A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2303 เย่ว์หลง
“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน เรื่องนี้ข้าน้อยคงต้องขอเวลาพิจารณาอย่างรอบคอบ” คิ้วของนักพรตซานเฉวียนขมวดแน่น หลังจากตรองดูจึงกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม
“เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ควรทำ เอาอย่างนี้ ข้าจะรอคำตอบจากท่านนักพรตอยู่ที่นี่สองสามวัน หากภายในสามวันท่านนักพรตยินยอมออกจากเขาเพื่อเป็นกำลังให้ข้า พวกเราก็ออกเดินทางไปพร้อมกัน แต่หากท่านไม่ยินยอม ข้าก็จะไปพบนักพรตโฉวย่วนที่หุบเขาโลหิตพิโรธ มหายุทธ์สูบกระดูกที่เขาฝึกฝน เมื่อนำมาจัดการกับผู้ที่มีระดับเดียวกันแล้วส่งผลกระทบที่คาดไม่ถึงอย่างมาก” หวงหยวนจื่อพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ตกลง สามวันหลังจากนี้ข้าจะมีคำตอบให้ท่านอย่างแน่นอน” ซานเฉวียนพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย หลังจากทำมือร่ายคาถา ร่างทั้งร่างก็เลือนรางหายไปจากทุ่งหญ้ากว้าง
หวงหยวนจื่อหัวเราะออกมา สะบัดแขนเสื้อเหาะออกไป
เสียงดังสนั่นขึ้น
แสงสีทองนับหมื่นบนพื้นหญ้าก่อตัวกันเป็นพระราชวังที่วิจิตรตระการตา
สาวงามราวกับดอกไม้หลายคนในชุดนางในเดินออกมาจากประตูวัง คำนับแสดงความเคารพไปทางหวงหยวนจื่อโดยพร้อมเพรียง ปากเรียก ‘นายท่าน’ ไม่หยุด
หวงหยวนจื่อหัวเราะออกมาเล็กน้อย จึงเดินวางท่าใหญ่โตเข้าไปในพระราชวัง
…
ที่ดาดฟ้าด้านหน้าและด้านหลังของเรือยักษ์มีหุ่นเชิดผลึกมารที่มีกลิ่นอายความแข็งแกร่งหลายตนยืนคุ้มกันอยู่
ตอนที่มีอสูรทะเลที่ไม่รู้ว่าดีหรือเลวกระโดดขึ้นมาจากผิวน้ำ หุ่นเชิดบางตัวขยับแขนพ่นลำแสงออกมาอย่างหนาแน่นโดยทันที
อสูรทะเลที่ขวางทางพวกนี้ ถูกลำแสงเจาะเป็นรูพรุนแล้วสลายหายไปในความว่างเปล่า
ที่ชั้นบนสุดของเรือยักษ์ ในห้องโถงใหญ่ที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม หานลี่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีเงินซีดตัวหนึ่ง กำลังปิดตาครุ่นคิดบางสิ่งอยู่
บรรพชนฮวาฉื่อและจูกั่วเอ๋อร์ยืนอย่างให้เกียรติอยู่ด้านหลังเก้าอี้
แม้ว่าจะเดินทางด้วยเรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึก อีกทั้งไม่ใช่ครั้งแรกที่หานลี่เดินทางเข้าสู่แดนพงไพร แต่นับจากที่เดินทางออกมาจากเกาะไร้ขอบเขต ก็ผ่านมาแล้วสองปีกว่า
บนเก้าอี้อีกตัวใกล้กับหานลี่ มีผู้หญิงเย็นชาที่สวมชุดสีขาวนั่งอยู่ ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำเล็กน้อย หว่างคิ้วของนางปรากฏอักษรรูนสีแดงสดอันแปลกประหลาด
“นักพรตเซวี่ยพั่ว อีกไม่ไกลก็จะเข้าสู่เขตของเผ่าวิญญาณเหาะเหินแล้ว แผ่นดินใหญ่เฟิงหยวนใหญ่ถึงเพียงนี้ นี่คงเป็นครั้งแรกที่ท่านมาที่แห่งนี้” หานลี่หันมาพูดด้วยรอยยิ้มกับผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ หญิงสาวในชุดขาวนี้ ที่แท้เป็นร่างจำแลงเซวี่ยพั่วของเซียนปิงพั่ว
หลังจากหานลี่ออกเดินทางจากทะเลไร้ขอบเขตเมื่อสองปีก่อน ยังไม่ได้เข้าสู่แดนพงไพรในทันที แต่ไปยังตระกูลซวี่เพื่อรับหญิงสาวนางนี้ออกมาด้วย
ในเวลานี้ที่หญิงสาวนางนี้ได้ยินสิ่งที่หานลี่เอ่ยถาม รีบโค้งตัวตอบกลับหานลี่อย่างเคารพ
“ผู้อาวุโสหาน ข้าน้อยไม่เคยติดต่อกับเผ่าวิญญาณเหาะเหิน ทว่ากลับเคยได้ยินว่าเผ่านี้มีอิทธิ์ฤทธิ์หลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณแท้ในสมัยโบราณเรื่องนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงโด่งดัง”
“เผ่าวิญญาณเหาะเหินเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ข้าเคยเดินทางมาท่องเที่ยวในปีนั้น ทั้งยังมีสหายผู้หนึ่งที่บำเพ็ญเพียรอย่างสันโดษอยู่ที่เขตนี้ ข้าเดินทางผ่านที่นี่ จึงถือโอกาสไปเยี่ยมเยียนเสียหน่อย แต่เรื่องสิทธิ์การส่งตัวไปยังแผ่นดินใหญ่อื่นๆ ที่เจ้าพูดถึง น่าเชื่อถือจริงหรือ อย่ารอให้พวกเรามาไกลถึงที่นี่ แล้วกลับดีใจเก้อ” หานลี่อธิบายออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนมาถามคำถาม
“ผู้อาวุโสโปรดวางใจ กลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียนเป็นหนึ่งในกองกำลังที่ซ่อนอยู่ไม่กี่แห่งในแดนวิญญาณที่ครอบคลุมสามทวีป เมื่อเทียบกับเผ่าระดับสูงเช่นเจี่ยวชือแล้วก็ไม่ได้อ่อนแอกว่ามากนัก นี่จึงเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถใช้เขตอาคมข้ามทวีปได้ เป็นเพราะเงื่อนไขพิเศษ ในทุกๆ ปี กลุ่มพันธมิตรการค้าต้องจัดงานประมูลสิทธิ์ส่งตัวระหว่างแผ่นดินใหญ่จำนวนหนึ่ง ตอนนั้นถ้าไม่ใช่ว่าข้าโชคดีได้มีโอกาสเป็นแขกพิเศษของกลุ่มพันธมิตรการค้า นอกจากเงื่อนไขที่ใช้ร่วมประมูลแล้ว ข้าก็ไม่รู้เรื่องอื่นอีก ปีนี้เป็นเวลาสำหรับการประมูลดังกล่าวอีกครั้ง หากครั้งหน้าอาจต้องใช้เวลาหลายสิบปี หรือสองหรือสามร้อยปีจึงจะมีขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นผู้ที่แข็งแกร่งในแต่ละเผ่าที่เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ คงมีเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน” เซวี่ยพั่วอธิบายอย่างละเอียด
“ตอนนี้ข้ารู้เรื่องราวของกลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียนเพียงเล็กน้อย ปีนี้ต้องการรู้เกี่ยวกับงานประมูลนี้ หลังจากที่ข้ากลับมาจากแผ่นดินใหญ่ฟ้าคำราม ไม่แน่ว่าจะไม่จำเป็นต้องทำเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ ถึงอย่างไร ด้วยสถานะของข้าในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่มีคุณสมบัติที่สามารถติดต่อกับกลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียนนี้ได้” หานลี่อธิบายด้วยรอยยิ้มบาง
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ งานประมูลสิทธิ์ส่งตัวข้ามแผ่นดินใหญ่ แม้แต่กับกลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียนเองก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องเล็ก คนนอกหากต้องการเข้าร่วมงานประมูล นอกจากจะมีคนแนะนำให้ ตัวเราเองก็จำเป็นต้องมีข้อมูลเฉพาะตัวที่แน่นอนในอยู่แต่ละเผ่าหรือต้องมีพลังยุทธ์ในระดับผสานอินทรีย์ขึ้นไป ถึงจะสามารถเข้าร่วมงานประมูลได้โดยไม่มีเงื่อนไข ด้วยสถานะของผู้อาวุโสหานในตอนนี้ หากต้องการเข้าร่วมการประมูล เกรงว่าสำหรับผู้ที่รับผิดชอบงานประมูลนี้ กลับเป็นเรื่องที่ได้มาโดยง่าย”
เซวี่ยพั่วยิ้มอย่างมีเสน่ห์
“หวังว่ามันจะราบรื่นเช่นนี้ มาถึงตอนนี้ ข้าจะไม่ปิดบังเจ้าอีกต่อไป ที่พาเจ้าเดินทางมาด้วยในครั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นเพราะข้อตกลงก่อนหน้านี้ แต่หลังจากที่ส่งตัวเข้าแผ่นดินใหญ่ฟ้าคำราม กลับไม่สามารถที่จะส่งตัวต่ออีกครั้งได้โดยทันที จำเป็นต้องหยุดอยู่ที่แผ่นดินใหญ่นี้ช่วงหนึ่ง ต้องหาขอบเขตบางอย่าง หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นนักพรตเซวี่ยพั่วจะยกโทษให้สักหน่อย” หลังจากที่หานลี่พยักหน้า พูดด้วยเส้นแสงประหลาดที่พาดผ่านแววตา
“ข้ารอมานานถึงเพียงนี้ รอต่อไปอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป ผู้อาวุโสมีธุระที่รีบจัดการให้เสร็จก่อนเถิด ข้าน้อยไม่มีปัญหาอันใด” เซวี่ยพั่วตอบโดยไม่ต้องคิด
“นักพรตเซวี่ยพั่วคิดเช่นนี้ ข้าก็เบาใจ ทว่าท่านนักพรตโปรดวางใจ ของที่ข้าต้องการหาไม่ใช่ของที่หายากอันใด คงไม่เสียเวลาอยู่ที่แผ่นดินใหญ่ฟ้าคำรามนาน” หานลี่เผยรอยยิ้มพึงพอใจ
…
ด้วยรูปร่างมหึมาของเรือวิญญาณน้ำหมึก ทันทีที่มันสู่อาณาเขตของเผ่าวิญญาณเหาะเหิน ย่อมดึงดูดความสนใจของคนในเผ่าได้เป็นจำนวนมาก
แต่ไม่ว่าคนในเผ่าวิญญาณเหาะเหินคนใดก็ตาม เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายระดับมหายานอันน่ากลัวที่ถูกปล่อยออกมาจากบนเรือยักษ์ ล้วนหลบเลี่ยงออกไปคนละสามฉื่อด้วยความตกใจ
สถานที่ที่เรือยักษ์สีดำบินผ่าน บรรดาวิญญาณเหาะเหินระดับสูงแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอดและไม่กล้าหยุดพวกเขา
ตลอดมาจนถึงวันที่ห้า เรือยักษ์สีดำได้เดินทางมาถึงอาณาเขตส่วนลึกของเผ่าวิญญาณเหาะเหิน ตอนที่กำลังแล่นผ่านน่านฟ้าเหนือทะเลสาบแห่งหนึ่ง พลันมีเสียงของคนแก่ที่แหบแห้งดังมาจากทางด้านหน้า
“ไม่ทราบว่าเป็นนักพรตเผ่าใดที่มาถึงยังเผ่าวิญญาณเหาะเหินของพวกเรา ข้าน้อยเย่ว์หลง หวังว่าท่านนักพรตจะออกมาพบหน้ากันสักหน่อย”
ทันทีที่สิ้นเสียง เมฆดำทะมึนเคลื่อนตัวอยู่บนท้องฟ้า หลังจากลมกรรโชกแรง นกประหลาดเก้าหัวที่มีความยาวกว่าหนึ่งพันจั้งพลันปรากฏออกมา
หัวทั้งเก้าของนกประหลาดนี้ดูดุร้ายเป็นอย่างมาก ทว่าขนทั่วทั้งร่างกลับมีสีสันสวยสดงดงาม แรงกดดันทางวิญญาณที่น่ากลัวถูกปล่อยออกมาในเวลาเดียวกับที่ปรากฏตัวออกมา ปกคลุมท้องฟ้าส่วนหนึ่งดูเหมือนว่าไม่ด้อยไปกว่ากลิ่นอายระดับมหายานที่ถูกปล่อยออกมาจากบนเรือยักษ์สีดำ
เสียงนั้นคือเสียงที่หัวยักษ์หนึ่งหัวของนกประหลาดเก้าหัวพูดออกมา
“ที่แท้คือนักพรตเย่ว์หลง! ข้าน้อยหานลี่จากเผ่ามนุษย์ มาที่เผ่าของท่านเพียงเพื่อจะพบสหายเก่าแก่ผู้หนึ่ง มิได้มีเจตนาอื่นอีก ท่านนักพรตไม่ต้องกังวลอันใด” ที่ดาดฟ้าเรือด้านหน้าของเรือยักษ์มีเงาคนสีเขียวปรากฏขึ้น หานลี่พลันปรากฏตัวออกมาจากแสงนั้น พูดด้วยความอ่อนน้อมไปยังนกที่อยู่สูงเบื้องหน้า
“หานลี่…หรือว่าคือนักพรตเผ่ามนุษย์ท่านนั้นที่สามารถฆ่าหนอนเพลี้ยตัวแม่ในแดนมารได้ ที่อยู่ในข่าวลือเมื่อไม่กี่ปีมานี้” นกประหลาดเก้าหัวพลันประหลาดใจ อดไม่ได้ที่จะรัวคำพูดออกมา
“หากในเผ่ามนุษย์ไม่มี ‘หานลี่’ คนที่สอง…คนที่นายท่านพูดถึงคงจะเป็นข้าน้อย แต่ไม่ทราบว่าท่านนักพรตรู้จักชื่อของข้าน้อยได้อย่างไร” แววตาหานลี่สว่างวาบ ทว่ากลับถามอย่างสงบ
“ฮ่าๆ ที่แท้คือนักพรตหานผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง นักพรตมาเยือนที่เผ่าของพวกเราเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี ต้องไปที่จวนของข้าน้อยสักหน่อยจึงจะถูกต้อง ข้าน้อยมีสหายผู้หนึ่งเคยเข้าไปที่แดนมารเพื่อกำจัดหนอนเพลี้ยตัวแม่ หลังจากที่กลับออกมา เกี่ยวกับเรื่องบุญคุณในครั้งนั้นที่ท่านนักพรตได้ช่วยชีวิตเอาไว้และอิทธิ์ฤทธิ์ที่ฆ่าแม่หนอนเพลี้ยครั้งนั้น ล้วนถูกหยิบยกครั้งแล้วครั้งเล่า” นกประหลาดเก้าหัวเมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ ก็ดีใจเกินคาด หลังจากร่างกายปกคลุมด้วยลมทมิฬ ก็เปลี่ยนเป็นชายชราหน้าตาน่าเกลียดสูงสองจั้ง
บนร่างสวมเสื้อคลุมขนนก มือข้างหนึ่งจับไม้เท้าที่มองดูแล้วเหมือนไม้เท้าสีเหลืองทั่วไป ใช้สายตาที่แสดงถึงความยินดีอย่างมากมองไปยังหานลี่ที่อยู่บนเรือยักษ์
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ไม่ทราบว่าสหายของท่านเป็นคนเผ่าใด ไม่แน่ว่าข้าน้อยอาจจะรู้จักบ้างเล็กน้อย” หานลี่เอ่ยด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“สหายของข้าผู้นี้คือนักพรตหยวนเฟยจากเผ่าอายุยืน ไม่ทราบว่าพี่หานเคยได้ยินหรือไม่” เย่ว์หลงตอบกลับโดยไม่ลังเล
“เผ่าอายุยืน หยวนเฟย…นายท่านพูดเช่นนี้ ข้าน้อยมีความประทับใจบางอย่าง คงเป็นหนึ่งในกลุ่มนักพรตพวกนั้นที่ติดอยู่ในแดนมารในตอนแรกเริ่ม” หลังจากหานลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มีความประหลาดใจเล็กน้อย
“ฮ่าๆ เผ่าอายุยืนเป็นเพื่อนบ้านกับเผ่าวิญญาณเหาะเหินของข้า และนักพรตหยวนเฟยกับข้าก็มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งต่อกัน อิทธิฤทธิ์มากมี แต่หลังจากช่วงเวลาหนึ่งที่ติดอยู่ในแดนมารครั้งก่อน กลับสูญเสียพลังปราณบางส่วนอย่างแท้จริง ตอนนี้กำลังปิดด่านเพื่อซ่อมแซมพลังอย่างยากลำบาก ถือเป็นช่วงเวลาวิกฤตอย่างแท้จริง มิฉะนั้นหากรู้ว่าวันนี้พี่หานมาที่นี่ คงต้องออกมาพบหน้าด้วยตนเองอย่างแน่นอน แต่ว่าจวนของข้าน้อยห่างจากที่นี่ไม่ไกล นักพรตหานต้องไปเยี่ยมชมสักหน่อยจึงจะถูก” หลังจากเย่ว์หลงอธิบายเพิ่มเต็มเล็กน้อย ก็ออกปากบอกเชิญชวนอีกครั้งอย่างอบอุ่นมาก
“ในเมื่อนักพรตเย่ว์มีไมตรียากที่จะปฏิเสธ เช่นนั้นข้าขอขอบคุณสำหรับการต้อนรับ” หลังจากหานลี่ที่อยู่บนดาดฟ้าเรือพึมพำเล็กน้อย รู้สึกว่าแท้จริงแล้วไม่ควรบอกปฏิเสธออกไปโดยตรง จึงพยักหน้าส่งเสียงรับปาก
“ดีจริงๆ ท่านนักพรตตามข้ามา” เย่ว์หลงดีใจอย่างมาก ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบความว่างเปล่า พลันแปรเคลื่อนตัวออกไปไกลราวกับสายลมบ้าคลั่ง
“พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่เถอะ ข้าไปครู่หนึ่งก็กลับแล้ว” หานลี่หันหลังมาคุยกับฮวาสือ เซวี่ยพั่วและคนอื่นๆ ที่เพิ่งปรากฏตัวออกมา หลังจากร่างกายมีแสงสีเขียววาบผ่าน แปรเปลี่ยนเป็นรุ้งยาวสายหนึ่งแหวกอากาศตามไปติดๆ
บรรพชนฮวาสือและคนอื่นๆ ย่อมโค้งตัวน้อมรับคำสั่งให้รออยู่ที่นี่
ด้วยระดับมหายานของหานลี่และเย่ว์หลงที่อยู่ด้านหน้า ความเร็วในการเคลื่อนไหวย่อมไวเหนือความคาดหมาย แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามกว่า พวกเขาก็ข้ามผ่านมากกว่าหนึ่งล้านลี้ มาถึงเหนือแอ่งแห่งหนึ่งที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาสีเขียวชอุ่ม
ที่ใจกลางของแอ่งนี้ มีเจดีย์หินขนาดใหญ่ที่สูงกว่าหนึ่งพันจั้งตั้งอยู่ ทั้งหมดมีมากกว่าร้อยชั้น
รอบๆ แอ่งยังมีสิ่งก่อสร้างชนิดอื่นๆ มากมายที่มีระดับความสูงต่ำไม่เท่ากัน แต่ก็ล้วนแต่ห่างออกไปจากเจดีย์หินนี้กว่าสิบลี้ โดยพื้นฐานแล้วไม่กล้าเข้าใกล้…