A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2421 ขวดคว้าสวรรค์
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2421 ขวดคว้าสวรรค์
วินาทีถัดมาหลังจากไหมคริสตัลสว่างวาบขึ้น ทันใดนั้นก็ปล่อยลำแสงสีขาวออกมา
ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ลำแสงสีขาวก็ถูกปล่อยออกมาทั่วทุกสารทิศอย่างบ้าคลั่ง ชั่วพริบตาเดียวทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีร้อยลี้ก็ถูกปกคลุมจนทั่ว
ทหารสวมเกราะสีทองเหล่านั้นที่ล้อมตัวของเด็กตัวเล็กก็ถูกลำแสงสีขาวทำลายจนหมดสิ้น พร้อมล้มลงไปที่พื้น ในตอนนั้นเองแมลงปีกแข็งตัวใหญ่ก็ขดร่างและกลายเป็นลูกกลมสีทองสว่างไสว ที่ผิวหนังมีอักขระวิญญาณสีม่วงทองปรากฏขึ้นเต็มไปหมด
หม่าเหลียงในร่างของยักษ์สีทองสามารถหลบหนีไปได้ไม่ไกล ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขากลัวว่าจะถูกลำแสงสีขาวนั้นกลืนกินเช่นกัน
…
เสียงดัง “ตู้ม”
กระจกโบราณสีเขียวที่อยู่ตรงหน้าของหานลี่ก็เกิดระเบิดขึ้น แต่เหมือนกับว่าลำแสงสีขาวนั้นยังคงกะพริบอยู่ที่หน้าของเขา
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง เขาจึงเห็นเพียงว่ามีสายฟ้าผ่าลงจากระยะไกลๆ อย่างไม่ขาดสาย และเห็นแสงสีขาววูบวาบ
ระลอกคลื่นก็มาจากทิศทางเดียวกัน หลังจากที่หานลี่สัมผัสถึงมันได้นั้น ใบหน้าของเขาก็มืดครึ้มขึ้น
“เขตอาคมเม็ดฝุ่นสองลักษณ์นี่สุดยอดจริงๆ หากไม่ได้วางเขตอาคมเอาไว้ก่อน เกรงว่าจะไม่มีทางรอดกลับมาแน่นอน” ทันใดนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมายาวๆ พร้อมกับพูดพึมพำ
“หากเป็นเขตอาคมเม็ดฝุ่นสองลักษณ์ของจริง สหายไม่มีทางต้านทานพลังทำลายล้างได้อย่างแน่นอน แต่เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลง เขตอาคมนี้จึงมีพลังเพียงแค่หนึ่งในสิบจากพลังเดิม ด้วยพลังของพี่หาน ก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อยเลยที่จะสามารถเอาชีวิตรอดได้” นักพรตเซี่ยพูดขึ้นเสียงเบาที่ด้านข้างของหานลี่
เมื่อสิ้นเสียง ด้านหลังของหานลี่ก็มีประจุสายฟ้าสีเงินสว่างวาบขึ้น เงาร่างของนักพรตเซี่ยปรากฏตัวขึ้นมา
“อ่า ขนาดข้ายังมีความเป็นไปได้ที่จะรอด เช่นนั้นเซียนผู้นั้นก็มีโอกาสหลบหนีสำเร็จสินะ” หานลี่พูดตอบโดยไม่หันหลังกลับไปมอง
“เป็นเช่นนั้น” นักพรตเซี่ยตอบด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์
“ตามการคาดเดาของสหาย หากเซียนผู้นั้นสามารถหลบหนีออกมาได้ จะมีพละกำลังเหลือกี่ส่วน” หลังจากหานลี่ลูบคาง เขาก็ถามขึ้นอย่างครุ่นคิด
“พูดได้ยาก แต่เขาไม่สามารถรักษาสถานะของเซียนที่แท้จริงเอาไว้ได้อีกแล้ว เก้าในสิบส่วนเขาจะต้องกลับสู่รูปลักษณ์เดิม อีกทั้งเขาต้องได้รับผลการสะท้อนกลับด้วย แม้จะไม่รู้ว่าเขาใช้วิชาลับอะไรที่ทำให้ทำลายแรงต้านและการควบคุมแดนวิญญาณ แต่ตอนนี้เขาก็บาดเจ็บสาหัสอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” นักพรตเซี่ยพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ดังนั้นพี่เซี่ยจึงเห็นด้วยที่จะให้ข้าเข้าไปดูสินะ” หานลี่พูดขึ้นอย่างช้าๆ
“จะไปหรือไม่ไป พี่หานเป็นคนตัดสินใจเอง แต่อีกฝ่ายไม่ใช่แค่คนธรรมดาเท่านั้น ในตัวของเขาน่าจะมีโอสถจิตวิญญาณไม่น้อยเลย หากสหายได้มันมาล่ะก็ การขึ้นสู่แดนเซียนก็เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นอีกก้าว” นักพรตเซี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น
“เมื่อสหายพูดเช่นนี้ ข้าก็ควรเสี่ยงใช่หรือไม่ ดีที่สถานการณ์ของเขาในตอนนี้เป็นเช่นนี้ ต่อให้ข้าแพ้ข้าก็สามารถหนีรอดอย่างปลอดภัย” หานลี่หัวเราะขึ้นเสียงเบา พร้อมสะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นเองประจุสายฟ้าสีเงินก็ปรากฏออกมา ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงคำรามของฟ้าร้องดังลั่น กลุ่มก้อนสายฟ้าสีเงินอ่อนๆ ปรากฏขึ้น
หลังจากฟ้าแลบในค่ายกลอัสนี หานลี่และนักพรตเซี่ยก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับประจุสายฟ้า
ศูนย์กลางของซากปรักหักพัง
หลังจากลำแสงสีขาวหายไปหมดแล้ว พื้นที่ที่อยู่ระยะหมื่นลี่นี้ก็ดูเตี้ยลงกว่าเดิมหลายสิบจั้ง พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่
พื้นที่ทุกตารางนิ้วในแอ่งแห่งนี้เรียบเนียนราวกับกระจกเงา ไม่มีหลุมไม่มีบ่อเลยสักหลุมเดียว
แต่ที่กลางท้องฟ้า กลับมีวัตถุสองชิ้นที่ลอยอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับตัวไปไหนเลย
หนึ่งคือลูกคริสตัลขนาดใหญ่ เปลือกด้านนอกเป็นสีทองและมีประกายสีดำ อีกทั้งยังมีกลิ่นไหม้โชยออกมาด้วย ราวกับว่ามันถูกย่างจนสุกแล้ว
ส่วนอีกลูกหนึ่งคือคริสตัลสีม่วงทอง ด้านในมีแสงสว่างสลัวๆ เปล่งประกายออกมา มันกำลังห่อหุ้มร่างเงาอยู่ไว้ด้านใน แต่ว่าอย่างไรก็มองไม่ชัด
“ตู้ม” เสียงหนึ่งดังขึ้น
เปลือกคริสตัลขนาดใหญ่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ หม่าเหลียงปรากฏตัวออกมาอย่างเปลือยกาย ไม่มีผ้าพันปกปิด
เขาในตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะกลับรูปลักษณ์มนุษย์ปกติ ทั่วทั้งร่างกายก็ไม่มีร่องรอยขีดข่วนเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าซีดขาวกว่าปกติ เหมือนไม่มีเลือดหล่อเลี้ยงเลยแม้แต่น้อย สายตากวาดมองไปรอบๆ อย่างช้าๆ สีหน้าดูย่ำแย่อย่างมาก
“เขตอาคมเม็ดฝุ่นสองลักษณ์ คาดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีวิชาลับของแดนเซียนอยู่ มิน่าล่ะถึงมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หึๆ น่าเสียดายที่มันเป็นแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นล่ะก็…”
หลังจากหม่าเหลียงพูดกับตนเองแค่ไม่กี่คำ เขายังพูดไม่ทันจบ สายตาของเขาก็จ้องมองไปที่ลูกคริสตัลสีทอง”
เมื่อเห็นว่าลูกคริสตัลลูกนั้นสั่นเล็กน้อย รอยร้าวสีชมพูก็ค่อยๆ ปริร้าวออกมา จากนั้นเนื้อสุกแล้วก็หลุดออกมา ด้านในนั้นมีแมลงปีกแข็งสีทอง ขนาดสิบกว่าจั้งอยู่
“เคล็ดวิชาถอดร่างจักจั่นสีทอง คิดไม่ถึงว่าเซียนกลืนทองในโลกมนุษย์จะฝึกวิชาแบบนี้ด้วย ฮ่าๆ วิเศษไปเลย ฝีมือของแมลงตัวนี้ดีกว่าที่ข้าคาดเดาไว้ยิ่งนัก” ในตอนแรกที่เห็นหม่าเหลียงก็ตกใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมาทันที พร้อมพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น กลางฝ่ามือของเขานั้นมียันต์สีเทาอ่อนใบหนึ่งปรากฏขึ้นมา เขาเตรียมจะสะบัดมันออกไปทางแมลงปีกแข็งตัวนั้น
ปราณที่แผ่ออกมาตอนนี้นั้นอ่อนแรงกว่าเมื่อครู่มาก แต่เมื่อเขาเห็นดังนั้นแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความดุร้าย ราวกับจะกางปีกและบินหนีไปตอนนี้
แต่ในตอนนั้นเอง สายฟ้าก็ฟาดลงมาดังเปรี้ยง ประจุสายฟ้าสีเงินจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็ปรากฏออกมา และมันก็ผสานเข้ากับค่ายกลอัสนีเข้าพอดี
สีหน้าของหม่าเหลียงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาขยับตัวอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง พร้อมโยนยันต์สีเงินไปทางค่ายกลอัสนีทันที
“ตู้ม” เสียงหนึ่งดังขึ้น
หลังจากที่ยันต์สีเงินบินตรงเข้าไปแล้ว มันก็กลายเป็นขวานสีเงินขนาดหลายสิบจั้ง และฟันไปที่ค่ายกลอัสนีอย่างรุนแรง
ขวานเล่มนั้นยังไม่ทันได้ฟันลงไป ปราณที่ลมเย็นและแหลมคมก็พัดออกมา
หลังจากที่สายฟ้ารอบๆ ค่ายกลอัสนีหายไปจนหมด ท่ามกลางเสียงร้องคำรามก็มีเงาร่างของคนสองคนปรากฏออกมา คนหนึ่งในนั้นกวาดสายตามองรอยขวานสีเงินที่ฟันลงมา เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น จากนั้นปราณกระบี่สีเขียวก็ปรากฏออกมา
“ตู้ม” เสียงระเบิดเสียงหนึ่งดังขึ้น
หลังจากที่กระบี่สัมผัสกับขวานนั้นแล้ว มันก็กระเด็นออกมาทันที
ส่วนขวานยักษ์สีเงินก็ส่องแสงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็จางหายไปในอากาศ
หลังจากแสงสีเขียววนเป็นวงกลมแล้ว มันก็กลายเป็นกระบี่เล่มหนึ่งที่มีขนาดเล็ก จากนั้นก็ตกลงไปที่กลางฝ่ามือของคนผู้หนึ่ง
คนที่เดินออกมาจากค่ายกลอัสนี ก็ต้องเป็นหานลี่และนักพรตเซี่ย ส่วนคนที่ลงมือนั้นคือหานลี่
“หึ พวกรนหาที่ตายอีกแล้ว เอ๋ เป็นหุ่นเชิดเซียนที่สมบูรณ์แบบมากเลยนี่นา นี่มันเป็นของหายากมากจริงๆ” เมื่อหม่าเหลียงเห็นหานลี่และนักพรตเซี่ยเดินเข้ามา ในตอนแรกเขาก็แค่นหัวเราะหนึ่งครั้ง แต่หลังจากหรี่ตามองดีๆ แล้ว เขาก็สามารถมองที่มาของนักพรตเซี่ยได้อย่างชัดเจน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
“สมแล้วที่เป็นคนของแดนเซียน สามารถมองตัวตนที่แท้จริงของพี่เซี่ยได้อย่างง่ายดาย แต่ดูท่าทางของท่านแล้ว เหมือนว่าจะโดนแดนวิญญาณสะท้อนกลับไม่เบาเลยทีเดียวนะขอรับ สหายยังเหลือกำลังอีกกี่ส่วนหรือขอรับ” หลังจากหานลี่มองหม่าเหลียงอย่างวิเคราะห์ เขาก็พูดออกมาพร้อมยิ้มเล็กน้อย
ในตอนนั้นเองแมลงปีกแข็งสีทองมันก็ขยับปีกทั้งสองข้าง มีเสียง “หึ่งๆ” ดังขึ้นออกมา จากนั้นมันกลายเป็นกลุ่มก้อนแสงสีทองแล้วบินเข้าไปอยู่ในแขนเสื้อหานลี่และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ดูเหมือนว่าการสะท้อนของแดนวิญญาณ หุ่นเชิดเซียนที่อยู่ด้านข้างของท่านจะเป็นคนบอกสินะ แต่ต่อให้ข้าเหลือกำลังเพียงหนึ่งส่วน ก็ฆ่าพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย แต่หากเจ้ายินดีมอบเซียนกลืนทองคำให้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักคนหนึ่ง” เมื่อหม่าเหลียงเห็นดังนั้น แววตาของเขาก็เปล่งประกาย พร้อมหัวเราะเสียงดัง
“เซียนกลืนทอง เจ้าหมายถึงราชาแมลงกลืนทองคำตัวนี้น่ะหรือ? หึๆ เหมือนว่าจะมากเกินไปขอรับ” หานลี่อ้าปากหาวแล้วกล่าวตอบ
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็ต้องใช้แรงมากหน่อย หลังจากฆ่าพวกเจ้าแล้ว ข้าค่อยทำให้เซียนกลืนทองเชื่อง” หม่าเหลียงหัวเราะอย่างดุร้ายแล้วพูดขึ้น มือข้างหนึ่งคว้าความว่างเปล่าขึ้นมา กลางฝ่ามือของเขามีแสงสีเลือดปรากฏขึ้น ทันใดนั้นตราประทับเลือดก็ปรากฏขึ้นมาทันที
เมื่อหานลี่เห็นดังนั้นก็ลงมืออย่างไร้ความปรานี ด้านหลังของเขามีแสงสีทองสว่างขึ้น แขนทั้งหกข้างของพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้น ทันใดนั้นเองภายในร่างกายของเขาก็มีเสียงดัง “เปรี๊ยะๆ” ดังขึ้น จากนั้นก็มีเงาสีเขียวของกระบี่ปรากฏขึ้นจำนวนมากมาย นับได้มากกว่าพันเล่ม ทันใดนั้นที่นี่จึงถูกล้อมรอบด้วยทะเลกระบี่
ส่วนนักพรตเซี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ภายในร่างกายของเขาก็มีเสียงดังขึ้น จากนั้นประจุสายฟ้าสีเงินก็ปรากฏขึ้นมาทันที ปกคลุมผิวหนังทุกส่วนของเขา ราวกับว่าเขาได้กลายเป็นเทพอัสนีไปแล้ว
และในตอนนั้นเองหน้าอกของหานลี่ก็รู้สึกร้อนขึ้น กลุ่มแสงสีเขียวก็ทะลุเสื้อผ้าออกมา ในขณะเดียวกันก็มีเสียงกรีดร้องจากด้านในดังขึ้นมา แล้วหายไปในกลีบเมฆ
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง ที่แขนเสื้อของหม่าเหลียงก็มีแสงสว่างสีเขียวรอดออกมา ขวดโอสถหมึกสีเขียวบินออกมา หลังจากที่มันสั่นไปเล็กน้อย พร้อมส่งเสียงหวีดร้องดังลั่น มันก็พุ่งตรงไปที่ที่หานลี่ยืนอยู่
“ปึง” เสียงหนึ่งดังขึ้น
หม่าเหลียงสะบัดแขนเสื้อจับขวดหมึกสีเขียวเล็กๆ เอาไว้ในฝ่ามือทันที แต่สายตาของเขาก็กวาดตามองแสงสีเขียวรูปร่างเหมือนขวดโอสถตรงหน้าอกของหานลี่ ใบหน้าของเขาแสดงความไม่อยากจะเชื่อ
“ขวดคว้าสวรรค์ เจ้ามีขวดนี้ในครอบครองได้อย่างไร ฮ่าๆ ข้าพยายามหาแทบตายกลับไม่เจอ พอเลิกสนใจกลับเจอเสียอย่างนั้น ข้าไม่จำเป็นต้องไปหาคนทรยศเช่นนั้นแล้ว ตอนนี้ข้าสามารถหาสมบัติชิ้นนี้เจอแล้ว หากข้านำกลับไปให้บรรพบุรุษ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะตบรางวัลให้ข้าอย่างไร?” หม่าเหลียงมองขวดโอสถหมึกสีเขียวในฝ่ามือ จากนั้นก็มองไปที่หน้าอกของหานลี่ พร้อมหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ขวดคว้าสวรรค์? นี่เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่” สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เขาจ้องมองไปขวดโอสถหมึกสีเขียวในฝ่ามือของอีกฝ่ายตาเขม็งแล้วแผ่ความเย็นชาออกมา
“หึ อย่าพูดว่าเจ้าไม่มีของแบบเดียวกัน แม้ว่าขวดลักสวรรค์จะเป็นเพียงแบบจำลองของขวดคว้าสวรรค์ แต่มันก็ดึงดูดกันได้ มันไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน” หม่าเหลียงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
“ที่เจ้าพูด หมายถึงของชิ้นนี้หรือ?” หลังจากสีหน้าของหานลี่ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายครั้ง จากนั้นก็แบมือที่ด้านหน้าของหน้าอกตัวเอง ทันใดนั้นเองขวดโอสถสีเขียวเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้น
ไม่ว่ารูปร่างภายนอก หรือขนาดก็เหมือนกับขวดหมึกสีเขียวของหม่าเหลียงไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่ว่าสีของเขาอ่อนกว่าเท่านั้น ดูแล้วธรรมดากว่าหลายส่วน
“ใช่ นั่นคือ…เอ๋ ไม่สิ ของในมือของเจ้าเหมือนว่าจะเป็นแค่เปลือกเท่านั้น มันไม่มีจิตวิญญาณของขวด จิตวิญญาณของมันซ่อนอยู่ที่ใด?” หลังจากหม่าเหลียงมองของในมือของหานลี่แล้ว และก้มมองขวดโอสถในมือของตนเอง เห็นได้ว่าสีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด
“จิตวิญญาณของขวด นี่มันคืออะไรกันแน่?” หานลี่หรี่ตามองเซียนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม