A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2436 ได้รับพระสูตร
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2436 ได้รับพระสูตร
ขวดใบเล็กใบนั้นหมุนไปตามลม ทันใดนั้นก็หายไปท่ามกลางอากาศ
พริบตาต่อมา ก็มีพายุปริศนากรรโชกผ่านป่าทึบ เมฆวิญญาณห้าสีเคลื่อนคล้อย
เสียงฟ้าผ่าดังจากท้องฟ้าสีคราม ทันใดนั้นขวดใบนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้น ท่ามกลางเมฆวิญญาณ หลังจากที่มันแกว่งไปมาเล็กน้อย อักษรรูนสีเขียวจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งออกมา
ขณะที่อักษรรูนเหล่านั้นพวยพุ่งออกจากขวด มันก็ค่อยๆ กลายเป็นปราณสีเขียวที่ระเบิดออกเสียงดัง
ในตอนนั้นเองระลอกคลื่นที่น่าหวาดผวาก็ปกคลุมทั่วทั้งพื้นดินที่กว้างใหญ่
เสียงระเบิดดังก้อง!
อากาศสั่นสะเทือนเล็กน้อย ต้นไม้และก้อนดินจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนลอยขึ้นกลางอากาศเหมือนกับกระแสน้ำ
ในตอนแรกก็เป็นเพียงต้นไม้หนึ่งต้น ก้อนดินไม่กี่หยิบมือ แต่พริบตาเดียวก็กลายเป็นผืนป่าทั้งผืน ดินทั้งแผ่น
ไม่ว่าของจะมีจำนวนมากน้อยเท่าใดก็ถูกดูดเข้าไปในปากขวดทั้งหมด มันค่อยๆ ทยอยกลายเป็นฝุ่นผง แล้วถูกดูดเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
ความว่างเปล่าบริเวณหมื่นลี้ก็บิดเบี้ยวไปมาทันที และมีม่านแสงสีเขียวจางๆ ปกคลุมอยู่ ตรงพื้นดินกลายเป็นแอ่งสีดำขนาดใหญ่ พื้นดินเรียบเงาอย่างมาก ไม่มีต้นไม้ต้นหญ้าอยู่เลยสักต้น และมันก็กำลังเพิ่มความลึกอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
ทันใดนั้นแสงสีขาวก็พุ่งออกมาจากหน้าดินเหล่านั้น หลังจากที่มันส่องสว่างแล้ว และกลายเป็นช้างยักษ์ที่หน้าตาดุร้าย มีความสูงมากกว่าพันจั้ง
ช้างตัวนี้มีผิวขาวราวกับหิมะ ด้านหลังของมันมีปีกเพลิงสีม่วงปรากฏออกมาหนึ่งคู่ จากการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ก็สามารถสร้างก้อนไฟฟ้าสีม่วงขึ้นได้ทันที พร้อมพุ่งตรงไปที่หานลี่อย่างดุร้าย
“ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสเทียนเซี่ยง มิน่าล่ะถึงมีจิตวิญญาณไม้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้”
เมื่อหานลี่เห็นช้างบินสีขาว รูม่านตาของเขาก็หดเล็กลง จากนั้นปลายนิ้วของเขาสัมผัสขวดเพียงเล็กน้อย ปากของเขาก็เริ่มท่องคาถาออกมาด้วย
เสียงดัง “ตู้ม”
แสงสีเขียวที่ปากขวดก็สั่นสะท้านอีกครั้ง ทันใดนั้นเองก็มีของบางอย่างพุ่งออกมา
ช้างยักษ์สีขาวร้องคร่ำครวญดังขึ้น บนร่างกายของมันมีโซ่หมึกสีเขียวปรากฏขึ้น ท่ามกลางความเลือนราง ช้างตัวนั้นก็ถูกรัดจนแน่นแล้ว
ช้างตัวนั้นสะบัดปีกไปมาอย่างบ้าคลั่ง ม่านแสงคริสตัลสีขาวไหลวนออกมาทั่วร่างกาย ปราณคลื่นที่น่าแปลกพวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่โซ่หมึกสีเขียวเส้นนั้นก็ยังตามติดเหมือนเงา โดยที่อากาศรอบๆ ก็เลือนรางไปอยู่สักพักหนึ่ง พร้อมรัดแน่นขึ้น
เสียงคำรามก็ดังขึ้น!
ราวกับช้างยักษ์ตัวนั้นโดนบีบรัดจนตัวขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทันใดนั้นพระสงฆ์วัยกลางคนรูปหนึ่งที่สวมชุดคลุมสีขาวก็ปรากฏขึ้น
พระรูปนี้มีใบหน้าหล่อเหลา แต่ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นว่าโซ่เส้นนั้นพันรอบตัวของเขาอีกครั้ง เขาก็กัดฟันกร๊อด พร้อมสะบัดแขนเสื้อขึ้น ดาบด้ามยาวรูปร่างแปลกตาสีเลือดก็ปรากฏออกมา ชั่วพริบตาเดียว มันก็ฟันลงไปที่โซ่เส้นนั้นอย่างแรง
“ตู้ม” เสียงหนึ่งดังขึ้น!
แสงสีเลือดสว่างกระจ่างออกมา พร้อมกับกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง กลางอากาศมีดอกไม้สีเลือดแสบตาดอกหนึ่งปรากฏอยู่ ร่างกายของพระสงฆ์รูปนั้นแทบจะจมเข้าไปในดอกไม้ดอกนั้นแล้ว
ทันใดนั้นเองดอกไม้สีเลือดบนโซ่สีเขียวหมึกกลับสั่นไหวอย่างรุนแรง หลังจากที่มันพร่าเบลอแล้ว มันก็กลับมาอยู่ที่ตัวของพระสงฆ์อย่างมั่นคงอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน ที่กลางอากาศก็มีแสงสีเขียวปรากฏขึ้นมา ในขณะที่มันรวมแสงกลายเป็นจุดเดียวนั้น พายุที่รุนแรงก็หมุนวนขึ้นท้องฟ้า พลังอันน่าเหลือเชื่อได้พวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง ดอกไม้สีเลือดดอกนั้นก็ถูกทำลายจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
จากนั้นกลางพายุลูกนั้นก็มีแสงสีคริสตัลปรากฏขึ้นมา ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นดาบสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่พระสงฆ์รูปนั้น
ใบมีดสีเขียวนั้นบางราวกับกระดาษ ด้านนอกของมันปกคลุมด้วยอักขระวิญญาณหมึกสีเขียวหนึ่งชั้น ในขณะเดียวกันก็มีปราณอาคมแผ่ออกมาบางๆ
หลังจากที่พระสงฆ์รูปนั้นได้กวาดจิตสัมผัสไปที่ดาบสีเขียวเหล่านั้น ใบหน้าของเขาก็ซีดขาวไร้สีทันที ใบมีดเหล่านั้นยังไม่ทันที่จะได้ฟาดฟันลงมา พระสงฆ์รูปนั้นก็ตะโกนขึ้นว่า
“หยุดเถอะ อาตมายอมแพ้แล้ว อาตมายินดีมอบป้ายยืนยันตนให้ท่าน” ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็รีบอ้าปาก พร้อมพ่นป้ายสีเงินอ่อนออกมาทันที
คาถาที่หานลี่กำลังร่ายอยู่นั้นก็ต้องหยุดลงอย่างกะทันหัน หลังจากที่เขากวาดสายตามองแผ่นป้ายสีเงินแผ่นนั้นแล้ว เขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า
“แค่หนึ่ง? แล้วของคนอื่นๆ เล่าหากไต้ซือไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ อย่าหาว่าข้าไม่มีความปรานีนะ”
“ได้ ข้าจะนำออกมาทั้งหมด! ในเมื่อได้พบว่าสหายที่แข็งแกร่งเช่นท่าน ก็นับว่าข้านั้นโชคร้ายแล้ว จึงได้แต่ยินยอมถอนตัวอย่างโดยดี” เมื่อพระสงฆ์วัยกลางคนได้ยินดังนั้น รูม่านตาก็หดตัว แต่หลังจากที่พิจารณาแล้ว เขาก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
จากนั้นเขาก็อ้าปากอีกครั้ง พร้อมพ่นป้ายออกมาอีกสองใบ
ในครั้งนี้เมื่อป้ายทั้งสองออกจากปากของภิกษุรูปนี้มา ระลอกคลื่นก็เกิดขึ้นที่ใต้ฝ่าเท้าของเขา เขตอาคมห้าสีก็ปรากฏขึ้น
เมื่อเขตอาคมแสงหมุนจากไป ภิกษุรูปนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนั้น
ที่ตรงนั้นจึงมีแค่ป้ายสีเงินสามแผ่น และโซ่หมึกสีเขียว
เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น ก็ไม่แสดงความตกใจเลยแม้แต่น้อย เขากลับหัวเราะเสียงดัง พร้อมยกมือขึ้นมา
“ฟิ้วๆ” หลังจากเสียงนี้ดังขึ้น โซ่หมึกสีเขียวก็หายลงไปในขวดอย่างไร้ร่องรอย ม่านแสงสีเขียวและเมฆดำมืดรอบด้านก็ค่อยๆ สลายหายไป ขวดเล็กๆ สีเขียวก็ค่อยๆ ตกลงมาจากท้องฟ้า
ในขณะเดียวกัน ป้ายสีเงินทั้งสามก็เกิดการสั่นเล็กน้อยแล้วพุ่งเข้ามาหาหานลี่
หานลี่สะบัดแขนเสื้อขึ้น เมื่อแสงสีเขียวด้านหน้าปรากฏขึ้นมาด้านหน้า ป้ายสีเงินและขวดสีเขียวก็หายไปภายในชั่วพริบตา
หลังจากที่ตัวของเขาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาก็กลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งออกไปที่กลางอากาศ และเดินทางออกจากจุดจุดนี้ทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้เข้าร่วมงานคนอื่นๆ ที่ต้องการจะผ่านมาทางยี้ แต่เมื่อให้จิตสัมผัสจากระยะไกลแล้ว เขาจึงเลือกจากไปจากที่นี่ด้วยความระมัดระวัง
…
หลังจากนั้นไม่กี่วัน กลางท้องฟ้าก็มีทะเลทรายสีแดงชาดปรากฏขึ้น
หานลี่กลายร่างเป็นวานรยักษ์สีทองสามเศียรหกกร หมัดหนึ่งของเขาที่มีขนาดมากกว่าร้อยจั้ง ต่อยลงไปที่แมลงยักษ์อย่างรุนแรง จนทำให้ป้ายสีเงินหลุดลอยออกจากร่างของเขาในทันที
ทันใดนั้นหัวตรงกลางของวานรสามเศียรได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากที่ป้ายสีเงินถูกสูบเข้าไปในปากของวานรตัวนั้นแล้ว ร่างกายของเขาก็หดเล็กลง กลับคืนสู่ร่างมนุษย์แล้วออกเดินทางต่อทันที
…
ครึ่งเดือนต่อมา เหนือมหาสมุทรสุดลูกหูลูกตา
หานลี่ ผู้อาวุโสสวมชุดสีเหลือง และหญิงสาวผู้หนึ่งที่สวมชุดสีแดง ยืนคนละฝั่ง หันหน้าเข้าหากัน เป็นรูปสามเหลี่ยม พร้อมมองหน้ากันไปมาอยู่
คนอื่นๆ อีกสองคนมีสีหน้าเคร่งเครียด มีเพียงหานลี่คนเดียวเท่านั้นที่มีสีหน้าไร้อารมณ์
พื้นที่ตรงกลางระหว่างสามคนนั้น มีวาฬยักษ์สีทอง ขนาดความยาวมากกว่าพันจั้งปรากฏขึ้น บนร่างกายของมันมีรอยแผลเป็นมากมายอยู่ ปราณที่คล้ายมีคล้ายไม่มี ลมหายใจคล้ายว่ากำลังจะหมด
“อสูรมายาตัวนี้รับมือได้ยากอย่างยิ่ง ในร่างกายของมันจะต้องมีป้ายยืนยันตัวตนไม่น้อยกว่าหนึ่งใบแน่นอน ดูท่าสหายทั้งสองคงจะไม่ได้ออกจากการแข่งขันสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องขอให้ท่านส่งของมาให้หมดแล้ว” ในที่สุดหานลี่ก็พูดขึ้น แต่น้ำเสียงของเขานั้นกลับเย็นเสียดกระดูก ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกหวาดกลัวแน่นอน
“แม้ว่าข้าน้อยจะเป็นเพียงคนที่เดินผ่านมาเท่านั้น แต่ในเมื่อท่านจะสู้แบบสองต่อหนึ่ง มันก็จะเป็นการดูถูกข้ากับฮูหยินฮวาหรงมากเกินไปแล้ว พวกเขาทั้งสองคนของประลองกับสหายหน่อยจะเป็นไร” ผู้อาวุโสชุดเหลืองนิ่งค้างไป แต่เขาก็แค่นหัวเราะเสียงขึ้นจมูก พร้อมพูดออกมา
เมื่อสิ้นเสียง เขาก็แบมือทั้งสองข้างที่กลางอากาศ ทันใดนั้นเองมือข้างหนึ่งก็มีกระบี่ยักษ์สีดำราวกับหมึกปรากฏขึ้น ส่วนอีกข้างเจดีย์สีเขียว
กระบี่ยักษ์สีดำเพียงกวัดไกว่เล็กน้อย ทันใดนั้นก็เกิดพายุทรายสีดำพุ่งขึ้นไปทันที
หลังจากเจดีย์สีเขียวปรากฏตัวออกมา มันก็แกว่งไปมาเพราะแรงลมเล็กน้อย จากนั้นมันก็ขยายร่างเท่ากับภูเขาขนาดใหญ่ รัศมีลำแสงที่ด้านล่างฐานก็แผ่ขยายแรงกดดัน พร้อมกดหานลี่ลงไปโดยตรง
ส่วนผู้หญิงชุดแดงที่อยู่ด้านข้างก็ยกมือขึ้นมาร่ายคาถาอย่างไม่พูดไม่จา จากนั้นก็มีเปลวไฟสีแดงชาดลุกท่วมทั้งน่านฟ้า หลังจากที่มันหมุนตัวไปมา มันก็กลายเป็นพายุเพลิงขนาดยักษ์
หลังจากนั้นก็มีเสียงนกเฟิ่งกู่ร้องขึ้นมา สองปีกของมันสยายขึ้นทันที แล้วพุ่งตัวออกมาจากทะเลเพลิงที่โหมกระหน่ำ
“มาได้ก็ดี”
หานลี่พูดขึ้นเสียงเบา พร้อมยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา ด้านหน้าของเขาก็มียอดเขาปราณสามลูกสามสีโผล่ออกมา และในขณะเดียวกันเขาก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งออกมา ขวดใบเล็กสีเขียวก็ปรากฏขึ้น็็กสีเเขียวกปรกฏขน
ปากของเขาก็ร่ายคาถาอยู่ตลอด จากนั้นก็โยนขวดสีเขียวใบนั้นขึ้นฟ้าไป…
…
หนึ่งเดือนต่อมา กลางพื้นที่ลึกลับแห่งหนึ่ง บนแท่นหินสูงเหนือม่านเมฆ ผู้อาวุโสเผ่ามังกรหลายคนกำลังยืนมองไปที่อะไรบางอย่าง ในทิศทางเดียวกัน
ทันใดนั้นเองก็มีแสงปรากฏขึ้นมา สายรุ้งสีเขียวเส้นหนึ่งกำลังมุ่งตรงเข้ามา หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เขาก็มาปรากฏตัวอยู่ที่แท่นหินแห่งนี้แล้ว เมื่อสายรุ้งบรรจบ คนผู้หนึ่งก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของผู้อาวุโสทั้งหลายอย่างพอดิบพอดี
คนผู้นั้นก็คือ หานลี่ นั่นเอง
หลังจากที่สายตาของเขากวาดไปมองฝ่ายตรงข้ามแล้ว ทันใดนั้นเขาก็สะดุดสายตากับผู้อาวุโสสวมชุดสีทองที่อยู่ตรงกลาง ทันใดนั้นรอยยิ้มของเขาก็ปรากฏขึ้น
“ฮ่าๆ เป็นสหายหานจริงๆ ด้วยที่สามารถรวบรวมป้ายยืนยันตัวตนมาได้ครบและมาถึงที่แท่นหินนี้เป็นคนแรก”
“ผู้อาวุโสจินกล่าวชมกันเกินไปแล้ว ข้าบังเอิญรวบรวมป้ายได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น เชิญผู้อาวุโสทั้งหลายตรวจสอบดู จำนวนนี้เพียงพอหรือไม่?” หานลี่ตอบพร้อมสะบัดแขนเสื้อขึ้น ทันใดนั้นเองป้ายสีเทานับร้อยก็ปรากฏขึ้นมาตรงด้านหน้าของผู้อาวุโสเผ่ามังกร
“อื้อ ทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดป้าย เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับดอกบัวก่วงหลิงหนึ่งดอกแล้ว ผู้อาวุโสเฟิ่ง ท่านช่วยนำของออกมามอบให้สหายหานหน่อย” หลังจากที่ผู้อาวุโสจินใช้จิตสัมผัสกวาดตามองไปแล้ว เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย พร้อมพูดกับผู้อาวุโสที่สวมชุดขาวที่อยู่ใกล้เคียงอย่างว่าง่าย
เมื่ออาวุโสชุดขาวได้ยินดังนั้น เขาก็สอดมือเข้าไปในแขนเสื้อ พร้อมยกกล่องหยกสีขาวสะอาดตาออกมา หลังจากที่เปิดออกมาดูแล้ว เขาก็พบผลผลึกสีม่วงแดงขนาดเท่าฝ่ามือ
ด้านนอกของผลนี้เรียบเนียนดั่งหยกพร้อมมีกลิ่นหอมจางๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้
เมื่อหานลี่ได้กลิ่นของผลลูกนั้นจากที่ไกลๆ เขาก็รู้สึกตกใจอย่างมาก หูตาก็เปล่งประกายขึ้นมา
“สมแล้วที่ถูกขนานนามว่าผลไม้วิญญาณอันดับหนึ่ง ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย” หานลี่ยื่นมือออกไปรับกล่องหยกใบนั้นอย่างไม่เกรงใจ หลังจากที่เขาใช้สายตาสำรวจอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็พูดขึ้นมา
“หึๆ สรรพคุณของผลไม้วิญญาณลูกนี้ ข้าคงไม่ต้องพูดมากแล้ว เหมือนว่าสหายจะรู้เป็นอย่างดี น่าเสียดายที่ชีวิตหนึ่งสามารถใช้มันได้เพียงครั้งเดียว ไม่เช่นนั้นเผ่าของเราคงตัดใจนำมาเป็นของรางวัลไม่ได้หรอก จริงสิ ดอกบัวก่วงหลิงไม่กลัวให้โลกภายนอกรู้ สหายหานรีบเก็บมันไปจะดีกว่า” ผู้อาวุโสจินพูดอย่างภูมิใจ จากนั้นก็กล่าวเตือนด้วยความหวังดี
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ แต่ข้าว่าไม่ต้องลำบากขนาดนั้น” หานลี่หัวเราะให้ผู้อาวุโสจิน พร้อมหยิบผลไม้ในกล่องออกมา จากนั้นก็นำเข้าปากทันที หลังจากได้ยินเสียงเคี้ยวไม่กี่ครั้ง เขาก็กลืนมันลงท้องไปแล้ว
ภาพเหตุการณ์นี้ ทำให้ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ตรงนั้นอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
หานลี่ก็เดาะลิ้นสองสามครั้ง ราวกับว่ายังกินไม่หนำใจ