A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2347 หน้าผี ดอกไม้ยักษ์ หุ่นเชิด
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2347 หน้าผี ดอกไม้ยักษ์ หุ่นเชิด
เมื่อสิ้นเสียงนั้น หานลี่ก็สะบัดแขนเสื้อ แสงสีทองกลุ่มหนึ่งพุ่งออกไปทันที เมื่อควบรวมกันแล้ว จึงกลายเป็นเด็กคนหนึ่ง ดวงตากระจ่างใสดุจคริสตัล ไม่มีคิ้ว ไม่มีจมูก ผิวเป็นสีม่วง นั่นคือ ราชาแมลงกลืนทองคำ
“เจ้าจิน เจ้าไปปกป้องสหายเซวี่ยพั่วสักช่วงเวลาหนึ่งนะ อย่าให้ใครทำให้นางบาดเจ็บได้” หานลี่สั่งการ
เมื่อเด็กชายร่างสีทองได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา แต่ร่างกายค่อยๆ พร่าเลือน จากนั้นก็ไปปรากฏอยู่เหนือศีรษะของเซวี่ยพั่ว และอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับไปไหน
“ขอบคุณท่านอาวุโสมาก หากมีผู้อาวุโสจินคอยปกป้องล่ะก็ ผู้น้อยก็หมดกังวลเรื่องภายในพระราชวังเทียนติ่งแล้ว” เซวี่ยพั่วเคยเห็นความยิ่งใหญ่ของท่านจินมาก่อน นางจึงรู้สึกขอบคุณและซึ้งใจอย่างมาก จากนั้นนางก็หยิบขวดโอสถขาวดั่งหยกออกมาหนึ่งขวด และมอบให้หานลี่
ขวดใบนี้ มีเลือดบริสุทธิ์หนึ่งหยดของวิชาลึกลับ ที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นผู้หญิงคนนั้นได้
“มีคนอื่นที่เข้าไปเร็วกว่าเรา เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน พวกเรารีบแยกกันเถอะ” หานลี่กล่าวเสียงเรียบ
เซวี่ยพั่วตอบรับด้วยความเคารพ
ทั้งสองฝ่ายก็เปลี่ยนร่างเป็นลำแสงแล้วแยกย้ายกันออกไปคนละทาง
เด็กร่างสีทองก็ตามติดอยู่ด้านหลังเหมือนกับเงาของเซวี่ยพั่วอย่างไรอย่างนั้น
หากหานลี่ต้องการจะเข้าไปส่วนในของพระราชวังเทียนติ่ง โดยไม่ทำลายสิ่งกีดขวางด้านหน้าและไม่ทำลายเขตต้องห้ามส่วนอื่น นั่นเป็นสิ่งที่เลิกคิดไปได้เลย
ดังนั้นเมื่อตอนที่ม่านแสงสีขาวปรากฏขึ้น เขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะจับมันไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นกระบี่สีเขียวก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของเขา ในวินาทีถัดมาเขาก็ฟันมันลงไปกลางม่านแสงอย่างรุนแรง
“ตู้ม” เสียงดังขึ้น
ม่านแสงสีขาวก็แตกกระจายเหมือนเครื่องลายครามที่แตกสลาย
หานลี่มองไปยังพื้นที่พร่ามัวโดยรอบ ทันใดนั้นเองก็ปรากฏเส้นทางเล็กๆ ดูลึกลับอย่างมาก
ต้นไม้สองข้างทางสูงเจ็ดแปดจั้ง มองไปครั้งแรกก็เหมือนไม่ต่างจากต้นไม้ธรรมดาทั่วไป แต่ถ้ามองดีๆ ก็จะพบว่าผิวพื้นของต้นไม้นี้ไม่ได้เป็นลายไม้ แต่เป็นใบหน้าหญิงชายหลับตา ใบหน้าบิดเบี้ยวที่เต็มไปด้วยความสุข ราวกับว่าพวกเขาแค่หลับลึกไปเท่านั้น
ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้กลิ่นดอกไม้โชยมาจากปลายทางของเส้นทางเดินเล็กๆ เส้นนี้ หลังจากดมเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้ผู้คนหลงใหลเคลิบเคลิ้ม
แต่จิตสัมผัสของหานลี่นั้นแข็งแกร่งมาก หลังจากที่ดมมันเข้าไปลึกๆ เขาแค่รู้สึกปวดหัวเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบเท่าไหร่นัก
หานลี่ยิ้มเล็กน้อย เขารู้ว่าตนเองได้เดินเข้ามาในกับดักแล้ว เขาก็ยังเดินต่อไปด้านหน้าอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่เขาเดินไปได้แค่ไม่กี่สิบก้าวเท่านั้น จู่ๆ ใบหน้าบนเปลือกไม้ก็ลืมตาขึ้นมา “พรึ่บๆ” เสียงดังสนั่น เส้นไหมสีดำที่ดูลึกลับก็พ่นออกมาจากใบหน้าเหล่านั้น เส้นไหมแต่ละเส้นล้วนแหลมคมและมีระลอกคลื่นที่แปลกประหลาด
หานลี่ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับอะไรมาก จู่ๆ ม่านแสงสีเทาปกคลุมร่างกายของเขาทันที
เมื่อเส้นไหมเหล่านั้นมาปะทะกับม่านแสง ทันใดนั้นก็มีเสียงเหมือนฝนตกลงมาปะทะหลังคาบ้านดังเปาะแปะ พร้อมแสงสว่างวาบ เส้นไหมเหล่านั้นไม่สามารถโจมตีผ่านเกราะนี้ได้เลย
ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบไม่ร้อน
การกระทำของหานลี่เหมือนจะเป็นการกระตุ้นความโกรธของใบหน้าแปลกๆ บนต้นไม้นั้น ไม่รู้เสียงกรีดร้องดังโหยหวนออกมาจากต้นไม้ต้นไหน
ทันใดนั้นสายตาของพวกมันก็เหมือนโกรธเกรี้ยว มันอ้าปากอีกครั้งและพ่นเปลวเพลิวสีเขียวออกมา กลิ่นคาวคละคลุ้ง จนทำให้ถนนสายเล็กเส้นนี้กลายเป็นทะเลเพลิง
หานลี่ส่งยิ้มเบาๆ ฝีเท้าก็ยังไม่หยุดเดิน ม่านแสงสีเทาที่อยู่รอบตัวมีผลึกลำแสงไหลเวียนอยู่ มันจึงดูดเปลวเพลิงสีเขียวเข้ามา
ทุกย่างก้าวที่หานลี่เดินไป จะมีเสียงตกกระทบของม่านแสงสีเทา ผลึกไหมสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปจากม่านแสงราวกับฝนตก โดยผลึกไหมแต่ละเส้นจะพุ่งไปที่ใบหน้าแปลกๆ บนต้นไม้อย่างแม่นยำ
หลังจากเสียงโหยหวนของใบหน้าประหลาดเหล่านี้ พวกมันก็ค่อยๆ สลายเป็นควันแล้วจางหายไป
ต้นไม้ที่เคยเขียวขจี ก็ค่อยๆ แห้งเหี่ยวและไม่ได้ปล่อยปราณอะไรออกมาอีก
หลังจากหานลี่เดินมาได้หนึ่งร้อยจั้ง ในที่สุดเขาก็ออกมาจากป่าลึกลับได้แล้ว แต่ด้านหน้าของเขากลับปรากฏทุ่งดอกไม้หลากสี ดอกไม้ทรงกลมชูช่ออยู่ในกอหญ้าอย่างสงบ ด้านในเต็มไปด้วยดอกไม้ โดยต้นไม้แต่ละต้นมีดอกไม้ขนาดใหญ่เพียงดอกเดียว
ดอกไม้ยักษ์เหล่านี้มีสีและรูปร่างต่างกัน แต่ทั้งหมดล้วนสวยงาม กำลังอยู่ในช่วงที่บานสะพรั่งพอดี
กลิ่นดอกไม้หอมๆ ที่ได้กลิ่นเมื่อตอนแรกก็คงจะมาจากที่นี่สินะ
หานลี่กะพริบตาเล็กน้อย เขาใช้จิตสัมผัสกวาดมองทุ่งดอกไม้นี้โดยรอบ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังเดินต่อไปช้าๆ
ในตอนที่เขาเดินผ่านดอกไม้ดอกหนึ่ง จู่ๆ ดอกไม้ยักษ์ดอกนั้นก็แกว่งไปแกว่งมาและกลายร่างเป็นผีหน้าตาดุร้าย พร้อมส่งเสียงหัวเราะแปลกๆ
“แค่ปีศาจระดับต่ำกลุ่มหนึ่ง อยากจะเข้าใกล้ข้าหรือ ช่างรนหาที่ตายนัก” หานลี่หัวเราะลำคอหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้น
“ตู้มๆ” เกิดสายฟ้าผ่าขึ้นตอนกลางวัน
ประจุสายฟ้าโค้งสีทองสองสายปรากฏออกมา ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นประจุสายฟ้าเหล่านั้นก็หลายเป็นมังกรสายฟ้า ขนาดยาวมากกว่าร้อยจั้ง และโจมตีทุ่งดอกไม้ทั้งหมด
หัวผีที่อยู่บริเวณใกล้เคียงโดนสายฟ้าโจมตีไปไม่กี่ครั้ง ก็ค่อยๆ สลายเป็นควันและจางหายไป
ส่วนทุ่งดอกไม้ยักษ์ที่อยู่ไกลออกไป ประจุสายฟ้าสีทองกำลังจะโจมตีมัน แต่มันหนีหายไปเสียก่อน
ทุ่งดอกไม้ที่มีแสงแดดอ่อนๆ ลมพัดโชยมา ก็มีไอปีศาจคละคลุ้ง เหมือนว่าจะกลายเป็นแดนมารอย่างไรอย่างนั้น
แต่ด้วยพลังของหานลี่ พวกมารชั้นต่ำจะสามารถหนีจากสายฟ้าปราบมารที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร
หานลี่เพิ่งจะคิดในใจไป มังกรสายฟ้าสองตัวก็ระเบิดตัวเองสายฟ้าสีทองกระจายไปทั่ว กลายเป็นตาข่ายสีทอง คลุมทุ่งดอกไม้ทั้งทุ่งนี้
หลังจากมันสว่างวาบขึ้นเพราะการช็อตของสายฟ้า หัวมารจำนวนไม่น้อยก็ถูกทำลายไป ไอปีศาจที่อยู่ในทุ่งดอกไม้ก็กรีดร้องชัดเจนเสียงดัง ท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง
ในตอนนั้นเอง หานลี่ก็เดินออกจากทุ่งดอกไม้อย่างสบายๆ สุดท้ายนั้นเขาก็เดินมาถึงทะลสาบขนาดเล็กสีดำแดง
“…พรรคมารจริงๆ ด้วย ของเหล่านี้ฆ่าไม่มีวันหมด มันจะมาพัวพันไม่หยุดพัก พี่เซียว ถ้าหากพี่ไม่คิดหาหนทางล่ะก็ ข้าจะใช้วิธีของข้าจัดการมันให้หมดแล้วนะ” ฮูหยินวั่นฮวาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ
ในตอนนี้นาง เซียวหมิงและสหาย กำลังอยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยทรายสีเหลือง หุ่นเชิดขนาดใหญ่สีเหลืองน้ำตาลปรากฏขึ้นจากพื้นทราย ในมือของพวกเขามีกระบี่ด้ามยาว หรือไม่ก็เป็นธนูที่แข็งแกร่ง และยังโจมตีพวกเขาทั้งสามอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าการโจมตีเหล่านี้จะไม่มีทางทำอะไรมหาเมธีทั้งสามได้ และพวกเขายังสามารถทำลายหุ่นเชิดเหล่านี้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ไม่ว่าจะโจมตีไปเท่าไหร่ มันก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากที่ทั้งสามคนเพิ่งเข้ามาในเขตนี้ได้ไม่นาน เขาได้ทำลายหุ่นเชิดพวกนี้ไปมากกว่าแสนตัวแล้ว แต่มันไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย
เพื่อเป็นการประหยัดแรง ทั้งสามคนจึงหยิบสมบัติขึ้นมาปกป้องร่างกาย และไม่ลงมือโจมตีอะไรอีกต่อไปแล้ว
“สหายวั่นฮวาอย่าเพิ่งใจร้อน ผู้น้อยแซ่เซียวกำลังจะหาตาค่ายของค่ายกลนี้เจอแล้ว ต่อให้เจ้าทำลายมันจนหมด มันก็ปรากฏออกมาเยอะกว่าเดิม แล้วอีกอย่างพวกนี้ไม่ใช่หุ่นเชิดของจริง เพียงแค่ใช้ภาพลวงตาที่สร้างมาจากโคลนเท่านั้น เมื่อออกจากที่นี่ได้มันก็จะหายไปทันที จัดการพวกมันไปจะมีประโยชน์อะไรกัน” กลางฝ่ามือของเซียวหมิงมีจานแปดเหลี่ยมสีขาวดั่งหยกกำลังส่องแสงอยู่ เขากำลังมองไปรอบๆ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของวั่นฮวา เขาก็ตอบกลับโดยไม่หันหน้ากลับไปมองนาง
“สหายหาตาค่ายเจอแล้ว หึๆ ข้ากลัวว่าหากออกไปช้าแล้ว สมบัติที่อยู่กลางพระราชวังเทียนติ่งจะตกไปอยู่ในมือของคนอื่น” เมื่อฮูหยินวั่นฮวาได้ยินดังนั้นก็ดีใจมาก พร้อมหัวเราะคิกคัก
“วางใจเถอะ มีสหายชิงผิงแนะนำ และพวกเราก็ได้เลือกเส้นทางที่จะเดินทางไปยังพระราชวังเทียนติ่งในเส้นทางที่สั้นที่สุดแล้ว ขอเพียงเดินไปแล้วผ่านตำหนักเล็กสามตำหนัก ก็จะถึงด้านในนั้นแล้ว ต่อให้เส้นทางอื่นกว่านี้ เราก็ไม่สามารถเดินไปทางนั้นได้” เซียวหมิงพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ว่าชนเผ่าเล็กๆ ของแผ่นดินใหญ่หยวนเฟิ่งกลุ่มนั้น มีพลังที่เราไม่อาจคาดเดาได้เลย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีวิธีพิเศษที่สามารถทำลายเขตอาคมต้องห้ามได้ พวกเราอย่าประมาทเกินไป ไปให้เร็วที่สุด ไวที่สุดก็พอ” สีหน้าของฮูหยินวั่นฮวาผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็ยังพูดอย่างยืนยัน
“สหายวั่นฮวาพูดมีเหตุผล พี่เซียว ข้าคิดว่ายอมสูญเสียปราณเล็กน้อย เพื่อให้ไปถึงใจกลางพระราชวังเทียนติ่งให้เร็วที่สุดดีกว่า” สหายชิงผิงที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวอย่างเห็นด้วย
“ก็ได้ ในเมื่อสหายทั้งสองคิดเช่นนั้น ข้าคงต้องใช้วิธีที่โหดเหี้ยมเพื่อค้นหาว่าตาค่ายอยู่ที่ไหน” หลังจากเซียวหมิงขมวดคิ้ว เขาก็พยักหน้า
จากนั้นเขายื่นมือข้างหนึ่งมาร่ายคาถา ด้านหลังปรากฏแสงสีเลือด เงาร่างคางคกโลหิตเก้าตาก็ปรากฏขึ้น ทันใดนั้นร่างของมันก็ขยายใหญ่ขึ้น จนมีขนาดมากกว่าหลายสิบจั้ง ปราณของเขาก็เข้มข้นขึ้นมาก
“ไป”
หลังจากที่เซียวหมิงสั่งการเบาๆ เขาก็พลิกมือข้างหนึ่ง และโยนจานแปดเหลี่ยมขึ้น พร้อมอ้าปากพ่นแก่นปราณออกมาหลายครั้ง
จานแปดเหลี่ยมส่งเสียงดัง อักษรรูนจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นหลังจากที่มันหมุนวนรอบๆ พริบตาเดียวมันก็กลายเป็นเขตอาคมขนาดเล็ก ด้านในส่องแสงสว่างวาบ และมีลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมา ชั่วขณะนั้นมันก็โจมตีที่ความว่างเปล่าแห่งหนึ่ง
พื้นที่ว่างเปล่าแห่งนั้นสั่นสะเทือนและบิวเบี้ยว แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็กลับคืนสภาพเดิม
“ไม่ใช่ที่นี่ ลองใหม่อีกครั้ง” เซียวหมิงกล่าวเสียงเรียบ นิ้วชี้ไปที่จานแปดเหลี่ยม
หลังจากที่มันเริ่มสะเทือนเล็กน้อย เขาก็เล็งโจมตีไปที่พื้นที่ว่างเปล่าถัดไป
แสงสว่างวาบขึ้น ลำแสงแบบเดิมก็โผล่มาอีกครั้ง แล้วโจมตีความว่างเปล่าที่อยู่ด้านนั้น
ครั้งนี้หลังจากที่ความว่างเปล่าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จู่ๆ ก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น ทันใดนั้นก็มีอักษรรูนสีเงินขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา
มันมีขนาดเท่าบ้าน พร้อมแสงสีเงินส่องประกาย
“ดวงดีไม่เลว หาเจอแล้ว” ริมฝีปากของเซียวหมิงยกยิ้มขึ้น
จากนั้นก็กระตุ้นคาถาลับด้วยเสียงเบาๆ
คางคกยักษ์ที่อยู่ด้านหลังก็ลืมตาทั้งเก้าขึ้นมาพร้อมกัน แล้วจ้องมองไปยังอักษรรูนขนาดใหญ่ทางนั้น
หลังเสียงระเบิดจบไป คางคกโลหิตเก้าตาก็พ่นไหมสีทองออกมา แทงทะลุอักษรเหล่านั้น จากนั้นไม่นานอักษรเหล่านั้นก็ถูกตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย