A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2313 มหาสงครามด้านนอกหุบเขา (2)
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2313 มหาสงครามด้านนอกหุบเขา (2)
หานลี่หัวเราะเยาะเย้ย เขาท่องถาคาในใจอยู่ บริเวณด้านนอกม่านแสงสีเทาก็เกิดระลอกคลื่นรุนแรง
ทันทีที่เส้นไหมพวกนั้นสัมผัสระลอกคลื่น ก็แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ในตอนนั้นเอง เงาหมัดสีทองพุ่งขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว หมัดของมันมีพลังรุนแรงมาก แม้ว่างูหลามขนาดใหญ่จะพ่นลำแสงต่างสีออกมา ทำให้ดูดุร้ายอย่างมาก สุดท้ายมันก็ถูกต่อยเสียงดังจนร่างกายมันสลายหายไป
ส่วนเท้ายักษ์สีดำที่กำลังจะเหยียบลงมานั้น หลังจากที่โดนหมัดสีทองต่อยกระแทกไป มันก็สั่นสะเทือนรุนแรง แต่อักษรรูนก็ยังส่องแสงอยู่เหมือนเดิม
เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น เขาก็ไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติเลย แต่แผ่นพราหมณ์ที่อยู่ด้านหลังของเขาหายไปทันที
ตอนนั้นเองร่างกายของเทพปู้เมี่ยก็บิดเบี้ยวไปสักครู่หนึ่ง จากนั้นด้านหลังของเขามีร่างสีทองปรากฏขึ้นมา นั่นคือแผ่นพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
ใบหน้าที่สามของมันดูไร้อารมณ์ แขนทั้งสองข้างกดอยู่บนไหล่ของชายร่างยักษ์
เทพปู้เมี่ยตกใจมาก ไหล่ของเขาสั่นกึกๆ เขาคิดว่าเขาจะต้องหลุดพ้นจากตรงนี้ให้ได้
แต่ทันใดนั้นเองเปลวไฟสีม่วงทองก็ปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของยักษ์สีทอง พลังปรากฏออกมาอย่างรุนแรง
เทพปู้เมี่ยชะงักไปครู่หนึ่งแล้วรู้สึกว่าร่างกายของเขาขยับไม่ได้
ตอนนั้นเอง แขนอีกทั้งสี่ข้างของยักษ์สีทองตัวนั้นก็กระแทกเข้าที่ช่วงหน้าอกของชายร่างยักษ์นั้นอย่างจัง
ชายร่างยักษ์คำรามเสียงดัง ทันใดนั้นแสงสีดำบนตัวเขาก็ห่อหุ้มทั้งร่างจนกลายเป็นเกราะสงครามสีเขียวดำ ในเวลาเดียวกันนั้น เขาสองอันบนหัวของเขาก็กลายเป็นมีดสีดำขนาดใหญ่ ฟันฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรง
“ตู้มๆ” เสียงระเบิดดังขึ้น
เมื่อหมัดสีทองสองข้างสัมผัสเขาโค้งงอนั้น เขาสามารถโจมตีกลับไปในเสี้ยววินาที หมัดที่เหลืออีกสองข้างก็โจมตีไปที่หน้าอกชายร่างยักษ์อย่างไม่ให้สุ่มให้เสียง
เสียงระเบิดดังขึ้นทันที
หานลี่เกือบจะใช้พลังของแผ่นพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์เที่ยงแท้จนถึงขีดสุดแล้ว นอกเหนือจากวิชาลับอื่นๆ แล้ว ทำให้แผ่นพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งกว่ามหาเมธีเหล่าจินตนาการไว้มาก
เทพปู้เมี่ยรู้สึกได้ถึงความร้อนที่หน้าอกตัวเอง ลำแสงสีทองกับดำประสานกัน เกราะสงครามสีเขียวดำแตกเป็นหลุมขนาดใหญ่ตรงหน้าอก และเกราะด้านข้างก็ทยอยแตกละเอียดไปเรื่อย ในขณะเดียวกันการโจมตีครั้งที่สองก็พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ชายร่างยักษ์ตกตะลึงอย่างมาก แม้กระทั่งเสียงกรีดร้องยังไม่ทันได้ส่งเสียงออกมา
พื้นด้านล่างเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ร่างขนาดใหญ่ของเทพปู้เมี่ยกระแทกกับพื้นจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ ครึ่งหนึ่งของร่างกายเขาจมอยู่กับโคลนสกปรก
โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน
หานลี่หัวเราะเสียงเย็น มือข้างหนึ่งของเขายื่นขึ้นมา ทันใดนั้นแสงสีเขียวก็สว่างวาบ กระบี่เล่มยาวสีเขียวอ่อนก็ปรากฏขึ้น หลังจากที่นิ้วทั้งห้าของเขาจับกระบี่แล้ว เขาก็ตวัดกระบี่ออกไปเล็กน้อย ทันใดนั้นเองปราณกระบี่สีเขียวก็พัดกระจายออกไป
แม้ว่าตอนนี้เทพปู้เมี่ยจะรู้สึกโกรธอย่างมาก แต่เขาเพิ่งโดนโจมตีอย่างรุนแรงมา เส้นลมปราณของเขาสับสนอย่างมาก ตอนนั้นเองเขาก็ไม่มีที่พอให้หลบหนีแล้ว เขาทำได้เพียงอ้าปาก และพ่นแสงสีดำจำนวนมากออกมา จากนั้นมันก็รวมตัวกันกลายเป็นม่านแสงและสามารถป้องกันการโจมตีนั้นเอง
“ตู้มๆ” เสียงระเบิดดังขึ้น ม่านแสงเหล่านั้นดูไม่โดดเด่น แต่มันสามารถป้องกันปราณกระบี่สีเขียวของหานลี่ได้
ปราณกระบี่นี้แข็งแกร่งมากกว่าปกติ จึงสามารถทำลายม่านแสงของชายร่างยักษ์นั้นได้ ภายในไม่กี่วินาทีต่อมา และโจมตีเข้าไปยังตัวของชายร่างยักษ์อย่างจัง
เลือดมากมายไหลท่วมออกมา!
บนร่างกายของชายร่างยักษ์มีบาดแผลน้อยใหญ่นับไม่ถ้วน บาดแผลที่ใหญ่ที่สุดก็เกือบจะทำให้เอวของเขาขาดออกจากกัน
แต่ภาพเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้น
เมื่อโดนโจมตีอย่างรุนแรงเช่นนี้ เทพปู้เมี่ยก็แค่ร้องคำรามออกมา
ที่ปากแผลของเขามีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก แต่เพียงไม่นาน เลือดและกล้ามเนื้อทุกส่วนกำลังซ่อมแซมตัวเอง และกลับคืนสภาพเดิม
“ร่างอมตะ” (ปู้เมี่ยแปลว่าอมตะ)
เมื่อหานลี่ได้เห็นภาพนี้เขาก็รู้สึกตกตะลึง มุมปากของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อย เขาส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูก จากนั้นเขาก็ตวัดกระบี่สีเขียวที่อยู่ในมืออย่างรุนแรง ระดับพลังของการโจมตีครั้งนี้แรงกว่าครั้งก่อนมาก
แต่ในตอนนั้นเอง อากาศที่อยู่รอบๆ หนาแน่นขึ้น ธงวิญญาณก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ด้านบน พวกมันสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็กลายเป็นวงแหวนขนาดเล็ก โดยมีหานลี่ยืนอยู่ตรงกลางของวงแหวน
ธงวิญญาณพวกนั้นยังคงสั่นเล็กน้อย แต่ก็มีอักษรเรืองแสงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา
หานลี่รู้สึกว่ามวลอากาศมันหนาแน่น ร่างกายของเขาหนังอึ้งขึ้นทันที ชั้นอากาศค่อยๆ บางลงเรื่อยๆ
หานลี่กวาดสายตามองไปรอบๆ จากนั้นก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ในตอนนั้นนักพรตพวกนั้นก็ร่ายคาถาโดยใช้มือเดียว พวกเขากำลังกระตุ้นป้ายไม้ทั้งสามป้ายอยู่ เขาจะใช้ค่ายกลไว้เพื่อกักขังหานลี่
หวงหยวนจื่อที่ยืนอยู่ด้านข้าง เขาก็หยิบแหวนสีเข้มขึ้นมา ด้านนอกส่องแสงเรืองรอง ราวกับว่าเขากำลังร่ายคาถาอยู่
สีหน้าของหานลี่มืดครึ้มไป กระบี่สีเขียวในมือของเขากับแผ่นพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้หายไปแล้ว หลังจากนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง ร่างกายของเขามีอักษรสีทองปรากฏขึ้นแล้วหมุนไปรอบๆ ตัวของเขาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นวานรยักษ์สีทองตัวใหญ่ขนาดร้อยกว่าจั้ง
แขนของวานรยักษ์ตัวนั้นเหวี่ยงไปมาอย่างแรง จนเกิดเสียงระเบิดดังลั่น และเกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่พัดออกไป
เขตอาคมธงวิญญาณเหล่านั้นก็สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง บางอันถึงกับหักโค่นลงมา
นักพรตทั้งสามที่อยู่ด้านล่างเห็นดังนั้น หน้าก็เปลี่ยนสีทันที แต่มือของพวกเขายังร่ายคาถาไม่หยุด จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคำรามเล็กแหลมดังขึ้นมา
ในตอนนั้นเอง บริเวณใกล้ๆ กับหานลี่ก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น งูตัวเล็กขนาดเท่าหัวแม่มือสามตัวก็ปรากฏขึ้น กลายเป็นงูต่างสีสามตัวพุ่งขึ้นมาโจมตีหานลี่อย่างรวดเร็ว
หานลี่ยกมือขึ้นมาบังหน้าได้พอดี จากนั้นเขาก็ใช้มือที่แข็งแกร่งราวเหล็กกล้า ดีดงูสามตัวนั้นออกไป
“ตู้มๆ” เสียงระเบิดดังติดต่อกัน
งูตัวเล็กสองตัวค้างแข็งไปราวกับโดนฟ้าผ่า
กระทั่งงูสีแดงตัวสุดท้ายมันสามารถหลบการโจมตีได้ เมื่อร่างกายของมันเลือนรางไป จากนั้นก็แว้งมากัดที่ปลายนิ้วของวานรยักษ์สีทอง
วานรยักษ์ตัวนั้นคำรามเสียงดัง มันพลิกฝ่ามือแล้วจับงูตัวนั้นเอาไว้ เขาออกแรงบีบงูตัวนั้น หลังจากนั้นไม่นานมันก็ระเบิดคามือของวานร
นักพรตทั้งสามเมื่อได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้ เขากลับไม่ประหลาดใจแต่หัวเราะกันอย่างมีความสุขแทน
วานรยักษ์ทุ่มแรงทั้งหมดเพื่อทำลายค่ายกลธงวิญญาณจนมันหักเป็นสองส่วน วงแหวนที่อยู่ด้านล่างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในตอนนั้นเอง หวงหยวนจื่อที่อยู่ใต้ซุ้มประตู ลำแสงห้าสีปรากฏขึ้น ลูกปัดลูกกลมๆ ที่อยู่ในมือของเขาก็สว่างขึ้นมาพร้อมกัน จากนั้นแหวนคริสตัลวงนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากผ่านไปไม่นานแหวนคริสตัลสีแดงก็ปรากฏขึ้นอยู่ที่เอวของวานรยักษ์ มันรัดเอวของอีกฝ่ายแน่น แสงสีแดงบนตัวของแหวนก็เรืองแสงขึ้น และเกิดเปลวไฟโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง เปลวไฟนั้นห่อหุ้มร่างของวานรยักษ์เอาไว้ทั้งตัว
ในตอนนั้นเองสีหน้าของหวงหยวนจื่อก็ฉายแววความภาคภูมิใจออกมา
แหวนวงนั้นดูเหมือนจะไม่โดดเด่น แต่ความจริงแล้วมันคือสมบัติสวรรค์ทมิฬที่เขาได้มาจากถ้ำของผู้บำเพ็ญเพียรสมัยบรรพกาล
มันไม่เพียงแต่จะสามารถขยายขนาดใหญ่เล็ก ยืดหดได้ตามใจ มันยังแข็งแรงทนทาน และสามารถพ่นเปลวไฟแห่งจิตวิญญาณออกมาได้ด้วย หากเป็นผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไป ป่านนี้คงจะกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว
ในตอนนี้เขายืมพลังจากประตูเก้ามายาสมปรารถนามาด้วย จึงสามารถใช้แหวนวงนี้จับกุมหานลี่ได้ทันที และเมื่อเขาคิดดูแล้ว ด้วยระดับพลังของหานลี่ เขาอาจจะไม่ตายทันที แต่ก็สามารถทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้
แต่ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดังออกมาจากกองเพลิงนั้น
แหวนคริสตัลวงนั้นเริ่มขยายใหญ่และหดเล็กลงอย่างไม่เสถียร พริบตาต่อมามันก็ระเบิดเสียงดัง หลังจากเปลวเพลิงสีแดงโหมกระหน่ำ วานรยักษ์ขนสีทองก็เดินออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ตามเนื้อตัวของเขาเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
หวงหยวนจื่อที่เห็นดังนั้นก็รู้สึกตกตะลึงทันที เขามองอีกฝ่ายตาค้าง จนแทบไม่อยากจะเชื่อเรื่องเหล่านี้เลย
เมื่อนักพรตทั้งสามเห็นดังนั้น ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนสีพร้อมกัน พร้อมแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา แต่หลังจากที่เขานึกอะไรขึ้นได้ เขาก็พูดว่า
“สหายหวงไม่ต้องกังวลไป แม้ว่าคนผู้นี้จะมีพลังมหาศาล แต่เมื่อกี้เขาโดนงูหลอมโลหิตของข้ากัดไปแล้ว ตอนนี้เขาก็โดนพิษไปอย่างไม่รู้ตัว เพียงแค่รอเวลาอีกหน่อย ให้พิษแล่นเข้าสู่หัวใจ เกาะปราณจนแข็งตัว ถึงตอนนั้นต่อให้เขาแข็งแกร่งแล้วอย่างไรก็ต้องพ่ายอยู่ดี”
“พี่ซานเฉวียน สิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ” เมื่อหวงหยวนจื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจอย่างมาก
“ด้วยสถานการณ์แบบนี้ มีหรือที่ข้าจะกล้าพูดซี้ซั้ว หากท่านไม่เชื่อล่ะก็ รอข้านับหนึ่งถึงสิบจบ เขาก็ไม่มีทางลงมือจู่โจมต่อไปได้แล้ว หนึ่ง สอง สาม…” ซานเฉวียนมั่นใจในตัวเองมาก หลังที่พูดจบเขาก็เริ่มนับเลขถอยหลังอย่างเสียงดัง
เมื่อวานรยักษ์เห็นดังนั้น แต่สีหน้าของเขาไม่มีแม้แต่ความแปลกใจ เขาเพียงใช้มือที่มีขนของเขาตบออกไปอย่างแรง
“ตู้ม” เสียงกระทบของลมดังสนั่น พลังพวกนั้นกลายเป็นระลอกคลื่นแล้วโจมตีออกไป
บาดแผลของปู้เมี่ยหายดีและกลายมาอยู่ในสภาพเดิมแล้ว เขาเพิ่งยืนขึ้นมาบนพื้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะโดนพลังของวานรยักษ์กดเขาลงไปกระแทกที่พื้นดินอีกครั้ง
ใบหน้าและร่างกายยักษ์ ของปู้เมี่ยเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด หลังจากที่ปากเขาส่งเสียงหอนอย่างแปลกๆ ออกมา อยู่ๆ รัศมีสีดำก็ปรากฏออกมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง เป็นเพียงร่างกระดูกสีขาวซีด
ภาพตรงหน้าดูน่าเกลียดอย่างมาก
หลังจากที่ชายร่างยักษ์กลายร่างเสร็จ สองมือของเขาก็กระแทกลงกับพื้นทันที
พื้นดินบริเวณใกล้เคียงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ปรากฏเป็นรอยแยกชั้นดินสีดำ
ชายร่างยักษ์ใช้ประโยชน์การกระแทกนี้ ดันตัวออกมาจากหลุมยักษ์ หลังจากที่เขาส่งเสียงหวีดร้องกลางอากาศ เขาก็กระทืบเท้าข้างหนึ่งแล้วกลายร่างเป็นพายุสีดำลูกหนึ่งเพื่อขึ้นไปโจมตีวานรยักษ์
เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น เขาขมวดคิ้วแน่น จากนั้นวานรยักษ์ตัวนั้นก็แตะมือไปที่หน้าอกของตนเอง ทันใดนั้นก็เกิดแสงสีทองสว่างวาบ ในม่านหมอกนั้นมีชายตัวเล็กคนหนึ่งปรากฏออกมา ดวงตาเปล่งประกายเหมือนคริสตัล ไม่มีคิ้ว ไม่มีจมูก ร่างกายเป็นสีทองและสีม่วง นั่นคือราชาแมลงกลืนทองคำ
ทันทีคนตัวเล็กปรากฏกายออกมา เมื่อเขาลืมตาขึ้นมองฝ่ายตรงข้าม จากนั้นเขาก็เรียกกระบี่แสงสองเล่มออกมา
แสงคริสตัลสว่างขึ้น หลังจากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปในพายุสีดำ
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องจากพายุนั้นดังขึ้น ต่อมาก็มีเม็ดฝนสีเลือดกระจายออกมา