A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2332 เข้าสู่แดนนภาสีเลือด
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2332 เข้าสู่แดนนภาสีเลือด
ในห้องโถงลับที่ได้รับการคุ้มครองอย่างแน่นหนาในโลกเบื้องล่าง มีเขตอาคมขนาดยักษ์ที่มีลำแสงห้าสีปรากฏอยู่ตรงกลาง
และในตรงกลางเขตอาคมนั้น องครักษ์ชุดเกราะนับสิบกำลังวุ่นวายโกลาหลกันอยู่ รีบเร่งนำชิ้นส่วนของหินวิญญาณที่ดูเหมือนจะแน่นหนานั้นวางลงไปภายในร่อง
ในขณะเดียวกันภายในห้องโถงที่อยู่ด้านนอกเขตอาคม กลับมีชายหญิงที่กลิ่นอายแปลกแตกต่างกันยืนอยู่มากกว่าห้าสิบคน
กลิ่นอายของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนี้กลับมีพลังยุทธ์ระดับมหายานอยู่ด้วย แต่ว่าจำนวนไม่มากนัก มีเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น
ส่วนคนอื่นๆ นั้นพลังยุทธ์อยู่ในระดับของผสานอินทรีย์ และมีเจ็ดถึงแปดคนที่มีพลังยุทธ์ต่ำกว่านั้น
ในนั้นแน่นอนว่ามีเซวี่ยพั่วและจูกั่วเอ๋อร์ทั้งสองคนรวมอยู่ด้วย
หานลี่นำลูกสาวทั้งสองและบรรพชนฮวาสือยืนอยู่ในมุมหนึ่งของห้องโถง แล้วมองดูความวุ่นวายขององครักษ์ชุดเกราะอยู่อย่างเงียบๆ
ส่วนหญิงสาวที่มีกลิ่นหอมนับสิบนั้น แน่นอนว่าไม่อาจส่งตัวไปยังแดนนภาสีเลือดได้ แต่กลับถูกฝากฝังเอาไว้กับคนของกลุ่มพันธมิตรการค้า ให้พวกเขานำสาวงามต่างเผ่าเหล่านี้ส่งกลับไปยังเผ่า
ส่วนผู้ที่อยู่ในระดับมหายานหลายคนในห้องโถงนั้น แสดงความหยิ่งผยองออกมาอย่างชัดเจน ไม่แม้แต่จะมีความคิดที่จะพูดคุยกับคนที่เฝ้าประตูอยู่ หรือกับคนที่ยืนอยู่ตามลำพังในที่ต่างๆ
ส่วนคนที่อยู่ต่างเผ่านั้น ต่างก็พากันยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่กล้าแม้แต่จะมองไปยังหานลี่หรือมหายานคนอื่นๆ
ภายในห้องโถงจู่ๆ ก็ปรากฏเสียงฝีเท้าดังขึ้น หมิงจุนเดินเข้ามาพร้อมกับเฟยอวิ๋นเซียนจื่อ
ผู้ที่อยู่ในขั้นมหายานต่างเผ่าที่แต่เดิมยืนนิ่งเงียบด้วยใจอันหนาวเหน็บ ต่างพากันมองดู
หลังจากที่หานลี่ใช้มือลูบลงไปยังวงแหวนสีเขียวตรงข้อมือ แล้วจึงเดินออกไปอย่างสงบ
แหวนที่ดูเหมือนกับกำไลเก็บของชิ้นนี้ ก็คือเถียนเฟยเออร์ที่แปลงกายมา
“นักพรตทั้งหลาย เขตอาคมส่งตัวภายในร้อยปีสามารถใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว ดังนั้นครั้งนี้ผู้เฒ่าจะเข้ามาด้วยตนเอง เพื่อให้แน่ใจว่าการส่งตัวนี้จะไม่ผิดพลาด” หมิงจุนยิ้มแล้วเอ่ยไปยังผู้ที่อยู่ในขั้นมหายานทั้งหลาย แววตาของเขาตกลงบนกายของหานลี่อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้เลื่อนจากไป
“เฮอเฮอ มีพี่หมิงที่คอยดูแลด้วยตนเองแล้ว คาดว่าการส่งตัวในครั้งนี้จะต้องไม่เกิดปัญหาใดขึ้นแน่” มหายานคนหนึ่งที่มีกายสูงยาวดังกับไม้ไผ่ต่างเผ่า เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม
ส่วนคนอื่นๆ ใบหน้าก็แต้มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งเอ่ยคำขอบคุณออกมา
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ดูแลจัดการที่มีชื่อเสียงในกลุ่มพันธมิตรการค้าท่านนี้แล้ว พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะดูแคลนแม้แต่น้อย หมิงจุนทักทายคนเหล่านี้ทีละคน จนสุดท้ายจึงได้กำหมัดขึ้นแล้วหันไปเอ่ยถามหานลี่
“พี่หาน ผู้เฒ่าชื่นชมชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว หากไม่ใช่ว่าในงานประมูลครั้งนี้เกิดความวุ่นวายขึ้น ผู้เฒ่าเองแต่เดิมตั้งใจเอาไว้ว่าหลังจากเสร็จสิ้นงานประมูลแล้ว จะไปเยี่ยมท่านด้วยตนเอง มาวันนี้ถึงเพิ่งจะได้พบกัน หวังว่าท่านจะยกโทษให้”
“พี่หมิงเกรงใจกันเกินไปแล้ว หานม่อครั้งนี้สามารถพบกับนักพรตในระดับเดียวกันมากมายหลายท่านในงานประมูลของพวกท่าน นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจแล้ว” หานลี่ยิ้มออกมา แล้วตอบกลับด้วยความสุภาพ
ส่วนมหายานต่างเผ่าคนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าหมิงจุนมีท่าทางต่อหานลี่เช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ
จะต้องรู้ว่าหมิงจุนท่านนี้ เป็นหนึ่งในผู้มีชื่อเสียงในแผ่นดินใหญ่เฟิงหยวน สามารถทำให้เขาปฏิบัติได้อย่างเท่าเทียมกันเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในขั้นมหายานธรรมดาๆ
“พี่หมิง นักพรตหานท่านนี้คือ…” ชายกายสูงยาวต่างเผ่าคนนั้นอดไม่ได้ที่เอ่ยถามออกมา
“ข้าน้อยหานลี่มาจากเผ่ามนุษย์ คารวะนักพรตทุกท่าน” ยังไม่ทันได้รอให้หมิงจุนได้เอ่ยปากแนะนำออกมา หานลี่กลับเป็นฝ่ายเริ่มแนะนำตนเองออกมาก่อน
“อะไรนะ เป็นผู้ที่บุกเข้าไปยังแดนมาร มหายานผู้นั้นที่เป็นคนของเผ่ามนุษย์ที่สามารถฆ่าหนอนเพลี้ยตัวแม่ได้!” ชายกายสูงยาวต่างเผ่าคนนั้นเมื่อได้ยินแล้ว สีหน้าก็ดูเปลี่ยนไปทันที
มหายานผู้อื่นที่อยู่ด้านข้างก็ดูตกตะลึงไปด้วย สีหน้าที่มองไปยังหานลี่ก็ดูแปลกไป
ในเวลานี้พวกเขายังไม่รู้ว่า หมิงจุนกว่าครึ่งนั้นมาเพราะว่าหานลี่ ไม่เช่นนั้นแล้วอาศัยเพียงแค่สถานะของพวกเขาเพียงแค่ไม่กี่คนแล้ว ไม่อาจทำให้เขาวิ่งมาเสียไกลขนาดนี้ได้
“ข้าน้อยได้ร่วมเดินทางไปยังแดนมารมาจริงๆ แต่ว่าฆ่าหนอนเพลี้ยตัวแม่นั้น ไม่ได้อาศัยเพียงแค่พลังของข้าน้อยผู้เดียว เรื่องเล่าลือกันออกไปเสียเกินจริงไปบ้าง” หานลี่เอ่ยตอบไปอย่างไม่ใส่ใจ
ความคิดของมหายานต่างเผ่าหลายคนที่มีต่อหานลี่ก็ดูจะกระตือรือร้นขึ้นมาก ต่างพากันแนะนำตนเองออกมา จากนั้นก็เริ่มที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน
หมิงจุนที่ยืนดูเรื่องราวทั้งหมดนี้อยู่ด้านข้าง ก็เอ่ยแทรกออกมาเป็นครั้งคราวอยู่สองสามประโยค
แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ในห้องโถงก็มีเสียงใสกังวานลอยดังออกมา
หินวิญญาณของเขตอาคมขนาดยักษ์นั้นติดตั้งสำเร็จแล้ว เขตอาคมนั้นก็เปล่งประกายออกมา อักษรรูนห้าสีนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา
“เขตอาคมนี้ติดตั้งหินวิญญาณสำเร็จแล้ว นักพรตทั้งหลายสามารถเข้าไปได้แล้ว” หลังจากที่หมิงจุนเหลือบมองไปอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยออกไปกับหานลี่และคนอื่นๆ
“พี่หมิงโปรดรักษาตนเองด้วย หานม่อขอตัวลาก่อน” หานลี่หันไปคำนับให้กับหมิงจุน จากนั้นก็นำบุตรสาวทั้งสองเข้าไปในเขตอาคมขนาดยักษ์นี้
มหายานต่างเผ่าคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้างเองก็พากันคำนับแบบเดียวกันแล้วเดินเข้าไป
เพียงพริบตาเดียว ผู้คนหลายสิบคนก็เดินเข้าไปในเขตอาคมขนาดยักษ์นี้
หลังจากที่เขตอาคมนี้ระเบิดออกมา ร่างหานลี่และคนอื่นๆ ก็จางหายไป
“ในที่สุดก็ไปกันหมดแล้ว ใต้เท้าหมิง เผ่ามังกรตัวนั้นปะปนอยู่ด้านในนั้นจริงๆ หรือ?” เฟยอวิ๋นเซียนจื่อถอนหายใจยาวออกมา แล้วหันไปเอ่ยออกมากับหมิงจุน
“จริงหรือไม่จริง ตรวจสอบดูก็รู้แล้ว” หมิงจุนเอ่ยออกมาน้ำเสียงราบเรียบ แล้วจึงยื่นมือข้างหนึ่งเข้าไปยังความว่างเปล่าภายในเขตอาคมขนาดยักษ์
และทันใดนั้นเขตอาคมนั้นก็เรืองแสงขึ้นมา แล้วปรากฏเป็นลวดลายคล้ายเกร็ดวิญญาณอยู่ที่ขอบ ส่วนมากนั้นเต็มไปด้วยลำแสงจางๆ
“ห้าสิบเจ็ดคน จำนวนคนมากกว่าเกินกว่าที่จะส่งตัวไปจริงๆ ไม่รู้ว่า นางจะปะปนไปกับคนเหล่านั้นได้อย่างไรกัน ผู้คุมในห้องโถงใหญ่ถึงกับไม่พบว่ามีนางอยู่” เฟยอวิ๋นเซียนจื่อเองก็ยืนมองอยู่ด้านข้างของเขตอาคมเช่นกัน เอ่ยออกมาด้วยท่าทางที่ยินดี
“อิทธิฤทธิ์ของสายเลือดมังกรแท้นั้นยากจะหยั่งถึง มีบางวิทยายุทธ์หรือว่าสมบัติล้ำค่าที่สามารถปิดบังหูตาของพวกเราได้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากว่านางต้องการที่จะกลับสู่เผ่ามังกรโดยเร็วแล้ว การส่งตัวในครั้งนี้ก็เป็นเพียงแค่โอกาสเดียวแล้ว แต่ว่าเมื่อส่งเจ้าปัญหาใหญ่อย่างโลหิตมังกรห้วงฝันทมิฬออกไปแล้ว พวกเราก็สามารถหายใจออกมาด้วยความโล่งอกกันได้แล้ว” ในที่สุดหมิงจุนก็เอ่ยตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม
“โชคดีที่ใต้เท้าหมิงมีสหายในเผ่ามังกรแจ้งมาได้ทันเวลา ถึงได้รู้ว่าของสิ่งนั้นไม่ใช่ ‘โลหิตบรรพชนมังกร’ แต่เป็น ‘โลหิตมังกรห้วงฝันทมิฬ’ จึงได้ให้คนของเผ่ามังกรมาขโมยของสิ่งนี้จากงานประมูลไป ไม่งั้นถ้าเกิดว่านำของสิ่งนี้ออกมาประมูล ไม่เช่นนั้นคงมีผู้มีฝีมือร้ายกาจนำไปทำร้ายคนของเผ่ามังกร พันธมิตรการค้าของพวกเราคงไม่อาจมีจุดจบที่ดีนัก” เฟยอวิ๋นเซียนจือเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“โลหิตมังกรห้วงฝันทมิฬในเมื่อร้ายกาจถึงเพียงนี้ ก็คงจะทำให้ปราณแท้ของผู้ที่หลอมมันเสียหายได้ หากว่าถูกประมูลออกไปแล้วก็คงจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นไม่รู้จบ เดิมถ้าจะส่งมอบสิ่งนี้กลับคืนให้กับคนของเผ่ามังกรไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ก็เท่ากับว่าพวกเราจะดูอ่อนแอกันเกินไป ส่งผลอย่างมากต่อศักดิ์ศรีของกลุ่มพันธมิตรของพวกเรา และก็คงจะไม่มีคำอธิบายที่ดีนักให้กับคนภายใต้การปกครองได้ แต่ว่าปล่อยให้คนของเผ่ามังกรนำไปก็ดี ถึงแม้ว่าจะเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของงานประมูล ทั้งสองฝ่ายก็ทำได้เพียงแต่เลือกทางที่เบากว่า” หมิงจุนเอ่ยออกมาเบาๆ
“นั่นมันก็จริง แต่ถึงแม้ว่าจะเลือกใช้วิธีแลกเปลี่ยนเจรจากัน ก็คงจะสายเกินไปเสียแล้ว คงทำได้แต่เพียงเลือกวิธีการประนีประนอมนี้แล้ว” เฟยอวิ๋นเซียนจื่อเอ่ยตอบออกมาด้วยความเคารพ
“เอาล่ะ เรื่องนี้ก็ให้มันจบลงแต่เพียงเท่านี้ ส่วนเรื่องของเงินรางวัลนั้น ขอเพียงแค่ภายนอกหนักแน่นภายในหละหลวมก็พอแล้ว คาดว่าผ่านไปเพียงไม่กี่ปี เรื่องนี้ก็คงถูกผู้คนพากันลืมเลือนลงแล้ว กลับกันเถอะ ถึงแม้ว่าเรื่องราวในงานประมูลจะจบลงแล้ว แต่ว่าภายในพันธมิตรก็ยังคงมีเรื่องให้ต้องสะสางกันอีก” หมิงจุนพยักหน้า หลังจากที่สะบัดแขนเสื้อ จึงได้หมุนกายเดินจากไป
เฟยอวิ๋นเซียนจื่อยิ้มหวานออกมา แล้วจึงเดินตามออกไปจากห้องโถงอย่างไม่ห่าง
…
หานลี่แน่นอนว่าไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องที่โลหิตมังกรห้วงฝันทมิฬถูกขโมยไป แต่กลับเป็นกลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียนตั้งใจที่ปล่อยเผ่ามังกรไป และต่อให้จะรู้ความจริงเข้า เขาก็คงทำได้เพียงแค่หมดคำพูดไปเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น แล้วก็คงไม่นำมันมาใส่ใจ
และเมื่อเขารู้สึกได้ว่าลำแสงสีขาวมาบรรจบกันแล้ว เขาก็รู้สึกตัวหายจากอาการวิงเวียนขึ้นมา จากนั้นก็เพ่งมองทุกอย่างรอบๆ บริเวณได้อย่างชัดเจนขึ้น
ด้านล่างกายของเขาเป็นเขตอาคมขนาดยักษ์เช่นเดียวกัน แต่ใกล้ๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยหินสีฟ้าแปลกประหลาด นอกจากชายหญิงสองคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่เคียงกันแล้ว ก็ไม่มีร่องรอยของผู้อื่นอีก
“ยินดีต้อนรับผู้อาวุโสทุกท่าน นักพรตมาถึงยังแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือด ข้าน้อยเป็นผู้รับผิดของกลุ่มพันธมิตรเฮ่อเหลียนที่นี้ ทุกท่านหากว่ามีเรื่องใดต้องการสอบถาม สามารถเอ่ยถามข้าน้อยได้ หากว่าข้าน้อยรู้จะต้องตอบอย่างแน่นอน” ชายหนุ่มคนนั้นเกิดมาพร้อมกับใบหน้ากลม ดูเหมือนว่าอายุจะยังไม่เกินสามสิบปี หลังจากที่เขาเอ่ยปากออกมาต่อหน้าของฝูงชนแล้ว จึงเผยยิ้มอย่างใจดีออกมาให้ทุกคน
ส่วนหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้น กลับดูเย็นชาอย่างผิดปกติ นอกจากจะจ้องมองผู้คนในเขตอาคมแล้ว ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“ที่แท้ก็คือนักพรตฟังนั่นเอง ท่านพอจะมีแผนที่ของบริเวณใกล้เคียงนี้ และกองกำลังที่ต้องระวังหรือไม่” ทั้งสองคนนี้เองก็มีพลังยุทธ์อยู่ในขั้นผสานอินทรีย์ ผู้ที่ถูกส่งตัวมาที่นี้ต่างก็ไม่กล้าที่จะดูแคลน จึงรีบร้อนที่จะคำนับ ก่อนที่จะมีใครคนหนึ่งเอ่ยถามออกมาทันที
“ของสิ่งนี้แน่นอนว่ามีการเตรียมเอาไว้แล้ว นักพรตท่านใดที่ต้องการ เข้ามารับไปชุดหนึ่งก็พอแล้ว” ชายหน้ากลมเอ่ยออกมาอย่างไม่ต้องครุ่นคิด ตามมาด้วยแขนเสื้อที่สั่นไหว จากนั้นก็มีแผ่นหยกสีแตกต่างกันไปปรากฏออกมาตรงหน้านับสิบ ฝูงชนภายในเขตอาคมเมื่อเห็นเข้าก็รู้สึกยินดี ต่างก็พากันเดินเข้าไปหยิบกันคนละชุด
มีคนใจร้อนบางคนใช้จิตสัมผัสกวาดตาอ่านข้อความด้านในแล้ว จึงเผยท่าทางยินดีออกมา จากนั้นก็พากันหนีหายออกไปจากที่นี้
ส่วนคนที่เหลือก็เอ่ยถามเรื่องอื่นออกมา แล้วจึงตามกันออกไป
รวมทั้งมหายานทั้งสี่และลูกศิษย์
พริบตาเดียว บริเวณเขตอาคมก็เหลือเพียงแค่หานลี่ที่อยู่ในขั้นมหายาน และอีกห้าถึงหกคนที่เหมือนว่าจะอยู่ต่างเผ่ากัน
ผู้ที่อยู่ต่างเผ่าเหล่านี้กำลังรวมตัวกันกระซิบกระซาบ เหมือนกับว่ากำลังปรึกษาอะไรกันบางอย่าง
“พวกเราเองก็ไปกันเถอะ” หลังจากที่หานลี่กวาดตามองดูแผ่นหยกจนจบแล้ว ก็เอ่ยออกมาเบาๆ
แผ่นหยกนี้แน่นอนว่าไม่ใช่เขาที่ยื่นมือออกไปรับมันไว้ด้วยตนเอง แต่เป็นบรรพชนฮวาสือวิ่งไปหยิบมาให้เขาชุดหนึ่ง
เมื่อได้ยินคำของหานลี่แล้ว เซวี่ยพั่วและคนอื่นๆ แน่นอนว่าไม่มีข้อขัดแย้งใด จึงตอบรับออกไปในทันที จากนั้นก็ทยานออกไปจากที่แห่งนี้พร้อมกัน
“ท่านนี้คงจะเป็นผู้อาวุโสหานใช่หรือไม่ ได้โปรดรอสักครู่ ชนรุ่นหลังได้รับคำสั่งให้มาต้อนรับผู้อาวุโส หวังว่าผู้อาวุโสจะไปยังที่แห่งหนึ่งกับชนรุ่นหลังได้” หญิงสาวที่มีเสน่ห์คนหนึ่งจู่ๆ ก็เดินเข้ามาพร้อมทั้งเอ่ยปากออกมาด้วยน้ำเสียงหวานหูเกินคาด
“ได้รับคำสั่งให้มาต้อนรับข้า! รับคำสั่งของผู้ใดกัน เจ้าเองก็เป็นคนของกลุ่มพันธมิตรเฮ่อเหลียนเช่นกันหรือ?” หานลี่รู้สึกประหลาดใจ ฝีเท้าหยุดลงชั่วขณะ จากนั้นก็หันกลับไปเอ่ยถามออกมา