออกมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้แซ่หานจะเป็นคนตัดสินใจเอง สหายอิง เจ้าเองก็ได้ยินคำปรึกษาของพวกเรา เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน แกนผลึกสิบสองก้อน หนึ่งก้อนก็ห้ามให้ขาด พวกเราช่วยพวกเจ้างมสมบัติชิ้นนั้นได้ แต่ต้องจ่ายแกนผลึกเหล่านี้ก่อนครึ่งหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นยามที่หาหากพบกับอันตราย พวกเราจะไม่ทำต่อ แต่แกนผลึกหลังจากนี้ต้องได้รับไม่ผิดพลาด นอกจากนี้พวกเราก็ไม่คิดจะอยู่ที่แดนนี้นานนัก รีบลงมืองมสมบัติให้พบยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี” หานลี่ครุ่นคิด แล้วเอ่ยกับหญิงสาวอย่างไม่รีบร้อน
เซี่ยหรานเฮยหลินได้ยินจำนวนแกนผลึกก็หน้าเปลี่ยนสีเป็นประหลาดใจเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้มีเจตนาจะตัดบท
“แกนผลึกสิบสองก้อน…ได้ เช่นนั้นก็สิบสองก้อน หากเหล่าสหายอยากได้มากขึ้นล่ะก็ เผ่าของเราก็เอามามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ส่วนจะงมเวลาใด หากสหายทุกท่านไม่มีปัญหา อีกเดี๋ยวก็ลงมือเป็นอย่างไร?” หญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตแค่ครุ่นคิดเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะเอ่ยปากตอบรับ ดูเหมือนว่าจะร้อนใจกว่าหานลี่และพวกหลายส่วน
“เยี่ยม สหายเตรียมตัวก่อนเถิด ข้าจะเรียกสหายร่วมวิถีคนสุดท้ายกลับมา” หานลี่พยักหน้าขณะเอ่ย แล้วสะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นแผ่นหยกก้อนหนึ่งพลันม้วนวนออกมาจากในมือ
มือหนึ่งชี้ออกไปอย่างต่อเนื่อง อักขระสีเงินอ่อนแถวหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วเปล่งแสงสว่างวาบ พลางจมหายเข้าไปในแผ่นป้ายหยกอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากที่หญิงสาวฝั่งตรงข้ามฉีกยิ้มเบิกบานก็ถ่ายทอดเสียงให้กับฮูหยิน ทำให้นางใช้เคล็ดวิชาลับเชื่อมโยงกับแมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยทั้งสี่ตัวเช่นกัน
กลางอากาศนกยูงสีม่วงที่ถูกเรียกออกมาตัวนั้นมีพลังปราณของชายชราแซ่อี้ประคับประคองอยู่ ขนาดยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถูกนกยักษ์สีเงินกลืนกินเข้าไปท่ามกลางเสียงกรีดร้อง
หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น โคมไฟโบราณดวงนั้นร่อนลงมาจากกลางอากาศ
หานลี่ตะปบมือข้างหนึ่งออกไปอย่างไม่เกรงใจ แล้วดูดสมบัติชิ้นนี้เข้ามาในแขนเสื้อ
คนอื่นๆ เห็นสถานการณ์เช่นนั้น แม้ว่าจะรู้ว่าตะเกียงโบราณคือสมบัติวิเศษ แต่ย่อมขัดขวางได้
เวลาต่อจากนี้ด้านนอกและด้านในม่านลำแสงเมืองศิลาก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ ทั้งสองฝ่ายล้วนรออันใดอยู่เงียบๆ
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งกาน้ำชา อากาศพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น สายรุ้งสีขาวปรากฏขึ้นแล้วพุ่งกลับมาทางหานลี่
หลังจากกะพริบวาบๆ สองสามครั้ง ลำแสงหลีกหนีก็หม่นแสงลง รอบๆ หานลี่มีเงาร่างม่อเจี่ยนหลีปรากฏขึ้น
ม่อเจี่ยนหลีในยามนี้หน้าซีดเผือด เกราะสงครามสีเขียวบนร่างมีลวดลายปรากฏขึ้นเป็นสายๆ กลิ่นอายเองก็อ่อนแอกว่าก่อนหน้ากว่าครึ่ง มีท่าทีจนตรอกแฝงอยู่ลางๆ
“สหายหานเผ่าแมงมุมซิวหลัวยอมมอบแกนผลึกให้จริงๆ พวกมันจะยอมรับเงื่อนไขนี้ได้อย่างไร เอ๊ หญิงสาวผู้นี้คือใคร?” เมื่อชายชราปรากฏตัว ก็เอ่ยถามหานลี่อย่างเร่าร้อน แต่ก็กวาดสายตาไปทางหญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตด้วยความตกตะลึง
“ทางนี้เกิดความเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องสู้กับพวกเขาแล้ว หญิงสาวผู้นี้มีอิทธิฤทธิ์ไม่น้อย นี่เป็นสาเหตุของความเปลี่ยนแปลง พี่ม่อไม่มีความเห็นอันใดกับเรื่องนี้สินะ! ใช่แล้ว แมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยเหล่านั้นล่ะ?” หานลี่ตอบกลับพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ แล้วกวาดตามองไปยังที่มา ไม่เห็นลำแสงหลีกหนีอื่นปรากฏขึ้น ก็อดที่จะเอ่ยถามด้วยความตกตะลึงไม่ได้
“ไม่ต้องสู้สุดชีวิตก็ได้แกนผลึกมา ย่อมเป็นเรื่องที่ดีมาก แมงมุมซิวหลัวสี่ตัวนั้น ถูกข้ากักไว้ในเขตอาคมชั่วคราว พลังของข้าคนเดียวสู้กับมันค่อนข้างกินแรง ไม่เพียงลูกสองตัวที่ได้รับบาดเจ็บหนัก เขตอาคมนี้ยังไม่อาจกักพวกมันได้นานนัก” ม่อเจี่ยนหลีได้ยิน ก็มีสีหน้ายินดี ปากก็รีบอธิบายออกมา
“ที่แท้พี่ม่อก็อาศัยพลังของเขตอาคม นี่คือวิธีที่ไม่เลวจริงๆ” หานลี่พยักหน้า แล้วพลันรู้สึกประหลาดใจ…