A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2384 พระราชวังเจิ้นไห่
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2384 พระราชวังเจิ้นไห่
“ท่านนักพรตช่างมีสายตาเฉียบคมดั่งคบเพลิง ท่านมองออกถึงความผิดปกติของเจ้าหนูน้อย? ระหว่างทางที่หลบหนีมากับข้า นางถูกศัตรูของข้าโจมตีด้วยเคล็ดวิชาลับเฉพาะบางอย่าง แม้ว่าการโจมตีส่วนใหญ่จะถูกข้าสกัดกั้นไว้ได้ ทว่ายังมีหนึ่งส่วนที่เล็ดลอดไปถึงนาง ท่านนักพรตมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่ สามารถมองเห็นถึงปัญหาของลูกสาวข้า ไม่ทราบว่ามีวิธีรักษาแม่หนูน้อยหรือไม่” ถูเหย่าไม่สนใจสิ่งอื่นอีกต่อไป รีบกล่าวโดยพลัน
“หรือว่าท่านนักพรตไม่เคยลองลงมือรักษาด้วยตัวเอง” หานลี่ถามกลับ
“เคล็ดวิชาลับเฉพาะของศัตรูข้าเดิมทีแล้วมีเพื่อยั้งอิทธิฤทธิ์ของกันและกัน หากข้าลงมือรักษาเอง สถานการณ์ของลูกสาวข้าจะยิ่งแย่ลงไปอีก หากท่านนักพรตเต็มใจช่วยเหลือ ข้าจะไม่ลืมบุญคุณนี้ไปชั่วชีวิต” ถูเหย่าเอ่ยด้วยความขื่นขม
“สำหรับข้าแล้ว สภาพภายในร่างกายของลิ่งอ้ายไม่ได้นับว่าเป็นปัญหาที่แก้ได้ยาก อีกทั้งข้ายังสามารถช่วยให้อิทธิฤทธิ์ของท่านกลับคืนสู่ระดับมหาเมธีเหมือนเดิมได้อีกครั้ง แต่ว่าการแลกเปลี่ยนในครานี้ ข้ามีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง” หานลี่เอ่ยออกมาหลังแตะคางเล็กน้อย
“ท่านต้องการสิ่งใดขอเพียงแค่บอกมา ขอแค่ข้าสามารถทำได้ ข้าจะไม่ผิดคำพูดอย่างแน่นอน” ใบหน้าของมังกรวารีเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากสูดหายใจเบาๆ ก็กล่าวออกมาทันที
“พี่ถูไม่ต้องจริงจังถึงเพียงนี้หรอก เงื่อนไขของข้าไม่ใช่เรื่องยากอันใด หลังจากสมหวังแล้ว ต้องการให้ท่านช่วยข้าตามหาสถานที่แห่งหนึ่งใกล้ท้องทะเลเพียงเท่านั้น” หานลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง
“เพียงแค่นั้นรึ” สีหน้าของถูเหย่าผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น
“ฮ่าๆ ท่านคิดว่าข้าจะหยิบยกเงื่อนไขอันใดขึ้นมาหรือ” หานลี่หัวเราะเบาๆ
“โอ้ เป็นข้าที่กังวลเกินไป ด้วยอิทธิฤทธิ์ของท่านที่แสดงออกมาเมื่อครู่ แม้ในยุครุ่งเรืองของข้าก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านแน่นอน ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ย่อมไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดเพื่อหลอกลวงข้า ดี หากเป็นเพียงเงื่อนไขนี้ ข้าตกลง” มังกรวารีในรูปลักษณ์ของมนุษย์ตอบรับเงื่อนไขของหานลี่
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านนักพรตและลิ่งอ้ายขึ้นมาที่เรือเหาะก่อนเถิด ข้าน้อยจะรีบถ่ายเทพลังให้ท่านทั้งสองกลับสู่สภาพเดิมอีกครั้ง” หานลี่พยักหน้ากล่าวโดยไม่รีบร้อน
มังกรวารีในรูปลักษณ์ของมนุษย์จ้องมองเรือยักษ์สีดำเล็กน้อย แต่เขาไม่ลังเลเลย หลังกล่าวขอบคุณ ก็พาสาวน้อยในอาภรณ์สีม่วงบินขึ้นไปที่เรือยักษ์
ภายใต้การสั่งการของหานลี่ เรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึกได้กลับสู้เส้นทางเดิมทันทีและเดินทางต่อไป
วันที่สอง ในห้องโถงรับรองใหญ่บนเรือยักษ์ ถูเหย่าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณกำลังนั่งสนทนากับหานลี่ เด็กน้อยในอาภรณ์สีม่วงยืนอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นมากกว่าวันก่อน
บรรพชนฮวาสือและจูกั่วเอ๋อร์ก็ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเรียบร้อย
“ที่แท้พลังของท่านนักพรตก็สูงส่งจนยากจะหยั่งถึง เดิมทีคิดว่าต้องใช้เวลารักษาข้าและลูกสาวอย่างน้องสองสามเดือน นึกไม่ถึงเลยว่าพี่หานสามารถทำมันได้ในคืนเดียว หากในตอนนี้พระราชวังเจิ้นไห่ส่งคนมาที่นี่ ข้าคนเดียวก็สามารถสังหารพวกมันได้ทั้งหมด” มังกรวารีกล่าวกับหานลี่ด้วยความปิติ
“ความสามารถต่ำต้อยเช่นนี้จะนับว่าเป็นอะไรได้ พระราชวังเจิ้นไห่เป็นขั้วอำนาจแบบใดกัน อสูรทะเลเหล่านั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าจะนับว่าเป็นอะไรได้ ทว่าสำหรับผู้ฝึกตนในระดับผสานอินทรีย์กลับไม่มีทางที่จะต้านทานพวกมันได้เลย” หานลี่ใช้มือแตะคางพลางถามออกมา
“พระราชวังเจิ้นไห่เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลมากในเมืองทะเลซึ่งก่อตั้งโดยศัตรูที่แข็งแกร่งของข้า นอกจากเขาผู้เป็นผู้นำสูงสุดของพระราชวังแล้ว ยังมีเจ้าของวังระดับมหาเมธีอีกสองคน และอสูรทะเลทรงพลังหลายร้อยตัวที่ได้พบเห็นก่อนหน้านี้ก็เป็นผู้อาวุโสของวังนี้ด้วยเช่นกัน สำหรับอสูรทะเลทั่วไปเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรับมือ” หลังถูเหย่าได้ฟังคำถามของหานลี่ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ก็ตอบออกมาอย่างสัตย์จริง
“โอ้ อำนาจของพระราชวังเจิ้นไห่นั้นมีไม่น้อยเลย พลังยุทธ์ของท่านก็ลดลงอย่างมาก เหตุใดมหาเมธีของวังนั้นจึงไม่ลงมือฆ่าท่านด้วยตนเอง” หานลี่พยักหน้าและถามอีกครั้ง
“ตัวข้าและพระราชวังเจิ้นไห่มีความแค้นต่อกัน แต่กลับมีสัมพันธ์อันดีกับตำหนักมังกรวารีมรกตซึ่งเป็นขั้วอำนาจใหญ่อีกกลุ่มในเมืองทะเลแห่งนี้ หลังจากที่ข้าหลบหนีเคล็ดวิชาลับที่ศัตรูผู้นั้นโจมตีออกมาได้ ก็ส่งข่าวไปขอความช่วยเหลือ โชคดีที่พันธมิตรจากตำหนักนี้สามารถรับมือกับพระราชวังเจิ้นไห่ได้ทันท่วงที รั้งศัตรูผู้นั้นและมหาเมธีอีกสองคนเอาไว้ ข้าจึงหลบหนีได้มาจนถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เส้นทางทะเลที่จะไปยังตำหนักมังกรวารีมรกตนั้นได้ถูกอสูรทะเลจากวังเจิ้นไห่ปิดล้อมไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว จึงจำเป็นต้องหลบหนีมาทางนี้” มังกรวารีที่อยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ตอบกลับมาอย่างสงบ
“ที่แท้ก็มีความซับซ้อนถึงเพียงนี้ ตำหนักมังกรวารีมรกตได้รับการตั้งชื่อตามมังกรวารีมรกต เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้นำของตำหนักนั้นจะเป็นผู้แข็งแกร่งซึ่งมาจากเผ่ามังกรวารี” หานลี่กะพริบตาและถาม
“นักพรตหานเดาถูกแล้ว เจ้าของทั้งสองของตำหนักมังกรวารีมรกตล้วนแต่เป็นมหาเมธีจากเผ่ามังกรวารีสีเขียวที่เป็นสหายสนิทของข้า แม้ว่าตำหนักนี้จะมีมหาเมธีเพียงแค่สองคน ทว่าอิทธิฤทธิ์ของพวกเขากลับสามารถเทียบเคียงได้กับผู้นำทั้งสามของพระราชวังเจิ้น ความแข็งแกร่งโดยรวมของทั้งสองฝ่ายแทบจะไม่ต่างกัน จริงสิ…ในตอนนั้นที่อยู่ที่เมืองเมฆา ท่านยังอยู่เพียงระดับหลอมสุญตา ไม่เจอกันเพียงไม่นานก็เข้าสู่ระดับมหาเมธีแล้ว การก้าวหน้าที่รวดเร็วเช่นนี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ พรสวรรค์ที่สูงส่งเช่นนี้เกรงว่าจะมีเพียงแค่ผู้อาวุโสบางท่านในสมัยโบราณเท่านั้นที่สามารถเทียบเคียงได้” ถูเหย่าถอนหายใจ ยังคงตกใจเล็กน้อยกับการเข้าสู่มหาเมธีที่รวดเร็วของหานลี่
“ข้าเพียงแค่ได้พบพานโอกาสอันดีในช่วงหลายปีมานี้ ดังนั้นจึงสามารถก้าวเข้าสู่ระดับในตอนนี้ได้ ส่วนรากฐานอันลึกล้ำนั้น จะสามารถเทียบเคียงกับมหาเมธีอย่างพี่ถูได้เช่นไร” หานลี่กล่าวอย่างสุภาพ
“ท่านนักพรตถ่อมตนเกินไปแล้ว จริงสิ ท่านต้องการให้ข้าช่วยหาสถานที่แบบใด หากไม่เป็นการโอ้อวดเกินไป แม้ว่าข้าจะไม่สามารถพูดได้ว่ารู้จักพื้นที่ทุกตารางนิ้วของน่านน้ำแห่งนี้ ทว่าข้าเคยไปเขตที่มีความพิเศษส่วนใหญ่มาบ้างเล็กน้อย” การแสดงออกของถูเหย่าเคร่งขรึมขึ้น ในที่สุดก็เอ่ยถามถึงเรื่องนี้
“สถานที่ที่ข้าต้องการค้นหาเป็นเพียงแค่ตำแหน่งแห่งหนึ่งใต้ท้องทะเล ส่วนตำแหน่งที่แน่นอนนั้น…ฮวาสือ เจ้ามาอธิบายให้นักพรตถูฟังเสียหน่อย…ฮวาสือเป็นอสูรวิญญาณที่ฝึกฝนสำเร็จภายใต้น้ำ ด้วยคำอธิบายของเขา คิดว่าคงทำให้ท่านนักพรตเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น” หานลี่หันศีรษะไปออกคำสั่งกับบรรพชนฮวาสือที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ขอรับ ผู้อาวุโสถู ที่จริงแล้วตำแหน่งใต้ทะเลที่พวกข้าต้องการค้นหาคือตำแหน่งที่ได้มาจากการชี้นำของแท่นบูชาโบราณ ลักษณะจำเพาะของสถานที่แห่งนั้นคือ…” หลังฮวาสือรับคำสั่ง ก็ก้าวออกมาด้วยความเคารพแล้วอธิบายอย่างละเอียดในทันที
แม้ว่าจะรับรู้ตำแหน่งที่ตั้งโดยสังเขปของทางเข้าเสี่ยวหลิงเทียนผ่านแท่นบูชาโบราณ แต่ด้วยความกว้างใหญ่ของโลกใต้ทะเล อาจจะทำให้ตำแหน่งนั้นคลาดเคลื่อนออกไปมากกว่าหนึ่งแสนแปดพันลี้
แม้จะมีบรรพชนฮวาสือผู้ซึ่งเชี่ยวชาญด้านพลังธาตุน้ำเป็นผู้ช่วย ก็ยังยากที่จะค้นหาทางเข้าพบ
ดังนั้นเมื่อหานลี่มองเห็นมังกรวารีซึ่งเป็นคนรู้จักเก่าแก่ที่ทะเลก่อนหน้านี้ ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะลงมือช่วยเหลือ
หากได้รับการช่วยเหลือจากเขา เชื่อว่าการที่จะค้นหาตำแหน่งที่แน่นอนคงจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินอีกต่อไป
สำหรับมหาเมธีทั้งสามจากวังเจิ้นไห่นั้น แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งกว่าคนในระดับเดียวกัน อยากจะขุ่นเคืองก็ขุ่นเคืองไป ด้วยพลังของหานลี่ในตอนนี้ ทั้งสามตัวนั้นย่อมไม่อยู่ในสายตา
หลังจากการสนทนาระหว่างถูเหย่าและบรรพชนฮวาสือแล้ว ทั้งสองก็ระบุตำแหน่งใต้ท้องทะเลที่เหมาะสมกับทางเข้าเสี่ยวหลิงเทียนได้อย่างรวดเร็ว
เรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึกส่งเสียงหวูดยาว มุ่งตรงไปยังพิกัดนั้นด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า
สองเดือนต่อมา เหนือทะเลที่ปกคลุมไปด้วยแนวปะการัง เรือยักษ์สีดำหยุดนิ่งอยู่บนท้องฟ้า
หุ่นเชิดระดับกลางและระดับสูงหลายพันตัวกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณทะเลนี้ ตรวจตราโดยรอบ
ในส่วนลึกของท้องทะเล หุ่นเชิดผลึกมารจำนวนมากกำลังมองหาบางอย่างอยู่โดยรอบ
บรรพชนฮวาสือและถูเหย่าก็เข้าร่วมกับหุ่นเชิดเหล่านี้ด้วยทั้งสองใช้จิตสัมผัสค้นหาบางสิ่งไม่หยุดหย่อน
หานลี่นั่งสมาธิโคจรพลังอยู่ที่ดาดฟ้าของเรือยักษ์
จูกั่วเอ๋อร์ที่ดูเหมือนจะยืนอยู่ข้างหานลี่อย่างสงบ ทว่าท่าทีชะโงกหัวเยี่ยมๆ มองๆออกไปทางทะเล ย่อมไม่สามารถลอดพ้นสายตาของหานลี่
“เจ้าจะกังวลอะไร ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ทั้งสองคนคิดว่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร อีกไม่นานคงมีข่าวคราวส่งกลับมา” หานลี่เอ่ยออกมาเบาๆ โดยไม่ลืมตา
“ผู้อาวุโสหาน กั่วเอ๋อร์เพียงแค่กังวลว่าคราวนี้ก็จะล้มเหลว สถานที่ทั้งสองก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสทั้งสองก็บอกว่ามีความเป็นไปได้มาก ทว่ากลับไม่ประสบความสำเร็จเลยแม้แต่น้อย” จูกั่วเอ๋อร์แลบลิ้นแล้วบ่นพึมพำ
“ท้องทะเลกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้และโลกใต้ทะเลก็มีความซับซ้อนมาก ผิดพลาดไม่กี่ครั้งนับเป็นเรื่องปกติ ทว่าข้ามีลางสังหรณ์ว่าครั้งนี้น่าจะได้อะไรมาบ้าง” หานลี่ตอบด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
“พลังอาคมของท่านแข็งแกร่งมาก ในเมื่อมีลางสังหรณ์เช่นนี้ คงเป็นไปได้ยากที่จะผิดคาด” จูกั่วเอ๋อร์ยินดียิ่งนั้กเมื่อได้ยิน
“แต่ก่อนหน้านั้น คงต้องกำจัดแขกที่ไม่ได้รับเชิญออกไปเสียก่อน” หานลี่ลืมตาขึ้นแล้วจ้องมองไปยังทิศทางหนึ่งอย่างเรียบนิ่ง
ในเวลาเดียวกัน บนผิวน้ำทะเลที่ห่างออกไปหลายลี้ อสูรทะเลรูปร่างแปลกประหลาดก็ปรากฏตัวขึ้นทีละตัว อสูรตัวใหญ่ราวกับภูเขาและอสูรตัวเล็กก็มีขนาดหลายจั้ง ภายใต้การอัดแน่นนั้น มีมากมายจนสามารถพบเห็นได้ในรัศมีแทบทุกตารางนิ้ว
บนเต่ายักษ์สีเขียวที่อยู่ด้านหน้าสุด ชายเครายาวสวมมงกุฎหยกยืนอยู่บนมัน เขาสั่งการกองทัพอสูรทะเลให้เคลื่อนตัวไปยังเรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึกด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ที่ด้านหลังเต่ายักษ์สีเขียว อสูรม้าน้ำขนาดใหญ่และปลาหมึกยักษ์สีน้ำเงินเข้มเคลื่อนตัวตามมาติดๆ
“ที่แท้ คนผู้นั้นก็อยู่ด้านหน้าไม่ไกล หึ กล้าที่จะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของวังพวกเรา คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วสินะ เริ่มเตรียมการเขตอาคมหมื่นอสูร ข้าต้องการที่จะใช้เขตอาคมนี้กักขังให้มหาเมธีจากผืนดินนั้นตายตกอยู่ที่นี่” หลังจากที่ใบหน้าของชายชราที่มีเครายาวเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาก็ออกคำสั่ง
อสูรทะเลที่มีเขายาวเดินออกมาจากกองทัพอสูรด้านหลัง หลังกลุ่มของอสูรเพิ่มจำนวนขึ้น พวกมันก็เดินแปรขบวนอย่างไม่หยุดหย่อน หลังผ่านไปไม่กี่อึดใจ แม้ว่ากลุ่มของอสูรจะยังโกลาหล แต่เขตอาคมลึกลับก็ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
หุ่นเชิดที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ๆ รับรู้ถึงกองทัพอสูรทะเลขนาดใหญ่ดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว ครู่หนึ่งจึงเหาะตรงไปยังผู้บุกรุกอย่างดุดัน
“หยุดอยู่ตรงนั้น! นายท่านของพวกข้ากำลังจัดการธุระอยู่ด้านหน้า บุคคลภายนอกทั้งหมดห้ามเข้าไปใกล้ มิเช่นนั้นจะถูกสังหารอย่างไรความปราณี!” หุ่นเชิดจำนวนนับสิบตัวยืนขวางอยู่หน้ากองทัพอสูรทะเล และหุ่นเชิดเกราะเงินตัวหนึ่งก็ตะโกนเสียงดังอย่างเย็นชา
“เป็นแค่หุ่นเชิดไร้ความสามารถไม่กี่ตัว ไปตายซะ” สีหน้าของชายเครายาวที่อยู่บนกระดองเต่ายักษ์มืดครึ้มลง
เกือบจะทันทีที่สิ้นเสียง อสูรทะเลที่แข็งแกร่งนับสิบตัวด้านหลังเขาก็อ้าปากพ่นลำแสงและเพลิงสายฟ้าออกมาพร้อมกัน ผ่านไปพริบตาเดียว หุ่นเชิดเหล่านี้ล้วนแตกสลายภายใต้เสียงคำรามดังก้องสะเทือนฟ้า