A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2297 พบหลิงอ๋องอีกครา
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2297 พบหลิงอ๋องอีกครา
สิ้นเสียงพูด หานลี่ไม่รอให้คนในเผ่าคงอวี๋กล่าวสิ่งใดต่อ อ้าปากพ่นไข่มุกซานไห่เม็ดนั้นออกมา
ทันทีที่ไข่มุกลอยออกไป ไข่มุกก็หมุนวนตามลมไม่หยุดในทันที และแสงอันวิจิตรก็ส่องลงมาจากด้านบน
ที่ๆ แสงสาดส่องผ่าน คนจากเผ่าคงอวี๋ที่อยู่ด้านล่างหายไปทีละแถวๆ
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ลานกว้างทั้งหมดก็ว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาคนหลงเหลืออยู่
ตัวของหานลี่เองก็สั่นไหวอย่างประหลาด เลือนรางหายไปโดยไม่เหลือร่องรอยไว้เช่นกัน
ในมิติลึกลับขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากที่หานลี่สั่นไหวเล็กน้อย ก็ปรากฏตัวออกมาอีกครั้งอย่างเงียบๆ
ในมิติแห่งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผิวน้ำสีน้ำเงินสว่าง มีเพียงแค่ใจกลางมิติเท่านั้นที่มีหมู่เกาะขนาดใหญ่หนึ่งแห่ง และขนาดเล็กอีกสามแห่งอยู่รวมกัน
หานลี่ปรากฏตัวขึ้นที่ท้องฟ้าเหนือหมู่เกาะขนาดใหญ่ กวาดตามองเบื้องล่างเล็กน้อยก็มองเห็นคนของเผ่าคงอวี๋ที่ถูกเคลื่อนย้ายเข้ามาไว้ในมิติก่อนหน้านี้ คนจากเผ่าคงอวี๋ที่อยู่บนทุ่งหญ้าล้วนตื่นเต้นและดีใจพร้อมกัน หันซ้ายหันขวาสำรวจสถานที่ทั่วทุกด้าน
“ที่นี่คือถ้ำนภาที่อยู่ในไข่มุกซานไห่ พวกเจ้าสร้างที่อยู่กันก่อนเถิด พักอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว รอข้ากลับไปถึงยังเผ่าแล้วค่อยหาสถานที่ที่เหมาะสมให้พวกเจ้า แล้วค่อยปล่อยพวกเจ้าออกไป” หานลี่กำชับด้วยน้ำเสียงที่น่าเชื่อถือ
“ขอรับ พวกข้าจะปฏิบัติตามคำสั่งของนายท่าน” หัวหน้าเผ่าคงอวี๋ตอบรับด้วยความเคารพอย่างลึกซึ้งไปที่บนอากาศโดยไม่ลังเล
คนอื่นๆ ในเผ่าต่างก็คุกเข่าตอบรับด้วยเช่นกัน
“ฮ่าๆ ไม่ต้องสุภาพเช่นนี้หรอก พวกเจ้าดูแลตัวเองเถิด” หานลี่ยิ้มเล็กน้อย สะบัดชายเสื้อ พุ่งออกไปด้านหน้า ทั่วทั้งร่างสั่นคลอนแล้วจากไปจากมิตินี้
เมื่อชายชราเห็นสิ่งนี้ เขาระงับความตื่นเต้นในใจแล้วลุกขึ้นยืนทักทายผู้คนในเผ่า และเริ่มมองหาที่พำนักชั่วคราวที่เหมาะสมบนหมู่เกาะต่างๆ
ในเวลาเดียวกันที่โลกด้านนอก หานลี่ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง ค่อยๆ ร่อนลงมาอย่างช้าๆ
เขามองหาสถานที่ที่ต้องการแล้วปิดตานั่งขัดสมาธิลงตรงที่นั้น
เขาสัมผัสได้ชัดเจนถึงแรงขับไล่ที่เริ่มวนเวียนห้อมล้อมอยู่ใกล้ๆ ร่างกาย ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่สบายอย่างหนึ่ง
เวลาผ่านไปเล็กน้อย
หลังจากไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ คลื่นแปลก ๆ เล็ดลอดออกมาจากท้องฟ้าเหนือศีรษะของเขา มีกลุ่มเมฆสีดำโผล่ออกมา ส่งเสียงดังครืนๆ เบาๆ
ที่ๆ หานลี่นั่งสมาธิ อากาศบิดเบี้ยวและพร่ามัวชั่วขณะ ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนชั่วขณะหนึ่ง
ทันใดนั้นหานลี่ก็ลืมตาขึ้น สะบัดแขนเสื้อสิ่งของบางอย่างแวบเข้ามาในมือของเขาแล้วสลายหายไปในทันที
“ตูม” เสียงราวฟ้าฝ่าในตอนกลางวัน
เส้นโค้งสีเงินเทอะทะเส้นหนึ่งโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า หานลี่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยภายใต้สายฟ้าที่อบอวลอยู่…
แดนวิญญาณ ที่ยอดเขาของภูเขาหินที่รกร้างผิดปกติ มีเสียงดังกึกก้อง มิติที่มีหมอกสีขาวเปิดออก และรัศมีห้าสีก็พุ่งออกมาจากมัน
รัศมีนี้หมุนไปรอบ ๆ และกลายเป็นค่ายกลแสงขนาดยักษ์ที่มีขนาดมากกว่าสิบฟุต
ในเวลาต่อมา ฟ้าร้องคำรามในค่ายกลแสง คลื่นของความผันผวนของมิติก็ปรากฏขึ้น และสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนก็ส่องอยู่รอบๆ และเงาร่างคนหนึ่งโผล่ร่างที่แท้จริงออกมา
ที่แท้เป็นหานลี่ที่กลับมาจากแดนย่อยอสุรา
เขาขยับไหล่เล็กน้อย รูปร่างก็กลับมามั่นคงดังเดิม
รอยแยกมิติด้านบนและค่ายกลแสงด้านล่างส่งเสียงดังสนั่นแล้วสลายหายไปในอากาศพร้อมกัน
ยอดเขาด้านบนกลับมาเป็นปกติ นอกจากหานลี่ที่โผล่ออกมา ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก
หานลี่เงยหน้ามองไปรอบๆ หัวคิ้วย่นลงเล็กน้อยแล้วใช้นิ้วหนึ่งจิ้มลงไปกลางหว่างคิ้ว
พลังจิตสัมผัสจำนวนมากหลั่งไหลออกมาทันที แผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศอย่างท่วมท้นอย่างกว้างใหญ่ไพศาล
“ไม่เลว มิค่อยเบี่ยงจากพิกัดที่กำหนดไว้ในตอนแรก ดูเหมือนว่าการเดินทางในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง” หลังจากนั้นไม่นานหานลี่นำนิ้วลงแล้วพึมพำกับตอนเองพร้อมถอนหายใจ
ทว่าเขาไม่มีความคิดที่จะรีบออกจากสถานที่แห่งนี้ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงมองหาภูเขาหินที่สะอาดเพื่อนั่งขัดสมาธิไม่ขยับไปไหน
ภายในแขนเสื้อ มีศาสตรายุทธ์ชิ้นหนึ่งส่องแสงกะพริบวิบวับ
หลังจากผ่านไปสามชั่วยามเต็มๆ มีเสียงแหวกอากาศดังมาจากด้านบนท้องฟ้า สายรุ้งสีขาวพุ่งออกมา หลังจากกะพริบเล็กน้อย ก็มาถึงยังยอดเขา
หลังหมุนวนอยู่ครู่หนึ่ง ลำแสงหายไป มั่วเจี่ยนหลีพลันปรากฏออกมา
“น้องหาน เจ้าก็กลับมาอย่างปลอดภัย นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก! เพราะเป็นพี่ชายถึงรู้ว่าเจ้าจะไม่จากไปไกลเกินจากเขตนี้” มั่วเจี่ยนหลีพูดมาทางด้านล่างด้วยความดีใจ
“ฮ่าๆ นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าหากไปไกลเกินกว่าพิกัดที่กำหนดไว้ เกรงว่าจะเป็นการทำให้เรื่องแย่ลงแล้ว ในเมื่อพี่มั่วมาถึงแล้ว พวกเรารีบไปหาหลิงอ๋องกันเถิด ถ้าหากยันต์เหลยเซียวนั้นมีปริมาณไม่เพียงพอแล้วถูกพวกเซวี่ยหรานชิงแลกเปลี่ยนไปก่อน คงเป็นเรื่องไม่ดีนัก” หานลี่ยืนขึ้นพร้อมหัวเราะเบาๆ พูดอย่างสบายๆ
“น้องหานพูดถูก ต้องระวังสักหน่อยแล้ว พวกเรารีบไปที่เขาฟูหลิงกันเถิด” มั่วเจี่ยนหลีแอบหวั่นในใจ สีหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน
หานลี่พยักหน้าลง ทำท่าทางร่ายคาถา ร่างกายมีลำแสงห่อหุ้มเปลี่ยนเป็นรุ้งสีน้ำเงินลอยอยู่กลางอากาศ หลังจากที่ห่อหุ้มไว้ทั้งหมดแล้วจึงมุ่งไปยังทิศทางที่แน่นอนทางหนึ่ง
มั่วเจี่ยนหลีย่นคิ้วเล็กน้อย แล้วแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงตามติดออกไปไม่ห่าง
คนหนึ่งอยู่หน้า คนหนึ่งอยู่ด้านหลัง ภายใต้เสียงแหวกอากาศหายไปยังเส้นของฟ้าในอึดใจหนึ่ง
ผ่านไปไม่นาน ทั้งสองคนมาปรากฏอยู่ใกล้ๆ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่หลิงอ๋องอาศัยอยู่ พุ่งตรงขึ้นไปยังยอดเขาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
มีเสียงอู้อี้ในความว่างเปล่าด้านหน้า ทันใดนั้นเขตต้องห้ามก็ทำงาน หลังจากที่แสงหลากสีสันเข้ามา ก็ขวางทางของทั้งสองทันที
คิ้วของหานลี่ย่นลงเล็กน้อย ตอนที่กำลังจะสะบัดปลายนิ้วเพื่อทำลายเขตต้องห้ามพวกนี้อย่างไม่เกรงใจ ภายใต้ลำแสงพลันได้ยินเสียงของผู้ชายดังออกมา
“คารวะผู้อาวุโสทั้งสอง! ใต้เท้าหลิงได้มีคำสั่งให้ข้ามารอต้อนรับท่านทั้งสองเพื่อนำทางให้พวกท่านโดยเฉพาะ”
สิ้นเสียง สำแสงแตกออก ปรากฏเป็นชายหัวโล้นผู้หนึ่ง ทำความเคารพมายังพวกของหานลี่
ที่แท้เป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ชื่อ “หลิงอิ่น”
“เป็นเจ้า! เช่นนั้นทำทางอยู่ด้านหน้าเถิด” หานลี่หรี่ตาลง ออกคำสั่งอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“เชิญท่านผู้อาวุโส!” หลิงอิ่นโค้งตัวเล็กน้อย หันตัวกลับไปนำทางอยู่ด้านหน้า
เขาผ่านไปที่ใด เขตต้องห้ามทั้งหมดก็หลีกทางให้
หานลี่และมั่วเจี่ยนหลีเดินผ่านไปอย่างไม่เกรงใจ
เวลาผ่านไปหนึ่งกาน้ำชา พวกของหานลี่ก็ถูกพามาถึงยังตำหนักก่อนหน้านี้
ตอนที่ทั้งสองเดินผ่านประตูตำหนัก พลันเห็นเงาร่างคุ้นตาของนักพรตที่คุ้นเคยอีกสองคน
เซวี่ยหรานและเฮยหลิน นั่งอยู่บนเก้าอี้สองตัวที่ด้านหนึ่งในห้องโถงใหญ่
ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างเสียงเบา เมื่อเห็นหานลี่และมั่วเจี่ยนหลีเข้ามา ก็หยุดเสียงลงแล้วกวาดสายตาไปทั่ว
มั่วเจี่ยนหลีไม่สามารถห้ามมิให้รูม่านตาหดลง หาวแล้วหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง
“เดิมทีคิดว่าพวกเราสองคนไม่ได้มาช้า คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาถึงช้ากว่าพี่เซวี่ย พี่เฮยมาก มิรู้ว่าท่านนักพรตทั้งสองมาถึงเร็วเช่นนี้ หรือว่าจะแลกเปลี่ยนกับหลิงอ๋องเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
“นักพรตมั่วโปรดอย่าเข้าใจผิด พวกเรามาถึงก่อนพวกท่านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังไม่ได้พบเจอหลิงอ๋องเลย” สีหน้าของเซวี่ยหรานเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เมื่อสบตากับหานลี่ที่อยู่ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวในใจ รีบอธิบายออกมาด้วยรอยยิ้มในทันที
“เช่นนี้หมายความว่าพวกเราไม่ได้มาสาย แต่ไม่ทราบว่าพี่หลิงจะออกมาพบพวกเราเมื่อใดหรือ?” เมื่อมั่วเจี่ยนหลีได้ฟังดังนี้ จึงวางใจไปได้เปลาะหนึ่ง แล้วถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“น่าจะเร็วๆ นี้ ได้ยินที่พวกเขาพูดกันเมื่อครู่ว่า ไม่กี่วันมานี้หลิงอ๋องยังปิดด่านฝึกตนอยู่ เวลาที่จะออกจากด่านอาจจะล่าช้าเล็กน้อย” เซวี่ยหรานพูดด้วยรอยยิ้มปลอมๆ “ที่แท้เป็นเช่นนี้! ผู้เฒ่าคนนี้วางใจแล้ว” มั่วเจี่ยนหลีหัวเราะออกมาเล็กน้อย ทักทายหานลี่นิดหน่อย ก็ไปนั่งยังเก้าอี้อีกด้านของห้องโถงใหญ่
ในการพูดคุยนี้ แม้หานลี่ไม่ได้กล่าวอันใด แต่ใบหน้ากลับแสดงสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มโดยตลอด
ด้วยจิตใจของเขา เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวตนเองของพี่น้องคู่นั้น
ดูเหมือนว่าสงครามใหญ่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ที่แดนย่อยอสุราจะหลงเหลือความหวาดกลัวให้คนทั้งคู่มิใช่น้อย
“จริงสิ นักพรตทั้งสองท่านไปที่รังของเชอชี่จื่อ ได้พบเจออสูรร้ายหรือไม่?” หานลี่หันลูกตากลับมาถามทั้งสองคนที่อยู่ตรงข้าม
“ไอ้เจอมันก็เจอแหละ แต่เจ้าเชอชี่จื่อนี่มันช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เพียงประมือกันหนึ่งครั้ง ก็ละทิ้งรังและหนีไปไกล น่าเสียดายที่เราไม่สามารถอยู่ในแดนย่อยอสุราได้นานเกินไป มิฉะนั้น ไม่ว่าสัตว์ร้ายนี้จะดุร้ายแค่ไหน มันก็จะไม่มีวันรอดพ้นจากมือของพวกเราพี่น้องได้” เซวี่ยหรานตอบกลับพลางย่นคิ้ว ในน้ำเสียงเห็นได้ขัดถึงความเสียดาย
“น่าเสียดายยิ่งนัก” หานลี่หัวเราะเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเชื่อคำพูดนั้นหรือไม่
แววตาของเซวี่ยหรานสว่างวาบ คิดจะถามเรื่องราวบางอย่างกับหานลี่ พลันมีเสียงของคนแก่ที่มีความสุขมาดังมาจากด้านนอกตำหนัก
“ฮ่าๆ ท่านนักพรตล้วนแต่กลับมาโดยสวัสดิภาพ ข้ารอพวกเจ้ามานานแล้ว”
เสียงเท้าดังขึ้น
ด้านนอกประตูปรากฏเงาของชายชราในชุดขาว สาวเท้ายาวๆ มาทางกลุ่มคนที่นั่งอยู่
“พี่หลิง ในที่สุดท่านก็ออกมาแล้ว แกนผลึกแมงมุมอสุราที่ท่านต้องการ พวกข้าได้มันมาอยู่ในครอบครองแล้ว” เฮยหลานดีใจอย่างยิ่งที่ได้พบชายชราในชุดขาว ชิงยืนขึ้นกล่าว
“งั้นรึ ให้ผู้เฒ่าตรวจดูสักเล็กน้อยได้หรือไม่” หลิงอ๋องมีสีหน้ายินดี รีบกล่าวออกมา
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เฮยหลินหัวเราะเล็กน้อย สบัดข้อมือนำกล่องสีเขียวกลมออกมาโดยไม่ลังเล
หลิงอ๋องคว้ามันจากความว่างเปล่าด้วยมือเดียว ก็ได้กล่องสีเขียวกลมมาอยู่ในมือ เปิดฝาออกแล้วใช้จิตสัมผัสกวาดผ่านภายในนั้น
“ไม่เลว ไม่เลว…ที่แท้เป็นแกนผลึกของแมงมุมอสุราที่โตเต็มวัยแล้ว พลังกฎแห่งกาลเวลาที่บรรจุอยู่ภายในมีไม่น้อยเลย น่าจะเพียงพอที่จะหลอมพลังแห่งกาลเวลาขึ้นมาสายหนึ่ง” ใช้เวลาไม่นาน ชายชราในชุดขาวก็เผยสีหน้าพอใจออกมา
“เช่นนั้นสิ่งที่ข้าน้อยต้องการ…” เวลานี้ เฮยหลินถามออกมาด้วยความตื่นเต้นหลายส่วน
“ฮ่าๆ วางใจเถิด…นักพรตเฮย รับให้ดี” ชายชราในชุดขาวหัวเราะเล็กน้อย หลังเก็บกล่องกลมๆ ที่อยู่ในมือ ก็สะบัดแขนเสื้อออกไปทางเฮยหลิน
กล่องหยกที่มียันต์หลายใบแปะอยู่ไว้พลันบินออกมา
เฮยหลินดีใจเกินคาด เมื่ออ้าปากก็มีแสงสีดำพุ่งออกมา หลังจากถ่ายเทไปยังกล่องหยก ยันต์แปะอยู่พลันหมุนเวียนขึ้นมาเป็นเกลียว
เซวี่ยหรานที่อยู่ด้านข้าง ตาทั้งสองข้างจับจ้องไปยังมั่วเจี่ยนหลีและหานลี่อย่างมั่นคง เริ่มมีท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาหลายส่วน…