A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2366 กลับคืน
“เจ้าก็คือข้า ข้าก็คือเจ้า จำต้องเอ่ยถึงเรื่องลำบากอะไรกัน ในตอนนี้เจ้าออกมาได้แล้ว ข้าก็สามารถกลับคืนรวมกับเจ้าได้แล้ว” เซวี่ยพั่วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบสองประโยค
ปิงพั่วพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาให้มากก็ใช้มือข้างหนึ่งทำท่าทางออกมา กายก็เปล่งประกายลำแสงโลหิตออกมาในทันที แล้วจึงเริ่มพร่ามัวมองไม่ชัดเจนขึ้นมา
ในเวลาเดียวกันนั้น ร่างกายของเซวี่ยพั่วก็เคลื่อนไหว กลายเป็นกลุ่มลำแสงโลหิตเช่นเดียวกันแล้วพุ่งเข้าไป
เพียงแค่พริบตาเดียว ก็หายเขาไปในร่างกายของปิงพั่วจนมองไม่เห็นแม้เงา
ปิงพั่วโค้งงอกายลงในทันที ใบหน้าเผยร่องรอยของความเจ็บปวดออกมา ขณะเดียวกันผิวกายก็เปล่งแสงโลหิตออกมา จู่ๆ ผิวกายของนางก็มีร่องรอยของเลือดหนาทึบพุ่งออกมา แล้วทยอยลอยเป็นหมอกโลหิตหายไปในกลางอากาศ
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาเต็มๆ สีหน้าเจ็บปวดของปิงพั่วก็ค่อยๆ หายไป ยืนตัวตรงขึ้นมาอีกครั้ง
นางในเวลานี้ ถึงแม้ว่าท่าทางของนางจะเหมือนกันกับก่อนหน้านี้ไม่ผิดนัก แต่ว่าอารมณ์ของนางดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
“ที่แท้แล้วพี่หานมีชื่อเสียงมากมายถึงเพียงนี้ภายในเผ่า และยังคุ้นเคยกับร่างแปลงวิญญาณโลหิตของข้ามากถึงเพียงนี้ และต้องขอบคุณท่านนักพรตที่คอยช่วยเหลือมาตลอด ไม่เช่นนั้นนางก็คงไม่มีทางเข้าสู่ดินแดนนี้ได้อย่างปลอดภัย” หลังจากที่ปิงพั่วยิ้มให้กับหานลี่แล้ว ก็เอ่ยออกมาช้าๆ
“นักพรตท่านได้ซึมซับความทรงจำของร่างแปลงทั้งหมดแล้ว” หานลี่จ้องมองหญิงสาวคนนี้ เอ่ยถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“จะมีเรื่องง่ายดายเช่นนี้ได้ที่ไหนกัน ข้าตอนนี้ได้ปิดผนึกความทรงจำส่วนใหญ่เอาไว้ เก็บเอาไว้เพียงแค่ความทรงจำส่วนเล็กๆ เอาไว้เท่านั้น” ปิงพั่วส่งเสียงยิ้มข่มขื่นออกมา แล้วเอ่ยตอบ “นักพรตปิงพั่วลงมืออย่างชาญฉลาดเช่นนี้ ตอนนี้ในเมื่อเก็บร่างแปลงกลับมาแล้ว พระราชวังเทียนติ่งก็ไม่มีอะไรที่พวกเราต้องการแล้ว เช่นนั้นก็ไปจากที่นี้กันเถอะ ผู้อื่นอาจจะคาดไม่ถึงกันว่าพระราชวังเทียนติ่งจะปิดตัวลงก่อน ใช้โอกาสที่สับสนอลหม่านนี้ พวกเรารีบถอนตัวกันออกไปอย่างปลอดภัย” หานลี่พยักหน้า ตามมาด้วยมือข้างหนึ่งพุ่งไปยังกลางอากาศด้านข้าง แล้วเอ่ยออกมาเช่นนี้ ลำแสงสีทองเปล่งประกายขึ้น แล้วร่างของคนตัวเล็กก็ปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็ตรงหายเข้าไปในแขนเสื้อจนมองไม่เห็น
ซึ่งก็คือราชาแมลงกลืนทองคำนั่นเอง
และเกือบจะในเวลาเดียวกัน นักพรตเซี่ยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวก็ใช่มือข้างหนึ่งทำท่าทางออกมา หลังจากที่เสียงดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง แล้วกลายเป็นประจุสายฟ้าพุ่งตรงไปยังหานลี่
เสียงสายฟ้าฟาดดังขึ้น แล้วก็หายเข้าไปในกายของหานลี่ไม่เห็นแม้แต่เงา
“ตกลง เช่นนั้นน้องสาวก็จะเริ่มร่ายคาถาแล้ว” ปิงพั่วเมื่อเห็นเข้า ก็เอ่ยปากตกลงมาในทันที
ตามมาด้วยหญิงสาวคนนี้ก็อ้าปากขึ้น ส่งป้ายหยกสีโลหิตออกมา นิ้วมือข้างหนึ่งพุ่งตรงไปยังกลางอากาศ
…
กลางอากาศเหนือเทือกเขาวั่นเยว์ เขตอาคมขนาดใหญ่ได้ล้อมรอบประตูยักษ์ทางเข้าของพระราชวังเทียนติ่งเอาไว้แล้ว เหล่าลูกศิษย์ที่สวมชุดของสำนักกระดูกโลหิตปรากฏอยู่ทุกแห่งหนภายในเขตอาคม
ตรงกลางเขตอาคมนั้น มหายานสองท่านของสำนักกระดูกโลหิตกำลังนักขัดสมาธิหลับตาทำสมาธิอยู่
ทันใดนั้นอักษรสีเงินทองที่เดิมนั้นเคลื่อนไหวอยู่ตรงประตูยักษ์นั้นเพียงแค่ชั่วครู่เดียวก็ส่งเสียงต่ำออกมา ขณะเดียวกันก็เคลื่อนไหวแล้วม้วนตัวออกมาด้านบน
“เกิดอะไรขึ้น พรือว่าพระราชวังเทียนติ่งจะปิดลงก่อนอย่างนั้นหรือ ตามบันทึกของคราวก่อนแล้วนั้น ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้นถึงจะถูกสิ” มหายานทั้งสองของสำนักกระดูกโลหิตตกตะลึงขึ้นมา พร้อมกันก็เปิดดวงตาขึ้นมา และชายชราดวงตาลึกหนึ่งในนั้นก็สงสัยจนสูญเสียเสียงไป
“หรือไม่ก็อาจจะมีบางคนได้รับเสื้อคลุมและสมบัติล้ำค่าของอรหันต์เทียนติ่งแล้วก็เป็นได้ ถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างประหลาดเช่นนี้” หญิงสาวรูปร่างเตี้ยอวบอ้วนหน้าตาน่าเกลียดเองก็หยัดกายลุกขึ้นมา แววตาเป็นประกายเอ่ยออกมา
“ไม่ว่าจะอย่างไร จะต้องสร้างเขตอาคมขึ้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน ป้องกันมีคนฉวยโอกาสก่อความวุ่นวายขึ้น” ชายชราดวงตาลึกเมื่อได้ยินเข้า รูม่านตาก็หดลง แต่ว่าหลังจากนั้นก็ตัดสินใจออกมาอย่างเด็ดขาด
“คำพูดนี้มีเหตุผล จำต้องป้องกันเอาไว้ก่อนสักเล็กน้อย” หญิงสาวร่างเตี้ยอวบอ้วนไม่ได้ขัดแย้ง แต่กลับพยักหน้าออกมาอย่างเห็นด้วย
ดังนั้นทั้งสองจึงได้ส่งเสียงออกคำสั่ง ให้เหล่าลูกศิษย์ของสำนักกระดูกโลหิตที่หลบซ่อนตัวอยู่ทั่วทุกทิศนำเครื่องมือที่ใช้สร้างเขตอาคมขึ้นมา
และทันใดนั้นเขตอาคมส่งตัวก็เตรียมพร้อมแล้ว เส้นใยงดงามโผล่ออกมาจากกลางอากาศพุ่งออกไป พัวพันกันไปมาอย่างรวดเร็ว แล้วกลายเป็นตาข่ายเส้นไหมขนาดยักษ์ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
ทั่วทั้งพื้นที่ต่างก็ได้รับความคุ้มกันเอาไว้ทั้งหมด
ทันทีที่ตาข่ายก่อตัวกัน รัศมีสีทองอันน่าหวาดกลัวก็ม้วนตัวออกมาจากด้านบน ราวกับว่ามีทหารนับหมื่นนายซ่อนอยู่ในนั้น
มหายานทั้งสองของสำนักกระดูกโลหิตเองก็ลุกยืนขึ้นมา ดวงตาก็จ้องมองไปยังประตูยักษ์ที่อยู่เบื้องหน้า
“ปัง” เสียงดังลั่นสั่นสะเทือนฟ้าดินดังขึ้นมา
หลังจากที่ประตูยักษ์บิดเบี้ยวพร่ามัวแล้วก็ระเบิดเปิดออกมา ขณะเดียวกันหลังจากที่พลังจากสวรรค์และโลกกลิ้งออกไปแล้ว ช่องว่างสีขาวขุ่นก็โผล่ออกมาแล้วค่อยๆ รวมตัวกัน
“ปัง ปัง”! ดังออกมาสองครั้ง
ตรงที่ประตูยักษ์หายไปก็สั่นไหวแล้วรวมตัวเข้ากันอีกครั้ง เขตอาคมสองแห่งปรากฏออกมาจากกลางอากาศ แล้วมีกลุ่มคนสองกลุ่มออกมาจากในนั้น
กลุ่มหนึ่งนั้นมีมากถึงสามสิบคน ห้อมล้อมชายร่างใหญ่ที่สวมชุดแพรหม่นหมองเอาไว้
เมื่อครู่คนเหล่านี้เพิ่งจะบุกเข้าไปพื้นที่ตรงกลางเข้าไป ในตอนที่พวกเขาคิดจะค้นหาสมบัตินั้น กลับโดนเขตอาคมลำแสงที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศส่งออกจากพระราชวังเทียนติ่งมาเสียเฉยๆ
และแน่นอนว่านี้ทำให้ชายร่างใหญ่ในชุดแพรรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก ใบหน้าไม่มีทางที่จะดูดีได้
ส่วนคนอีกกลุ่มนั้น คือชายหนุ่มที่มีใบหน้าเหมือนกันทั้งห้า
ก็คือนักพรตเซวี่ยเหอนั่นเอง
“เป็นพวกเขา?” ชายชราดวงตาลึกเมื่อมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของทั้งสองกลุ่มอย่างชัดเจนแล้ว ท่าทางก็ดูเปลี่ยนไป เผยท่าทีประหลาดใจออกมา
“ที่แท้ก็เป็นนักพรตเทียนจิว นักพรตตีเมิ่งจากสำนักกระดูกโลหิตนั่นเอง ทั้งสองท่านลงมือเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไรกัน?” ชายร่างใหญ่ชุดแพรเมื่อมองดูใบหน้าของชายชราดวงตาลึกและหญิงอ้วนเตี้ยชัดเจนแล้ว สายตาก็กวาดมองไปทั่วทั้งสี่ทิศของเขตอาคมม่านไหมขนาดใหญ่แล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที แล้วเอ่ยถามเสียงเย็นออกมา
“ที่แท้ก็เป็นเจ้าสำนักเฝิงปรมาจารย์แห่งเขตอาคมก็อยู่ที่แห่งนี้ด้วยนั่นเอง ไม่แปลกที่พระราชวังเทียนติ่งถึงได้ปิดก่อนกำหนด พี่เฝิงคงจะได้ของดีจากข้างในนั้นมาไม่น้อยสินะ” หญิงสาวรูปร่างเตี้ยอ้วนหลังจากที่กะพริบตาแล้ว ก็เอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก
“ตีเมิ่ง เจ้าคิดว่าการเปลี่ยนแปลงเมื่อครู่นี้ของพระราชวังเทียนติ่งเกิดขึ้นเพราะข้าอย่างนั้นหรือ?” ชายร่างใหญ่ชุดแพรใบหน้าดูมืดมนลง เอ่ยถามกลับไปอย่างไม่เกรงใจ
“คนที่เข้าไปด้านใน นอกจากนักพรตแล้ว ข้าเองก็ยังคิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ใดที่ทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้อีก” หญิงสาวเตี้ยอ้วนเองก็ถามกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ
ชายร่างใหญ่ชุดแพรเมื่อได้ยินเข้าก็กรุ่นโกรธขึ้นมา แต่ว่าเพียงแค่ครู่เดียวก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับคำถามนี้ไปเช่นไร
และในตอนนี้เอง ชายชราดวงตาลึกกลับส่งเสียงตะโกนออกไปยังอีกด้านหนึ่ง
“ทั้งห้าท่านจะไปที่ใดกัน ไม่คิดว่าจะเอ่ยอะไรออกมาเสียหน่อยหรือ?”
นักพรตเซวี่ยเหออีกด้านหนึ่งกำลังถอยออกไปยังขอบเขตอาคมขนาดใหญ่
“ข้าไม่มีอะไรให้ต้องเอ่ยถึง หรือว่านักพรตวางแผนที่จะให้พวกเราและเจ้าสำนักเฝิงอยู่ที่นี้ด้วยกันให้ได้อย่างนั้นหรือ?” หนึ่งในชายหนุ่มที่มีสีหน้าเฉยเมยเอ่ยออกมาด้วยดวงตาที่เผยประกายเลือดออกมา
“คิดไม่ถึงเลยว่า นักพรตเซวี่ยเหอที่มีชื่อเสียงโด่งดัง วันนี้ถึงกับตกมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสียจริง” ชายชราดวงตาลึกไม่ได้คิดที่จะตอบคำถามของชายหนุ่ม กลับกันดวงตากลับเปล่งประกายหลากสีออกมาระลอกหนึ่ง แล้วถอนหายใจยาวออกมา
“เทียนจิว คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไรกัน” สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปแล้วเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง
“หมายความว่ายังไง หืม ภายใต้ดวงตาลวงผลึกแก้วเช่นนี้ เพียงแค่หุ่นเชิดเนื้อโลหิตจะปิดบังข้าไปได้หรือ อย่างไรเสียก็นำกายเดิมที่แอบซ่อนเอาไว้เผยออกมาเสียดีกว่า” ชายชราดวงตาลึกส่งเสียงฮึมฮัมออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาแล้วเอ่ยออกมา
“อะไรนะ หุ่นเชิดเนื้อโลหิต!”
คราวนี้ ทั้งหญิงสาวเตี้ยอวบอ้วนและชายร่างใหญ่ชุดแพรเมื่อได้ยินเข้าต่างก็พากันตกตะลึง ดวงตาเบิกโพลง ทั้งหมดพากันมองไปยังทิศทางของนักพรตเซวี่ยเหอ แล้วเผยท่าทีหวาดกลัวออกมาอย่างขีดสุด
“เฮ่อเฮ่อ สมกับชื่อเสียงของดวงตาผลึกแก้วที่ได้รับมาจริงๆ ข้าได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทพโลหิตมาจนถึงระดับนี้แล้ว แต่กลับยังไม่อาจปิดบังหูตาของเจ้าได้” รูม่านตาของชายหนุ่มคนนั้นที่เอ่ยออกมาก่อนหน้านั้นหดลง แต่หน้าตาก็กลับมาเป็นเย็นชาผิดปกติอีกครั้ง
ตามมาด้วยกายของชายหนุ่มทั้งห้านั้นปรากฏลำแสงโลหิตออกมา แต่ละกายนั้นต่างก็มีโลหิตพุ่งออกมาศีรษะ เพียงแค่ชั่วแวบเดียวก็รวมตัวเข้าด้วยกัน สุดท้ายแล้วก็แปลงกายเป็นร่างเงามนุษย์สีโลหิตที่พร่ามัว
ร่างเงาโลหิตนี้ดวงตาทั้งสองเปล่งประกายสีเขียวหม่นออกมา ขณะเดียวกันก็แผ่รัศมีแห่งความโหดร้ายที่อธิบายไม่ได้ออกมา
“แดนนภาสีเลือดมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนมานานแล้ว ว่าผู้ที่ฝึกฝนวิชาเทพโลหิตล้วนแต่ต้อง ‘ตาย’” หลังจากที่ชายชราดวงตาลึกเหลือบมองไปยังร่างเงาสีโลหิตแล้ว เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ส่งเสียงตะโกนออกมาทันที
ในขณะที่น้ำเสียงเพิ่งหยุดลงนั้น ชายชราก็ใช้มือข้างหนึ่งร่ายคาถาออกมา นิ้วมือหนึ่งชี้ขึ้นสู่เหนืออากาศสูง
“ปัง” เสียงสายฟ้าดังลั่นขึ้น
ทันใดนั้นกลางอากาศสูงก็ปรากฏประจุสายฟ้าสีแดงเข้มขึ้นหกสาย เพียงแค่พริบตาเดียวก็พุ่งตรงมายังนักพรตเซวี่ยเหอและร่างเงาสีโลหิต
ขณะเดียวกันทั่วทั้งเขตอาคมก็ส่งเสียงดังหึ่งๆ ออกมา ลำแสงหนาทึบพุ่งขึ้นออกมาจากขอบขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อตัวกลายเป็นลำแสงขนาดมหึมา
ม่านไหมกลางอากาศสั่นไหวขึ้นก่อนที่จะเกิดการแยกกันของสวรรค์และโลก แล้วค่อยๆ ตกลงมาอย่างช้าๆ
รอยยิ้มแปลกประหลาดลอยออกมาจากร่างเงาสีโลหิตนั้น
แขนเสื้อของเขายกขึ้นเหนืออากาศสูง ชั่วขณะนั้นสายรุ้งโลหิตหกสายก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังจากไม่กี่พริบตา ก็โจมตีไปยังประจุสายฟ้าทั้งหกจนแตกกระจาย
ตามมาด้วยร่างกายหมุนวนไปรอบๆ หมอกโลหิตนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างกายของเขา ม้วนเอานักพรต
เซวี่ยเหอเข้าไปอยู่ด้านใน จากนั้นก็กลายเป็นทะเลโลหิตพุ่งตรงไปยังขอบแสง
ส่วนชายชราดวงตาลึกเห็นเข้าใบหน้าก็ดูมืดมนลง คาถาในมือก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ก็มีดาบเมฆปราณขาวยาวนับร้อยจั้งโผล่ออกมาจากร่างกายของเขา เพียงแค่กระทืบลงหนึ่งครั้งก็ทำให้ประกายแสงของดาบขนาดยักษ์นี้พุ่งตรงไปยังทะเลโลหิตในทันที
“เจ้าสำนักเฝิง ตอนนี้มีคนกล้าฝึกฝนเคล็ดวิชาเทพโลหิต ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร” หลังจากที่หญิงสาวเตี้ยอวบอ้วนกรอกตาไปมาอยู่สองครั้ง ก็ได้หันไปถามยังชายร่างใหญ่ชุดแพรอย่างกะทันหัน
“หืม ตีเมิ่ง เจ้าไม่จำต้องเอ่ยยั่วยุข้าหรอก ผู้ที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทพโลหิตเป็นศัตรูกับสำนักเซวี่ยเต้าของพวกเรา ทุกคนต่างก็ต้องโดนฆ่า ในเมื่อตอนนี้ให้ข้าได้พบเข้าแล้ว แน่นอนว่าไม่อาจละเลยไม่สนใจได้” ชายร่างใหญ่ในชุดแพรสีหน้าเปลี่ยนไปมาหลายตลบ ในที่สุดเขาก็ตอบออกมาน้ำเสียงเย็นชา
ตามมาด้วยชายร่างใหญ่ออกคำสั่ง เหล่าลูกศิษย์ที่อยู่รอบๆ บริเวณนี้ก็ทยานออกไปในทันทีพร้อมกับอาวุธในมือ เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นอักษรรูนขนาดใหญ่หลายๆ สีสัน แล้วเริ่มกวัดแกว่งไปมาอย่างบ้าคลั่งอยู่กลางอากาศในบริเวณใกล้เคียง
หลังจากที่ชายร่างใหญ่ในชุดแพรเอ่ยท่องอะไรบางอย่างออกมาแล้ว อักษรรูนเหล่านี้ก็เริ่มรวมตัวกันด้วยวิชาลึกลับบางอย่าง พัวพันกันไปมาอย่างบ้าคลั่ง
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ก็พบเป็นเขตอาคมสีทองอ่อนอยู่เหนือศีรษะของชายร่างใหญ่ ด้านในนั้นเต็มไปด้วยลำแสงเย็นเยียบ ราวกับว่ามีดาบนับไม่ถ้วนอยู่ในนั้น
ส่วนหญิงสาวเตี้ยอ้วนนั้น เมื่อเห็นว่าคำพูดของตนได้ผล ก็ยิ้มออกมาในทันที แขนเสื้อของเธอยกขึ้น ชั่วขณะนั้นวงแหวนสัตว์อสูรมากมายหลุดออกมาจากในนั้น
และทันทีที่เสียงร้องคร่ำครวญดังขึ้น ทันใดนั้นก็มีนกพิราบขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีหัวมากกว่าสิบปรากฏกายออกมา หลังจากที่เสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากของหญิงสาวแล้ว ก็พุ่งตามทะเลโลหิตที่อยู่ออกไปไกลๆ นั้นทันที
ส่วนลำแสงขนาดใหญ่ที่มองเห็นจากที่ไกลสุดขอบทั้งสี่ทิศนั้น หลังที่ลูกศิษย์ของสำนักกระดูกโลหิตใช้พลังอย่างสุดความสามารถผลักดันเอาไว้แล้วนั้น ก็ค่อยๆ เข้าใกล้ใจกลางของมันอย่างช้าๆ
สงครามครั้งใหญ่ ก็ปะทุขึ้นในทันทีอย่างที่ทั้งสองฝ่ายไม่ทันได้คาดคิด