A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2414 สังหารลู่ (2)
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2414 สังหารลู่ (2)
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ฉับพลันนั้นมือหนึ่งพลันพลิกฝ่ามือ น้ำเต้าสีเหลืองความสูงสองสามชุ่น
ปรากฏขึ้นในมือ แล้วโยนไปด้านหน้า
น้ำเต้าเทลง ผิวมีอักขระยันต์ปรากฏขึ้น ขยายใหญ่ขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ชั่วพริบตาก็มีขนาดเท่าบ้าน
หานลี่ใช้นิ้วชี้ไปที่มัน
น้ำเต้ายักษ์ส่งเสียงอึกทึกอยู่ด้านใน พ่นผลึกลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นกรวดขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองสีสันแวววาว
นั่นก็คือทรายรชตะทมิฬเดือดที่หานลี่ได้มาจากแดนมาร
ทรายเหล่านี้หมุนวนกลางอากาศ เปลี่ยนเป็นร้อย และจากร้อยเป็นพัน กลายเป็นทะเลทรายแวววาว
“ไป”
หานลี่สะบัดแขนเสื้อ แล้วร้องตะโกนด้วยความเย็นชา
ทรายผลึกส่งเสียงอึกทึกแล้วม้วนวนไปฝั่งตรงข้ามอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ชั่วพริบตาทะเลทรายสองกลุ่มก็โจมตีไปกลางอากาศ เสียง “แกร๊กๆ” ไม่น่าฟังดังขึ้น ในเวลาเดียวกันก็ระเบิดรัศมีลำแสงเจิดจ้าสีเหลืองออกมา
ทรายสีเหลืองทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นอสูรปีศาจอย่างพยัคฆ์ มิคาทน แมวป่าไม่หยุด แล้วเข้าโจมตีฉีกทึ้งทรายผลึกฝั่งตรงข้ามไม่หยุด
ทะเลทรายผลึกกลับเหมือนทะเลไร้ก้นบึ้ง ไม่ว่าทรายสีเหลืองฝั่งตรงข้ามจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ตนแค่กระตุ้นเม็ดทรายเม็ดหนึ่งก็หมุนวนไปอย่างช้าๆ ทำให้ทรายสีเหลืองที่สัมผัสทั้งหมดระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
ทั้งสองปะทะกันก็แทบจะตัดสินได้ในพริบตา
ทะเลทรายสีเหลืองหดเล็กลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ หลังจากผ่านไปสองสามชั่วลมหายใจ พื้นที่ก็หดเล็กลงเท่าเดิม
หยางลู่เห็นฉากนี้ที่อยู่ท่ามกลางวายุสีเหลืองก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา ฉับพลันนั้นก็สาวเท้ายาวๆ มาข้างหน้า
เสียง “ปัง” ดังขึ้น
หลังจากที่ระลอกคลื่นสั่นเทาอย่างรุนแรง เงาร่างใหญ่ยักษ์ของหยางลู่ก็ร่นระยะทางไปสองสามร้อยจั้ง หานลี่ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ฝ่ามือสองข้างแค่ไขว้กันอยู่ตรงหน้า กดลงมาอย่างแรงราวกับภูเขาขนาดย่อม
ฝ่ามือสองข้างยังไม่ทันร่อนลงมา รัศมีลำแสงสีขาวที่เกือบจะโปร่งแสงคลี่ออกมาจากกลางฝ่ามือ พลังเหนียวหนืดที่ทำให้ผู้คนแทบกลั้นหายใจห่อหุ้มร่างของหานลี่ทันใด
หานลี่เลิกคิ้วคมดาบขึ้น มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ กระบี่ยาวสีเขียวความยาวสองสามฉื่อ
ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ สะบัดข้อมือสับไปกลางอากาศ
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ!
สายรุ้งสีเขียวความยาวสิบกว่าจั้งพลันพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป สับลงไปที่รัศมีลำแสงสีขาวนวลอย่างแรง
เสียงอึกทึกดังขึ้น!
ลำแสงสีเขียวและลำแสงสีขาวพัวพันไปมา สายรุ้งสีเขียวถูกดีดออก
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็ไม่ตกตะลึงแต่กลับหัวเราะ แขนข้างหนึ่งหนาขึ้นเท่าหนึ่ง ในเวลาเดียวกันผิวก็เกล็ดสีม่วงทองปรากฏขึ้น จากนั้นกำปั้นก็ต่อยออกไปอย่างแรง
หยางลู่เห็นเช่นนั้นใบหน้าพลันเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม ยักไหล่ พลังมหาศาลสองกลุ่มจมหายเข้าไปในฝ่ามือทั้งสอง
ทันใดนั้นฝ่ามือที่ร่อนลงมารัศมีลำแสงสีขาวนวลเจิดจ้าจนแสบตา พลังเหนียวหนืดที่ห่อหุ้มร่างของหานลี่เองก็หนาขึ้นสองสามส่วน
อสูรตัวนี้คิดจะโจมตีหานลี่ให้กลายเป็นน้ำจิ้มเนื้อ
ชั่วพริบตากำปั้นที่ดูเหมือนจะผอมแห้งของหานลี่และรัศมีลำแสงสีขาวนวลสัมผัสกัน เขตอาคมที่รวมตัวจากลายสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็เปล่งแสงปรากฏขึ้น และมีพลังมหาศาลอันน่ากลัวทะลักออกมาอย่างยากจะเหลือเชื่อ
เสียง “ปัง” สะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น!
รัศมีลำแสงสีขาวนวลสองชั้นแทบจะปริแตกออกพร้อมกัน ฝ่ามือทั้งสองถูกบีบจนแตกออก
หยางลู่เองที่พลังมหาศาลอันน่ากลัวมาประชิดร่างร่างกายใหญ่ยักษ์พลันสั่นเทา แล้วถอยร่นไปด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว
หลังจาก “กึกๆ” ไปสิบกว่าก้าว อสูรตัวนี้ถึงได้ยืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง แล้วสายตาที่มองหานลี่ก็อดที่จะเปลี่ยนเป็นตกตะลึงระคนหวาดกลัวไม่ได้ หลังจากร้องคำรามก็อ้าปากออกพ่นพายุสีขาวเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้งออกมา หลังจากกะพริบวาบ ก็เคลื่อนย้ายมาอยู่ใกล้กับหานลี่แค่คืบ
ยามนี้พายุที่แฝงไว้ด้วยพลังแรงกดมหาศาลถึงได้ส่งเสียงร้องแหลมสูงขึ้นกลางอากาศ
เสียง “ปัง” ดังขึ้น!
แขนสีม่วงทองแขนนั้นของหานลี่แค่เลือนราง พายุมหึมาก็เลือนรางถูกโจมตีจนกระเด็นไป จากนั้นพื้นดินที่ไกลออกไปพลันกลายเป็นดวงอาทิตย์สีขาวแล้วระเบิดออกมา การโจมตีมหึมาม้วนวนคลายออกแทบจะกดทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลองในรัศมีวงกลมสองสามลี้
หยางลู่มองเห็นสถานการณ์นี้พลันมีสีหน้าเขียวคล้ำ
และในยามนี้หานลี่กลับใช้มือหนึ่งร่ายอาคมด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ผิวมีลำแสงสีม่วงทองแผ่ออกมา ลำแสงเจิดจ้าปกคลุมทั้งเรือนร่างเอาไว้ ในเวลาเดียวกันเสียงหงส์ร้องมังกรคำรามพลันดังออกมา
เมื่อลำแสงสีม่วงทองหม่นแสงลงอีกครั้ง มารเทวะสามเศียรหกกร หัวมีเขาเดี่ยว เรือนกายมีเกล็ดสีม่วงทองพลันปรากฏขึ้นที่เดิม
มารตนนี้ใช้ดวงตาสีเงินทั้งสามคู่มองหยางลู่ด้วยความเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วย่ำเท้าเดินออกไปทีละก้าวๆ
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น!
ทุกก้าวที่มารตนนี้ก้าวออกไปร่างกายจะใหญ่ขึ้นสองสามส่วน สิบกว่าก้าวถึงได้เดินเสร็จ กลายเป็นสิ่งมหึมาที่ขนาดไม่ด้อยไปกว่าหยางลู่
“รูปร่างในยามนี้ถึงจะเป็นสภาพที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า การประมือที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มขึ้น สหายคือจิตวิญญาณเที่ยงแท้ ไม่ทราบว่าจะรับกระบวนท่าของผู้แซ่หานได้หรือไม่” เสียงหึ่งๆ ออกจากปากของหานลี่ที่กลายเป็นมารเทวะ จากนั้นแขนข้างหนึ่งก็เปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ กระบี่ไม้สีดำเขียวปรากฏออกมา แค่สะบัดไปเบาๆ ทันใดนั้นระลอกคลื่นแห่งกฎเกณฑ์ก็กระเพื่อมออกมา
“ร่างมารเที่ยงแท้ สมบัติสวรรค์ทมิฬ!”
แม้ว่าหยางลู่จะมีความรู้มากมาย แค่เห็นหานลี่แปลงกายและกระบี่ไม้ในมือก็ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง จิตใจหนักอึ้ง
…
อีกด้านเมฆสีแดงสดในรัศมีสิบกว่าลี้ กระบี่ลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ และยิ่งไปกว่านั้นเสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นเป็นบางครั้งคราว
เสียงอัสนีฟ้าฟาดดังขึ้นกลางวันแสกๆ กระบี่ลำแสงทั้งหมดสลายหายไป กระบี่ยักษ์สีเงินสูงค้ำฟ้าความยาวพันจั้งเศษปรากฏขึ้นบนเมฆเพลิง และสับลงมา
ในเมฆเพลิงมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น มังกรวารีประหลาดที่ร่างกายเต็มไปด้วยหนวดยาวสีแดงสดกระโจนออกมา แล้วพ่นเพลิงอัสนีไปหากระบี่ยักษ์สีเงิน
เห็นเพียงลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่ยักษ์กลายเป็นม่านกระบี่สีเงินปรากฎขึ้นด้านล่างมังกรวารีประหลาด เมฆเพลิงทั้งผืนสับออกเป็นสองส่วน
จากนั้นกระบี่ยักษ์พลันเลือนราง พลันสลายหายไป ที่เดิมมีบุรุษสวมชุดคลุมสีเทาหน้าตาธรรมดาปรากฏขึ้นคนหนึ่ง
บุรุษผู้นี้ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬ ร่างกายครึ่งหนึ่งล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย บาดแผลกลับไหม้เกรียม ไม่เห็นโลหิตสดๆ ไหลออกมาเลยสักนิด กลับเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาแล้วมองไปยังมังกรวารีที่นิ่งอยู่กลางอากาศ
“อสูรหนวดเพลิง คาดไม่ถึงว่าจะมีอสูรศักดิ์สิทธิ์ธาตุเพลิงชนิดนี้อยู่จริงๆ ดูแล้วตัวนี้คงเป็นตัวที่เซียนผู้นั้นเอามาจากแดนเซียน น่าเสียดายที่เป็นแค่หุ่นเชิด ไม่มีสติปัญญา มิเช่นนั้นนอกจากใช้วิธีสังหารเก้าชั้น ก็ไม่อาจชนะได้ แต่แม้ว่าเช่นนี้…” บุรุษชุดสีเทาก้มหน้าลงมองเคล็ดวิชาลับที่กระตุ้นอีกครั้ง ยังคงไม่เห็นเรือนร่างก็อดที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้
ยามนี้มังกรวารีประหลาดที่นิ่งงันอยู่กลางอากาศพลันสั่นเทา ร่างกายอันใหญ่โตแตกออกเป็นชิ้นๆ จำนวนนับไม่ถ้วน เปลวเพลิงสีแดงสดทะลักออกมา แล้วม้วนวนไปรอบด้านอย่างมืดฟ้ามัวดิน
บุรุษชุดคลุมสีเทาพลันตกตะลึง เสียงกรีดร้องยาวๆ ดังขึ้นอย่างไม่ต้องขบคิด กลายเป็นกระบี่ยักษ์สีเงินอีกครั้งแล้วพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า พลางทะลวงทะเลเพลิงออกไป
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งกาน้ำชา ทะเลเพลิงสีแดงสดถึงได้ค่อยๆ หดเล็กลง และสุดท้ายก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ยามนี้จุดที่มังกรประหลาดเดิมอยู่พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น บุรุษชุดเทาปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบอีกครั้ง พิจารณารอบด้านแวบหนึ่ง เห็นของใดๆ ไม่เหลือเลย ใบหน้าก็เคร่งขรึมดุจสายธาร
เขามีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสอยู่ที่เดิม พลางขบคิดอันใดอยู่ชั่วครู่แล้วถึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ย่ำเท้ากลายเป็นกระบี่ลำแสงพวยพุ่งไปกลางอากาศ
…
“หนวดเพลิง คาดไม่ถึงว่าจะพ่ายแพ้” หม่าเหลียงใช้น้ำเสียงที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินเอ่ยพึมพำ ท่าทางประหลาดใจ
“หึ หากไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ยอมคลายผนึกจิตสัมผัสของข้า จนไม่อาจใช้พลังได้แม้แต่หนึ่งส่วน แค่มนุษย์จากแดนล่างคนหนึ่งจะเอาชนะข้าได้อย่างไร” ในเวลาเดียวกันเสียงแหลมๆ อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในบริเวณรอบ
จากนั้นด้านหน้าของเขาห่างออกไปสองสามจั้งพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ลูกบอลเพลิงสีแดงสดขนาดเท่าไข่ไก่พลันปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ และเปล่งแสงสว่างวาบตรงใจกลางอีกครั้ง คนตัวเล็กสีแดงสดรวมตัวกัน และมองเซียนเที่ยงแท้ตรงหน้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“หึ คลายผนึกเจ้า อยู่แดนนี้เจ้าอย่าเพ้อฝันไปเลย นอกเสียจากจะกลับแดนเซียน มิเช่นนั้นข้าไม่มีทางเสี่ยงทำเรื่องนี้แน่ ยามนี้เจ้าได้สติอยู่ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ทว่าข้าจะทำให้จิตสัมผัสของเจ้าจมสู่ภวังค์หลับใหลทันที จากพละกำลังของเจ้า แค่เปลือกนอกไม่ถูกทำลาย ก็นับว่าเพียงพอให้ข้าใช้การแล้ว” หม่าเหลียงแค่นเสียงหึแล้วเอ่ยขึ้น
สิ้นเสียงเขาพลันอ้าปากออกพ่นรัศมีสีทองออกมา
คนตัวเล็กสีแดงสดสัมผัสกับรัศมีสีทองแววตาเย็นชาก็ค่อยๆ หายไป แล้วกลายเป็นสีหน้าแข็งทื่อดังเดิม
หม่าเหลียงสะบัดแขนเสื้อ ยันต์สีทองสองสามแผ่นบินออกมา แล้วแปะอยู่บนร่างคนตัวเล็ก
จากนั้นเขาพลันหยิบกล่องหยกสีฟ้าออกมา หลังจากเปิดฝาออก ก็โบกไปมาตรงหน้า ชั่วขณะนั้นไอสีขาวพลันม้วนวนออกมา ดูดคนตัวเล็กเข้าไปข้างใน
หม่าเหลียงเก็บกล่องหยก ยกมือขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง หัวคิ้วขมวดมุ่นตามจิตสำนึก
ยามนี้แม้ว่าท้องฟ้าจะยังคงมีเสียงต่อสู้ดังขึ้นไม่หยุด แต่ไม่ว่ามังกรสีโลหิตแปดตัวหรือว่ามนุษย์ยักษ์สีโลหิตสี่คนล้วนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และยิ่งไปกว่านั้นผู้แข็งแกร่งระดับมหายานอย่างอิ๋นกังจื่อและอสูรเฮยหนีสี่ตัวก็จำใจต้องถอยร่นไปอยู่รอบๆ ทะเลสาบโลหิต อาศัยปราณแท้มหาศาลใกล้ๆ สายธารโลหิตถึงได้พอฝืนยืนขึ้นอีกครั้งได้
แต่เห็นได้ชัดว่าการต้านทานนี้ไม่อาจประคองได้อีกนานนัก
หม่าเหลียงกวาดสายตาไปตามจุดต่างๆ ในการสู้ริมสายธารโลหิต หลังจากหันหน้าไปอีกครั้งก็มองไปยังม่านลำแสงขนาดเท่าฝ่ามือที่อยู่ใกล้แค่คืบ
ในม่านลำแสงมารยักษ์สามเศียรหกกรพลันกุมกระบี่ยักษ์สีดำเขียวเอาไว้ มือหนึ่งยกร่างไม่สมบูรณ์กว่าครึ่งของอสูรยักษ์ขึ้น
“ร่างมารเที่ยงแท้ สมบัติสวรรค์ทมิฬ คิดไม่ถึงว่าจะคนที่รักษาการตาอาคม จะรับมือยากเช่นนี้ พวกเขาสองคนล้วนทำไม่สำเร็จ ดูแล้วครั้งนี้ ไม่คลายผนึกอีกครั้งคงไม่ได้แล้ว ทว่าในเมื่อหาเบาะแสของเป้าหมายพบแล้ว ยามนี้ก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมือใดๆ อีก” หม่าเหลียงเอ่ยพึมพำกับตัวเอง มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ ชั่วขณะนั้นยันต์สีทองเรืองรองก็ปรากฏขึ้น