A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2425 พันธสัญญาปีศาจสวรรค์
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2425 พันธสัญญาปีศาจสวรรค์
หลังจากเงาร่างสามเศียรหกกรควบแน่นกันอีกครั้ง เขาก็กลายเป็นเทพมารพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์อีกหนึ่งคน แต่เหมือนเขาจะเตี้ยลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ในตอนนี้ พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเปลวเพลิงปีศาจก็ได้กลายเป็นควันสีเขียวไปแล้ว
คาดไม่ถึงว่านั่นเป็นเพียงเปลือกนอกของพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ หานลี่สามารถหนีไปได้แบบราชาแมลงกลืนทองคำ และเขาขึ้นไปยืนแทนที่ตำแหน่งเหนือศีรษะของหม่าเหลียง แล้วฉวยโอกาสฆ่าเซียนผู้นั้นได้
หานลี่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าหม่าเหลียงได้ซ่อนจิตวิญญาณก่อกำเนิดที่แข็งแกร่งเอาไว้ในตัว
แต่หลังจากที่ใช้กระบี่จิตวิญญาณสวรรค์ทมิฬแล้ว จิตวิญญาณนั้นก็แตกสลายออกไปทันที โดยไม่สามารถกลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิมได้อีกแล้ว
เมื่อดูตามความแข็งแกร่งของฝีมือเซียนที่แท้จริงแล้ว แม้จะอยู่ในแดนเซียน หากทำลายร่างไป แต่จิตวิญญาณขั้นก่อกำเนิดของเขาก็สามารถหนีรอดออกไปได้อยู่ดี
แต่ที่นี่คือแดนวิญญาณ ระบบการทำงานของจิตวิญญาณขั้นก่อกำเนิดในร่างกายจึงช้ากว่าปกติครึ่งส่วน ไม่ว่าจะร่ายคาถาอะไรก็ไม่ทัน
หากเป็นการต่อสู้แบบธรรมดาก็อาจจะมองอะไรไม่ออก แต่ในช่วงเวลาใกล้ความเป็นความตายแบบนี้ การตายแบบนี้ทำให้รู้สึกหดหู่ใจอย่างมาก
“คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะฆ่าเขาได้จริงๆ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาคือลูกศิษย์ของสำนักจิ่วหยวน และเป็นลูกศิษย์สายตรงของปรมาจารย์จิ่วหยวน” ชายหนุ่มผิวคล้ำที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ตอนแรกเขามีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นเขาก็พูดด้วยท่าทีแปลกใจ
“ถ้าข้าไม่ฆ่าเขา เขาก็จะฆ่าข้า หากรู้ว่าเขามีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ ก็จะต้องนั่งรอความตายหรือ? แล้วอีกอย่างต่อให้ปรมาจารย์จิ่วหยวนมีพลังที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน ตอนนี้เขาก็น่าจะอยู่ที่แดนเซียนล่ะมั้ง อีกทั้งข้าจะไปแดนเซียนได้หรือไม่ยังไม่รู้เลย” หานลี่มองไปยังชายหนุ่มผิวเข้ม แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ
“วิเศษมาก เจ้ากล้าไม่สนใจคนของสำนักจิ่วหยวน ข้าผู้น้อยแซ่หมัวไม่ได้เห็นมาหลายปีแล้ว อีกทั้งยังเป็นคนที่อยู่บนโลกมนุษย์ ฮ่าๆ ไม่รู้ถ้าปรมาจารย์จิ่วหยวนได้ยินคำนี้เข้า เขาจะแสดงสีหน้าอย่างไร?” ชายหนุ่มผิวเข้มหัวเราะเสียงดัง
“ท่านดูสบายอกสบายใจมาก หรือว่าท่านไม่คิดที่จะลงมือต่อหรือ?” หานลี่ยกมือข้างหนึ่งขึ้น หลังจากหยิบสร้อยข้อมือมิติจากศพของหม่าเหลียงออกมาแล้ว เขาจึงพูดขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“คนก็ตายไปแล้ว พันธสัญญาที่ผูกไว้กับข้าก็ไร้ประโยชน์แล้ว ทำไมข้าจะต้องลงมือด้วยเล่า? แล้วอีกอย่าง ไม่มีคนสำนักจิ่วหยวนอย่างหม่าเหลียงสักคน ต่อให้ข้าร่วมมือกับไอ้มังกรโง่ก็ไม่แน่ว่าจะชนะ ข้าไม่ทำเรื่องที่มันเปลืองแรงเช่นนั้นหรอก เจ้าวางใจเถอะ ตอนนี้ข้ายังกลับไปที่แดนเซียนไม่ได้ ไม่มีทางพูดเรื่องของเจ้าให้คนภายนอกรู้เรื่องเด็ดขาด หลายปีมานี้ปรมาจารย์จิ่วหยวนก็ปิดด่านฝึกมาโดยตลอด แม้ว่าคนในสำนักจิ่วหยวนจะมีคนเก่งๆ มากมาย แต่เพราะว่ามีมิติมาขวางกั้น เขาไม่มีทางรับรู้เรื่องให้โลกมนุษย์ได้อย่างง่ายดายหรอก” ชายผิวคล้ำคนนั้นพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
“แต่ข้ากลับไม่ไว้ใจท่าน แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าทำไมปีศาจสวรรค์ถึงมาติดตามเซียนผู้หนึ่งได้ แต่สำหรับข้าแล้วคนตายคือคนที่รักษาคำพูดที่สุด” ใบหน้าของหานลี่มืดครึ้ม เขาพูดพร้อมหัวเราะออกมาด้วยเสียงเย็นๆ
“เจ้ากับหม่าเหลียงล้วนเป็นเด็กที่ขี้สงสัยเสียจริง เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน หากเจ้าไม่ไว้ใจล่ะก็ ให้ข้าติดตามเจ้าดีหรือไม่ล่ะ?” ชายผิวเข้มยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมขมับ ราวกับว่าเขาปวดหัวมาก
“ติดตามข้า?” เมื่อหานลี่ได้ยินดังนั้น ก็อึ้งไปสักพักไม่ได้
“ถูกต้อง ข้าสามารถทำพันธสัญญาปีศาจสวรรค์กับเจ้าได้ และหลังจากภายในเวลาที่กำหนด ข้าจะติดตามเจ้าเป็นเงา เจ้าไล่ให้ไปทำอะไรก็ต้องไป ทำเรื่องที่เซียนธรรมดาไม่มีทางทำได้ แต่ในทางกลับกัน เจ้าจะต้องให้เลือดกับข้า หากมีวันใดวันหนึ่งที่เจ้าเกิดอุบัติเหตุตายไประหว่างในพันธสัญญาแล้วล่ะก็ ข้าก็จะดูดพลังและวิญญาณของเจ้าจนสิ้น และกลายมาเป็นความแข็งแกร่งในตัวของข้า แต่เจ้าจะไม่มีกลับมาเวียนว่ายตายเกิดได้อีก อื้ม ก็เหมือนศิษย์สำนักจิ่วหยวนผู้นี้นี่ไง” ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา ด้านหลังของเขามีปราณมารพวยพุ่งออกมา หลังจากมีควบแน่นรวมตัวกันแล้ว มันก็กลายเป็นหัวผีขนาดใหญ่หน้าตาดุร้าย
หลังจากหัวผีเงยหน้าขึ้นมาแล้วกรีดร้องเสียงยาว จากนั้นมันก็อ้าปากขึ้น แล้วพุ่งเข้าไปดูดที่ศพของหม่าเหลียง
“พรึ่บ” เสียงหนึ่งดังขึ้น ม่านควันสีขาวเทาพวยพุ่งออกมาจากศพ ค่อยๆ ไหลออกมาจนรวมกันเป็นกลุ่มก้อน จากนั้นก็โดนหัวผีตัวนั้นดูดเข้าไป
ทันใดนั้นหัวผีก็หายไปในอากาศทันที
ชายหนุ่มผิวเข้มหลับตาทั้งสองข้างลงทันทีแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความมึนเมา
“ไม่เลว ไม่เลวเลย สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์สำนักจิ่วหยวน รสชาติของจิตวิญญาณอร่อยมากจริงๆ ถือว่าเพียงพอต่อการที่ข้าทำงานอย่างหนักมาหลายหมื่นปี เป็นอย่างไรเล่า หากเจ้ายอมตกลงให้ข้าติดตามเจ้า ข้าสามารถโน้มน้าวเจ้ามังกรโง่ตัวนั้นได้ด้วยนะ ให้มันมาเป็นทาสของเจ้าด้วยอีกคน” หลังจากชายผิวเข้มพูดพึมพำกับตัวเองสองสามประโยค แล้วเขาก็ลืมตาขึ้นมา พร้อมพูดกับหานลี่ด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม
เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น ใบหน้าของเขาก็ดูเคร่งครึ้มขึ้นมา เขาจึงหันไปมองวิหคเพลิงกลืนวิญญาณและมังกรประหลาดๆ ตัวนั้น จากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปสักคำ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อพันธสัญญาปีศาจสวรรค์ เขาจึงไม่ยอมตกลงอะไรง่ายๆ
ตอนแรกนั้น กลางอากาศที่มีตราประทับเลือดลอยอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีปราณจากเจ้าของอย่างหม่า
เหลียงแล้ว ในที่สุดตราประทับนั้นก็หดขนาดเล็กลงแล้วตกลงมาที่พื้นที่ข้างล่าง
ยอดเขาสามสีก็ย่อขนาดเล็กลงมาเช่นกัน รัศมีลำแสงได้ปกคลุมตราประทับนั้นไว้อย่างรวดเร็ว แล้วกลายเป็นลำแสงพุ่งตรงมาหาหานลี่
ส่วนอีกด้านหนึ่งมังกรโลหิตทั้งแปดตัวก็ค่อยทยอยๆ หายวับไป หลงเหลือเพียงกลิ่นคาวเลือดในจุดเดิมเท่านั้น
เมื่อไม่มีศัตรูแล้ว ปูยักษ์สีทองก็กลิ้งตัวออกมาแล้วกลายร่างกลับเป็นมนุษย์คนหนึ่งแล้วเดินเข้ามาหาหานลี่ หลังจากที่ค่ายกลกระบี่มังกรเขียวได้คำรามเสียงดังแล้ว มันก็กลายร่างเป็นกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพร้อมกระจัดกระจายออกไป
หานลี่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา ภูเขาปราณทั้งสามลูกและตราประทับสีเลือดอันเล็กก็มาอยู่ในแขนเสื้อของเขา เงาของกระบี่สีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น หลังจากที่เขตอาคมมันเลือนรางแล้ว จนเหลือเพียงกระบี่เล่มเล็กสีเขียว เจ็ดสิบสองเล่ม ที่บินเข้าไปตัวของหานลี่
เสียงคำรามของฟ้าร้องดังลั่น เห็นเป็นนักพรตเซี่ยขี่ประจุสายฟ้าเข้ามาใกล้ๆ
“พี่เซี่ย พี่รู้จักพันธสัญญาปีศาจสวรรค์หรือไม่? มันมีข้อดีอะไรบ้างสำหรับปีศาจสวรรค์” หานลี่หันกลับไปถามนักพรตเซี่ย
“พันธสัญญาปีศาจสวรรค์ นั่นคือพันธสัญญาชนิดพิเศษที่สร้างโดยบรรพบุรุษปีศาจสวรรค์ ในแดนเซียนถือเป็นหนึ่งในสามพันธสัญญาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ตราบใดที่ไม่เกินพลังของเผ่าอสูรสวรรค์ ไม่มีเซียนคนใดสามารถปฏิเสธมันได้เลย แต่เดิมทีที่แดนเซียนมีเรื่องเล่าว่า เซียนส่วนมากที่ทำพันธสัญญากับพวกเขานั้นจะพบจุดจบที่….” นักพรตเซี่ยเหลือบสายตาไปมองชายหนุ่มผิวเข้ม ด้วยสายหน้าไร้อารมณ์
เห็นได้ชัดว่าเขารู้ตัวตนของชายหนุ่มผิวคล้ำคนนี้แล้ว
“หึๆ แต่พวกเราคือเผ่าอสูรสวรรค์ คนที่กล้าทำพันธสัญญากับพวกเราล้วนเป็นคนที่ไม่ใจเสาะ พวกเขาล้วนชอบไปบุกป่าฝ่าฟันอันตราย โอกาสตายมีมากกว่าเซียนธรรมดาทั่วไป แต่ข่าวลือเหล่านั้น ไม่มีปีศาจสวรรค์คนไหนเลยที่จะละเมิดกฎที่มีมาแต่กำเนิดนะ สำหรับพวกเราเผ่าปีศาจสวรรค์แล้ว พันธสัญญาปีศาจสวรรค์ล้วนเป็นของที่นับถือเคร่งครัดมากกว่ากฎอื่นๆ” หลังจากชายผิวเข้มคนนั้นถอนหายใจออกมา เขาก็อธิบายเพิ่มอีกสองประโยค
“ไม่มีตัวอย่างที่ปีศาจสวรรค์ละเมิดพันธสัญญา ไม่มีคนเคยพบมาก่อนจริงๆ” นักพรตเซี่ยพูดขึ้น
“ในเมื่อพี่เซี่ยพูดเช่นนี้ ก็นับว่าพันธสัญญาปีศาจสวรรค์เป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ ดี เช่นนั้นข้าจะทำพันธสัญญาปีศาจสวรรค์ ฟังจากน้ำเสียงของเจ้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าเจ้าอยู่แดนเซียนมาเป็นเวลานาน หากสักวันได้ขึ้นไปที่แดนเซียนนับว่ามีประโยชน์มากเลยทีเดียว แต่ว่านอกจากพันธสัญญาปีศาจสวรรค์แล้ว ข้ายังมีข้อจำกัดอีกหนึ่งข้อ ถึงจะทำให้ข้ารู้สึกวางใจได้อย่างแท้จริง” หลังจากที่หานลี่เงียบไปนาน เขาก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมายาวๆ
“ข้อจำกัดอีกข้อ? หึๆ ตราบใดที่มีเขียนเอาไว้ในพันธสัญญาก็ล้วนไม่มีปัญหา ข้าน้อยแซ่หมัวสามารถให้เจ้าได้อีกหลายข้อเลย” ชายหนุ่มผิวสีเข้มก็พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
“เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นอันตกลง เจ้าหยุดเพลิงจิตวิญญาณเหล่านั้นก่อนเถอะ” หานลี่พูดขึ้นมาเสียงเบา
ชายหนุ่มผิวสีเข้มหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็หันไปขยับปากทางมังกรตัวนั้น
เสียงคำรามยาวดังสนั่น
มังกรสีแดงชาดได้หดรูปลักษณ์เดิมของตัวเองขึ้นมา หลังจากนั้นเขตอาคมเสียงแดงก็สว่างขึ้นมา จากนั้นก็กลายเป็นเด็กตัวเล็กที่มีขนาดไม่กี่ชุน
เมื่อวิหคเพลิงกลืนจิตวิญญาณเห็นดังนั้น ก่อนบินขึ้นไปยังท้องฟ้า หลังจากที่มันบินวนรอบหนึ่ง มันก็หดตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือ สองปีกสยายกลับมา พริบตาเดียวมันก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของหานลี่แล้ว
หานลี่สะบัดแขนเสื้อออก รัศมีลำแสงสีเขียวก็พัดไป ทันใดนั้นนกเพลิงตัวนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“นับว่าสหายมีวาสนาไม่น้อย คาดไม่ถึงว่าคนของโลกมนุษย์จะมีการฝึกฝนจนมีเพลิงแก่นอัคคีได้ แล้วยังทำให้มันมีจิตวิญญาณเช่นนี้ได้ และกลายเป็นนกแก่นอัคคีนั้น ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ง่ายๆ อย่างเช่นในแดนเซียนมีคนทำเช่นนี้ได้นับว่าน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย มิน่าล่ะหั่วซวีจือได้เจอกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ เขาถึงใช้พลังได้แค่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น” ชายหนุ่มผิวคล้ำหันไปมองชายเสื้อของหานลี่ พร้อมพูดอย่างยิ้มๆ
“เพลิงแก่นอัคคี? ข้าได้บำเพ็ญเพลิงจิตวิญญาณนี้ด้วยความบังเอิญ ข้าไม่รู้เรื่องเพลิงแก่นอัคคีที่เจ้าพูดถึง แต่ว่าก่อนหน้านี้ข้าเรียกมันว่าเพลิงกลืนจิตวิญญาณมาโดยตลอด” หานลี่ตอบกลับ
“ฮ่าๆ ข้าไม่มีทางมองผิดหรอก มันต้องเป็นเพลิงแก่นอัคคีแน่นอน การกำเนิดของเพลิงนี้นั้นแปลกประหลาดมาก ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ ที่จะหาเจอ เพลิงกลืนวิญญาณ หากเรียกด้วยชื่อนี้ก็นับว่าเหมาะสมไม่น้อย ความจริงแล้วจุดเด่นของเพลิงนี้ก็คือกลืนเพลิงจิตวิญญาณทุกชนิดมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง” ชายผิวเข้มหัวเราะเสียงดังแล้วพูดขึ้น
ในตอนนั้นเอง ก็มีระลอกคลื่นเกิดด้านข้างของเขา เด็กชายคนนั้นปรากฏตัวออกมาแล้ว สายตาของเขาเหลือบไปมองศพไร้หัว แล้วขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า
“คาดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะตายได้ง่ายๆ เช่นนี้ ดูเหมือนว่าข้าจะต้องเอาไข่มุกจิตวิญญาณมาจากเขาก่อนแล้ว ข้าอยู่ข้างกายของมาหลายปี แต่ก็สัมผัสถึงมันไม่ได้เลย”
“สหายหั่ว หากเจ้าต้องการเอาไข่มุกจิตวิญญาณกลับคืนมา เกรงว่าเจ้าจะต้องขอร้องสหายหานแล้วล่ะ หากเขาอยู่ในโลกมนุษย์ยังมีพละกำลังขนาดนี้ หากเขาได้ขึ้นแดนเซียนไป เขาอาจจะสามารถช่วยเจ้าตามหาไข่มุกจิตวิญญาณได้อย่างง่ายดาย” หมัวกวงพูดด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม
“หมายความว่าอย่างไร เจ้าอยากจะรับเขาเป็นเจ้านายหรือ?” เมื่อฮั่วซวีจือได้ยินดังนั้น สีหน้าก็มืดครึ้มทันที
“หึๆ หากข้าไม่ยอมรับสหายหานเป็นเจ้านาย ข้าจะกลับแดนเซียนได้อย่างไรเล่า เจ้ากับผู้น้อยแซ่
หมัวไม่เหมือนกัน ข้าสามารถกลับไปที่เผ่าอสูรสวรรค์ และใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ แต่เจ้าหากไม่มีปราณเซียนหล่อเลี้ยงชีวิต จากนี้ก็อย่าพูดถึงเรื่องเลื่อนขั้นเลย เกรงว่าระดับการฝึกของเจ้าจะกลับมาสู่โลกมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งหากเจ้าไม่รับเขาเป็นเจ้านาย พลังบำเพ็ญของเจ้าจะโดนกดลง เกรงว่าวันนี้เจ้าออกไปจากที่นี่แบบมีชีวิตยากแล้ว อย่าหวังว่าข้าจะช่วยเจ้า ข้าตกลงว่าจะทำพันธสัญญากับเขาเรียบร้อยแล้ว ความจริงแล้วหากเจ้ายอมจำนนต่อสหายหาน ยังผลประโยชน์ที่เจ้าคาดไม่ถึงอีกด้วย…” เมื่อหมัวกวงพูดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็เงียบเสียงอย่างกะทันหัน