A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2312 มหาสงครามด้านนอกหุบเขา (1)
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2312 มหาสงครามด้านนอกหุบเขา (1)
“เราจะใช้เมล็ดศพแม่ลูกหยินเหลยตอนนี้ไม่ได้” ซานเฉวียนขมวดคิ้วแล้วพูดกล่าวเตือน
“เรื่องนี้ข้ารู้อยู่แล้ว สหายเจ้าดูนี่” หวงหยวนจื่อพลิกฝ่ามือออกมาข้างหนึ่ง กลางฝ่ามือของเขาปรากฏลูกกลมๆขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือสามลูก สีขาวเทา มีเส้นเลือดฝอยแตกระแหงไปทั่ว ดูแปลกตาอย่างมาก
“มีศพหยินเหลยถึงสามลูก ถือว่าสหายสามารถทำเงินได้มากมายทีเดียว” ซานเฉวียนตกใจมาก จากนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงความพึงพอใจออกมา
“รีบลงมือเถอะ ในเมื่อเราทำลายวิชาลับของฝ่ายตรงข้ามไปแล้ว เขาอาจจะกำลังเดินทางมาที่นี่เร็วๆ นี้ก็ได้” หวงหยวนจื่อกล่าวตัดบท
“วางใจเถอะ มีศพหยินเหลยสามเม็ดนี้แล้วล่ะก็ สามารถทำลายแดนต้องห้ามได้ในทันที” ซานเฉวียนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง
จากนั้นเขาก็อ้าปากขึ้น คายป้ายไม้ด้านบนเป็นมุมสามเหลี่ยมสามป้ายสามสีออกมา จากนั้นก็จับทั้งหมดเอาไว้ในมือข้างเดียว
ป้ายไม้ทั้งสามปลิวขึ้นตามลมที่พัดอย่างรุนแรง ขนาดของมันเพิ่มสูงขึ้นมาก
นักพรตผู้นั้นใช้มือข้างเดียวในการร่ายคาถา ด้านหลังของเขามีงูหลามขนาดใหญ่สามตัว พวกมันอ้าปากขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็พ่นลำแสงต่างสีออกมา ชั่วพริบตาเดียวพวกมันก็ลอยเข้าไปในป้ายไม้เหล่านั้น
ป้ายไม้ทั้งสามก็เสียงดังคำราม อักษรรูนจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น หลังที่ควบรวมกันแล้วก็กลายเป็นธงขนาดเล็ก โดยมีเสาเชื่อมโยงสามร้อยถึงสี่ร้อยอัน
เสาแต่ละต้นนั้นใสราวกับคริสตัล ธงสว่างเปล่งประกายและมีปราณแผ่ออกมาจางๆ
หวงหยวนจื่อที่ยืนอยู่บนซุ้มประตูที่ได้เห็นดังนั้น ม่านตาของเขาก็หดเล็กลง ลูกปัดสีขาวที่อยู่ในมือของเขาสามลูก จู่ๆ ก็สั่นกึกๆ จากนั้นก็พุ่งออกไปข้างหน้า
….
ในอีกด้านหนึ่ง หานลี่เห็นผลึกสีเขียวที่อยู่ตรงหน้าเขามีรอยร้าวขึ้นมา ดวงตาสีดำที่อยู่ระหว่างคิ้วของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ใบหน้าของเขาปรากฏความเย็นชาขึ้น
“สามารถสัมผัสการมีอยู่ของข้าจากในระยะไกลได้ ก็ถือว่าแข็งแกร่งกว่าระดับมหาเมธีทั่วไปมาก แต่ว่าการโจมตีเพียงครั้งเดียว ระดับการฝึกยังห่างไกลกับเผ่าแมงมุมตัวแม่อยู่มาก แต่ข้าไม่รู้ว่าเขายังมีพลังหรือวิชาลับอะไรอื่นๆ อีกหรือไม่”
หลังจากหานลี่บ่นพึมพำ เขาก็พลิกฝ่ามือขึ้นมาข้างหนึ่ง กลางฝ่ามือของเขามียันต์สีทองอ่อนปรากฏขึ้นมา จากนั้นยันต์ใบนั้นก็หายไปกลางอากาศ เขายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ราวกับว่ากำลังรอคอยอะไรสักอย่างอยู่
ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าไหร่แล้ว ด้านหน้าของหานลี่ก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น “ตู้ม” เสียงระเบิดดังขึ้น เปลวไฟสีทองปรากฏขึ้นมากลางอากาศ เปลวเพลิงแผดเผาขึ้นมาอย่างรุนแรง จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“พี่หาน นั่นท่านหรือ ทำไมท่านถึงมาอยู่แถวนี้ได้”
“แม่นางเหยียน เจ้าเองหรือ ทำไมยันต์สื่อสารใบนี้ถึงไปอยู่กับเจ้าได้ล่ะ ข้าจำได้ว่าในตอนที่จากมาข้ามอบยันต์แผ่นนี้ให้กับหยวนเหยานี่” เมื่อหานลี่ได้ยินเสียงตอบรับ ใบหน้าของเขาก็รู้สึกแปลกใจอย่างมาก และถามออกมาอย่างช้าๆ
“พี่หาน เป็นพี่จริงๆ ด้วย รีบออกไปจากที่นี่ซะ อาจารย์ของข้ากำลังผ่านด่านเคราะห์ ด้านนอกมีศัตรูระดับมหายานสามคน กำลังทำลายเขตอาคมด้านนอกหุบเขา หากตรึงไว้ได้ แต่เกรงว่าเรายากจะช่วยชีวิตได้ ส่วนยันต์สื่อสารแผ่นนี้ หยวนเหยาเป็นคนมอบให้ข้าเก็บเอาไว้ ตอนนี้นางกำลังช่วยอาจารย์ผ่านด่านเคราะห์สวรรค์ เดิมทีเขาไม่สามารถดูแลคนอื่นได้เลย” น้ำเสียงของเหยียนลี่ร่าเริงในตอนแรก จากนั้นนางก็รู้สึกตระหนกและกังวลขึ้นมา
“สหายหวงหยวนจื่อกำลังทำลายเขตอาคมอยู่จริงๆ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้าจะ…” หานลี่ยิ้มเล็กน้อย แล้วเขาก็อธิบายเพิ่มอีกไม่กี่ประโยค
แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงสนั่นหวั่นไหวสามครั้งจากด้านนอกของหุบเขา
ม่านแสงสีเทากลายเป็นคลื่นขนาดใหญ่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง
อีกทั้งในบริเวณที่ใกล้กับพระอาทิตย์สีเทา มีธงแสงขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา ไม่ว่าแสงนั้นจะผ่านไปที่ใด ปีศาจที่ใบหน้าน่ากลัวจะทยอยถูกแทงจนกลายเป็นเถ้าธุลีจนหมด
ควันก็หายไปในทันที
“เป็นไปไม่ได้ เขตอาคมนภาปีศาจของพวกเราจะถูกทำลายเร็วขนาดนี้เลยหรือ พวกเขา…”
น้ำเสียงของเหยียนลี่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในขณะเดียวกันแสงสีทองจากยันต์สื่อสารก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ภายในเวลาไม่นานมันก็ระเบิดตัวเอง
คำพูดของเหยียนลี่ถูกตัดขาดอย่างกะทันหัน
เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น สายตากวาดมองไปรอบๆ หุบเขา เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถาโดยไม่ลังเล ผิวหนังของเขาก็เรืองแสงขึ้น แล้วกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวพร้อมพุ่งตัวจากไป
เสียงระเบิดดังลั่น
รุ้งสีเขียวพุ่งตัวไปได้ไกลมากกว่าสิบลี้ จนมาปรากฏตัวที่บริเวณใกล้ๆ กับหุบเขา
เมื่อแสงสีเขียวมาบรรจบกัน หานลี่ก็ปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ พร้อมกวาดสายตาลงมามองด้านล่าง
ในเวลานั้นเองดวงอาทิตย์สีเทาทั้งสามลูกได้หายไปแล้ว คลื่นอากาศสีขาวก็ค่อยๆ หายไป เหลือเพียงไอร้อนที่ยังเหลืออยู่เล็กน้อย
หวงหยวนจื่อและมหาเมธีอีกสองคนก็ปรากฏตัวขึ้น เขายืนอยู่บนซุ้มประตู และเงยหน้ามองมาทางเขา
“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร ต้องการมาหาชิงหยวนจื่อใช่หรือไม่” สายตาของหวงหยวนจื่อสว่างวาบแล้วเปิดปากถาม
“ชิงหยวนจื่อ หึๆ ดูเหมือนว่าท่านทั้งสามจะเป็นศัตรูของชิงหยวนจื่องั้นหรือ ท่านมาที่นี่เพื่อทำร้ายเขาในตอนที่เขากำลังผ่านด่านเคราะห์สินะ” หานลี่ไม่ได้ตอบคำถามของหวงหยวนจื่อ แต่ถามกลับด้วยรอยยิ้มจางๆ
“หึ ถ้าใช่แล้วอย่างไร เมื่อฟังจากคำพูดของท่าน เขาเป็นคนเชิญท่านมาจริงๆ ด้วยสินะ” หวงหยวนจื่อส่งเสียงหัวเราะในลำคอ สีหน้ากลับนิ่งสงบลงมาก
“แม้ว่าข้าจะไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่ แต่ชิงหยวนจื่อเป็นสหายที่ดีของข้า เมื่อเป็นเช่นนั้นข้าเองก็ต้องช่วยเขา และข้าหวังว่าพวกท่านจะไว้หน้าข้า โดยที่จะกลับไปก่อนในวันนี้” หานลี่ส่งยิ้มจางๆ และพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“ไว้หน้าเจ้าหรือ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร แล้วเจ้าคิดว่าพวกเรามาที่นี่กันทำไม ข้ากับชิงหยวนจื่อมีความแค้นเลือดกัน วันนี้ใครกล้าขวางข้า ข้าก็ทำลายคนนั้น” หวงหยวนจื่อโมโหอย่างมาก เขาพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง
“ข้าจะไม่ถามว่าท่านมีความแค้นใดกับชิงหยวนจื่อ แต่หากพวกท่านยังจะลงมือต่อไปล่ะก็ ข้าน้อยแซ่หานก็จะต้านพวกท่านเอาไว้เท่านั้น” หานลี่ตอบกลับเสียงเรียบ
“ดี ดีมาก ข้าจะดูสิว่าท่านเพียงคนเดียวจะจัดการพวกเราสามคนอย่างไร ข้าขอเตือนด้วยความหวังดี สหายหนีไปตอนนี้จะดีกว่า ไม่เช่นนั้นถ้าพวกเราลงมือไปแล้ว ท่านจะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ” หวงหยวนจื่อเปลี่ยนสีหน้าทันที ใบหน้าของเขาดูดุดันและโหดเหี้ยมมากขึ้น
“ข้าจะสามารถต้านพวกท่านทั้งสามในเวลาเดียวกันได้หรือไม่นั้น ก็ต้องให้ลงมือก่อนถึงจะรู้ หากข้าไม่มีความสามารถล้มพวกท่านได้จริงๆ ผู้น้อยแซ่หานก็ยอมรับ” หานลี่พูดอย่างอ่อนโยน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้งั้นเจ้าก็ตายซะเถอะ” กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหวงหยวนจื่อกระตุกเล็กน้อย เขาพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยม
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ด้านหลังของหานลี่ก็เสียงคำรามก้องท้องฟ้า
จากนั้นก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น หมัดสีดำคล้ายหมึกก็ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วพุ่งเข้ามาโจมตีที่แผ่นหลังของหานลี่ การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วดั่งสายฟ้า และปรากฏตัวอยู่บริเวณใกล้เคียงของหานลี่
สีหน้าของหานลี่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาไม่ได้หันไปมองเลยแม้แต่น้อย แขนข้างหนึ่งของเขาก็เลือนราง จากนั้นก็มีฝ่ามือสีทองปรากฏขึ้นมารับหมัดนั้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
จนเกิดเสียงดังสนั่น
ทันใดนั้นแสงสีทองดำทั้งสองสายก็ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง และเกิดเสียงครวญครางดังลั่นท่ามกลางความว่างเปล่า
ในเวลานั้นเอง หานลี่ยืนอยู่ตรงที่เดิมโดยไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย แต่ด้านหลังของเขากลับมีเงาของคนยักษ์ปรากฏขึ้นมา “ตึงๆ” เสียงถอยหลังไปนับสิบก้าว หลังจากที่ร่างนั้นไกว่ไปมาไม่นานก็ยืนอย่างมั่นคง เขามองไปที่หานลี่อย่างโมโห
คนผู้นั้นคือ ชายร่างยักษ์ “เทพปู้เมี่ย”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ร่างเดิมของเทพปู้เมี่ยอีกร่างที่ยืนอยู่ข้างๆ หวงหยวนจื่อ หลังจากเสียงครึกโครม แสงสีดำเล็กๆ จากร่างกายของเขาเหล่านั้นก็ค่อยๆ หายไป
ในตอนแรกก่อนที่หานลี่จะมาถึงที่นี่ เทพปู้เมี่ยก็ได้ใช้วิชาลับวางค่ายกลไว้แล้ว เพื่อซุ่มรอ จากนั้นก็ค่อยรอจังหวะในการลอบโจมตี เขาเพียงใช้หุ่นเชิดยืนไว้ในจุดเดิมเป็นการตบตาเท่านั้น
แต่ว่าในตอนนี้หวงหยวนจื่อและนักพรตอีกสองคนก็ต้องตกตะลึง
เดิมทีเทพปู้เมี่ยคิดว่าจะจัดการเขาได้ในกระบวนท่าเดียว แต่เมื่อกี้เหมือนเขาจะขาดทุนครั้งใหญ่
นี่มันเกินความคาดหมายของนักพรตทั้งสามคนมาก
หวงหยวนจื่อมองไปที่หานลี่ด้วยสายตาที่มืดครึ้มมากกว่าเดิม เขาพูดสั่งเสียงเบาว่า “ลงมือ” มือข้างหนึ่งของเขาโจมตีไปที่ความว่างเปล่า ทันใดนั้นก็เกิดเสียงสั่นสะเทือนแรงขึ้น และมีเส้นไหมสีเหลืองจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาโจมตีหานลี่อย่างรวดเร็ว
ส่วนอีกด้านนักพรตซานเฉวียนร่ายคาถาเงียบๆ ด้วยเช่นกัน
เห็นเพียงศรีษะของนักพรตหนุ่มเกิดระลอกคลื่นขึ้น เงาของหัวหลามสามตัวต่างสีก็ปรากฏขึ้น มันพุ่งโจมตีไปด้านหน้าแล้วสลายเป็นควันสีเขียว
วินาทีถัดมา ด้านบนของหานลี่ก็มีหัวงูหลามสามตัวปรากฏออกมา พวกมันอ้าปากกว้างพร้อมกัน เตรียมท่าจะกัดลงมาอย่างดุร้าย
แต่ยังไม่ทันจะได้กัดลงมาจริงๆ กลิ่นคาวเลือดก็โชยออกมาก่อน
เหมือนว่าพวกเขาทั้งสามได้วางแผนกันไว้ก่อนอยู่แล้ว ชายร่างยักษ์ที่โดนกระแทกอยู่ห่างออกไปที่มีปราณสีดำแผ่ออกมา ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างน่าประหลาด ตัวเขาใหญ่เท่ากับภูเขาขนาดย่อมๆ หลังจากที่เขาส่งเสียงหัวเราะอย่างดุร้าย เขาก็ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาเตรียมตัวจะเหยียบไปที่หานลี่
เท้าขนาดยักษ์ของเขาเรืองแสงสีดำ ราวกับมันสร้างมาจากเหล็กกล้า ภายนอกมีอักษรรูนเรืองแสงจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ในขณะเดียวกันมันก็แผ่ปราณน่ากลัวที่สามารถทำลายฟ้าดินได้ออกมา
หลังจากที่เทพปู้เมี่ยลอบโจมตีไม่สำเร็จ เขาก็ผสานพลังร่วมมือกับนักพรตอีกสองคนเพื่อโจมตีหานลี่
และดูเหมือนว่าพวกเขาจะวางแผนไว้ก่อนอีกแล้ว
หานลี่ถอนหายใจเบาๆ เขายกฝ่ามือขึ้นไปด้านหน้า ในตอนนั้นเองม่านสีเทาก็ปรากฏขึ้น จากนั้นก็เห็นไม่ชัดว่าเขาจะร่ายคาถาบทใด ด้านหลังของเขาก็มีแสงสีทองสว่างขึ้น นั่นมีเงาสามเศียรหกกรโผล่ขึ้นมา กลายเป็นยักษ์ร่างใหญ่ที่มีขนาดหลายสิบจั้ง หลังจากแขนทองคำทั้งหกสะบัดไปมา ก็กลายเป็นหมัดจำนวนนับไม่ถ้วนต่อยเข้าที่ฝ่าเท้ายักษ์นั้น จนนักพรตทั้งสามกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง
“แค่กๆ”
หวงหยวนจื่อปล่อยเส้นไหมสีเหลืองเข้าไปโจมตีม่านแสงสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วน มากมายราวกับสายฝน
เส้นไหมพวกนั้นดูเส้นเล็กแต่คมอย่างมาก เมื่อมันเจาะเข้าไปที่เกราะแสงสีเทานั้น มันเจาะได้แค่เล็กน้อยก็ไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้อีกแล้ว