A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2438 กลับมาที่แดนมนุษย์อีกครั้ง
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2438 กลับมาที่แดนมนุษย์อีกครั้ง
ตอนที่ 2438 กลับมาที่แดนมนุษย์อีกครั้ง
“ครั้งนี้ศิษย์ก็พบศิลาหยกทมิฬซ่อนเอาไว้ส่วนลึกที่สุดของแคว้นซีซวน แผ่นดินใหญ่อัสนี เมื่อครั้งที่ข้าได้ไปท่องเที่ยวเก็บประสบการณ์ และยังสามารถพบศิลาพลังหยินได้โดยบังเอิญด้วย” ไป๋กั่วเอ๋อร์ตอบด้วยความเคารพ
“เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่ถ้าเพราะว่าถ้าเจ้าไม่ได้บำเพ็ญวิญญาณหนาวจนถึงระดับนี้ เจ้าก็คงไม่สามารถสัมผัสถึงศิลาพลังหยินได้หรอก ครั้งนี้นับว่าทำได้ดีมาก เจ้ากลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะหาของตบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม” หานลี่พยักหน้าจากนั้นก็สั่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นศิษย์ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” ไป๋กั่วเอ๋อร์คำนับอีกครั้งอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็เดินออกจากห้องโถงไป
หานลี่มองแผ่นหลังที่สว่างงามของไป๋กั่วเอ๋อร์จนลับสายตาไป แววตาและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นครุ่นคิด
ภูเขารวมปราณห้าขั้นและเขาวิญญาณหนาวพลังหยิน ในที่สุดก็สามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันได้แล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เหลือเพียงวัตถุดิบสุดท้ายของยอดเขารัศมีปราณเหนือ ที่ยังไม่ได้ตามต้องการ ใช่แล้ว เขาเองก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
ในปีนั้นที่หุบเขามารโรยของแดนมนุษย์ เขาเคยได้เจอรัศมีปราณเหนือที่น่าประหลาดใจ หากไปที่นั่นก็น่าจะสามารถหาผนึกรัศมีปราณเหนือได้อย่างง่ายดาย
แต่ด้วยขอบเขตการบำเพ็ญเพียรของเขาในตอนนี้ เดิมทีร่างกายนี้ไม่สามารถรับกับแรงต้านของโลกเบื้องล่างได้ แต่ที่น่ากลัวกว่าคือพลังแรงต้านของดินแดน มันทำให้เขารู้สึกรับไม่ไหว จึงทำได้แค่ใช้พลังเข้ามาทำลายกระดานดาราจักร แต่มันก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อยเลยทีเดียว จากนั้นวิญญาณของเขาก็ค่อยๆ กลับเข้าไปในแดนมนุษย์
ในตะเกียงวิญญาณของเขาได้เลี้ยงวิญญาณพิเศษๆ เอาไว้หลายชนิด ในที่สุดวันนี้ก็ได้ใช้มันสักที
เมื่อหานลี่คิดได้ว่ายังมีวิธีที่สามารถกลับไปที่แดนมนุษย์ได้อีกครั้ง ทันใดนั้นชื่อของสำนักสัตตทมิฬ หุบเขาใบเฟิงเหลือง พรรคเมฆคล้อยเป็นต้น ก็ผุดขึ้นมาในสมองของเขาทันที ในขณะเดียวกันภาพของ พ่อแม่ น้องสาว ลี่เฟยอวี่ และคนอื่นๆ ก็ปรากฏขึ้นมาเป็นฉากๆ ชั่วขณะนั้นเขาได้จมลงไปสู่ความทรงจำในอดีตครู่หนึ่ง
…
หลายเดือนต่อมา กลางห้องลับในตำหนักชิงหยวนก็มีเสียงคำรามของด่านเคราะห์ดังขึ้น กลางห้องลับแห่งนั้นมีเตาหลอมสีแดงชาดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ผนึกสีขาวราวหิมะก้อนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางเปลวเพลิงสีเงินที่โหมกระหน่ำ
ทันทีที่ภูเขาปราณลูกนั้นถูกปล่อยออกมา มันก็ขยายใหญ่ขึ้นทันที อักษรรูนสีขาวก็ปรากฏขึ้น และไอเย็นสีขาวก็แผ่ออกมาด้วย
“ในที่สุดก็สามารถหลอมเขาวิญญาณหนาวพลังหยินสำเร็จ ต่อไปก็เหลือเพียงยอดเขารัศมีปราณเหนือเท่านั้น” หานลี่ที่นั่งอยู่กลางห้องลับแห่งนั้นก็พูดขึ้น เมื่อเขามองไปที่ภูเขาเล็กๆ ที่มีแสงผนึกส่องประกาย เขาก็หรี่สายตามอง
…
หนึ่งปีต่อมา เส้นทางลับที่ซ่อนอยู่เขตชายแดนของแคว้นต้าจิ้นและชนเผ่าป่าเถื่อน ผู้ชายท่าทางดุร้ายกลุ่มหนึ่ง กำลังนั่งล้อมวงย่างอสูรตัวเล็กๆ ที่ไม่รู้จักชื่อ และพูดโวยวายเสียงดัง
แม้ว่าพวกเขาจะสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ แต่ข้างลำตัวก็ยังหนีบมีดสั้นและหอกเอาไว้ บนเนื้อตัวของเขายังมีคราบเลือดอยู่ประปราย
ที่ข้างกองไฟ มีชายคนหนึ่งรูปร่างผอมแห้ง กำลังนอนอยู่ข้างเขา
ดูไปแล้วผู้ชายคนนั้นน่าจะอายุประมาณยี่สิบเอ็ดยี่สิบสอง ใบหน้าขาวซีดผิดปกติ สองตาปิดสนิท สวมชุดคลุมสีน้ำเงิน ที่ลำตัวมีเชือกมัดอย่างแน่นหนา ปากของเขาถูกให้คาบไม้แล้วมัดอีกรอบ เลือดสีดำๆ ยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ท่าทางเหมือนกำลังจะหมดลมหายใจแล้ว
ชายฉกรรจ์เหล่านั้นเมินเฉยต่อบาดแผลของคนผู้นั้น เขากินไปคุยกันไปอย่างสนุกสนาน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ชายผมยุ่งหนึ่งในพวกเขาก็พูดขึ้นมาว่า
“ไอ้คนนั้นมันน่าจะตายแล้วมั้ง ใครก็ได้ไปดูมันหน่อยสิ หึๆ บัณฑิตจนๆ ที่ไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ คาดไม่ถึงว่าจะกล้าเข้ามาสร้างความวุ่นวายให้พวกเรา สงสัยไม่อยากจะอยู่อีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่?”
“ข้าไปดูเองก็แล้วกัน ไอ้หมอนี่มันไม่ขยับมาตั้งนานแล้ว น่าจะได้ที่แล้วล่ะมั้ง ถ้ายังไม่ตายล่ะก็ ข้าจะแทงมันซ้ำอีกครั้ง แล้วส่งมันลงนรกด้วยตัวเอง” ชายที่มีรูปร่างผอมบางที่สุดลุกขึ้นไปดูชายที่ถูกมัดเอาไว้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
“ตามใจเจ้าแล้วกัน แต่จัดการให้เรียบร้อยด้วย พรุ่งนี้พวกเราจะต้องออกจากที่นี่แล้วแล้วยังต้องไปที่อื่นอีก ช่วงนี้ในเมืองวุ่นวายอย่างมาก ขนาดข้ายังเดินทางไปไหนไม่ค่อยได้เลย” ชายผมยุ่งคนนั้น พูดขึ้นอย่างไม่ออกความเห็น
หลังจากที่ชายร่างบางหัวเราะอย่างชั่วร้ายแล้ว เขาก็แกว่งมีดเล่มหนึ่งแล้วเดินไปที่ชายสวมชุดสีน้ำเงินผู้นั้น
เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น
เสียงดังตุ้บ
ชายสวมชุดคลุมสีน้ำเงินพลิกตัวแล้วลอยออกไปหลายชุน ใบหน้าของเขาเงยขึ้น แต่สีหน้ายังคงราบเรียบเหมือนเดิม แต่เลือดสีดำที่มุมปากของเขานั้นแห้งกรังไปแล้ว
ชายรูปร่างผอมคนนั้นดูท่าทางไม่สะดุด แต่พลังของเขาไม่ได้น้อยขนาดนั้น
“มันตายแล้วจริงๆ ถุ้ย! ถือว่าโชคดีของเจ้าแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะมอบให้เจ้าอีกสักหนึ่งแผล”
เมื่อชายร่างผอมเดินดังนั้น เขาก็ถ่มน้ำลายลงพื้น จากนั้นก็หนีบมีดไว้ที่ข้างลำตัวแล้วหมุนตัวเดินกลับมา นั่งล้อมกองไฟเช่นเดิม
ในตอนนั้นเองที่ระยะไกลๆ ก็มีพายุฝุ่นกรรโชกขึ้นอย่างรุนแรง เปลวเพลิงก็พวยพุ่งอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะแปลกดังขึ้นมา
“วิเศษไปเลย คิดไม่ถึงว่าข้าจะได้เจอเหยื่อดีๆ เช่นนี้ในถิ่นทุรกันดาร ถ้าสูบวิญญาณทมิฬของพวกเจ้า ของวิเศษชิ้นนั้นของข้าก็จะหลอมสำเร็จแล้ว”
“แย่แล้ว นั่นมันมารที่ก่อเรื่องอยู่ในช่วงนี้นี่นา ทุกคนวิ่งเร็ว” เมื่อชายผมยุ่งได้ยินเช่นนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขากรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจ วิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง อาวุธที่อยู่ด้านข้างก็ไม่ทันได้หยิบ
ส่วนคนอื่นๆ เมื่อเห็นดังนั้น ก็วิ่งกระจัดกระจายไปอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวเท่านั้น บริเวณรอบๆ กองไฟจึงเหลือเพียงชายหนุ่มสวมชุดสีน้ำเงินที่นอนอยู่ตรงนั้นคนเดียว
“คิกคิก…”
กลางพายุฝุ่นก็มีเสียงเสียงหัวเราะดังขึ้นไม่หยุด ทันใดนั้นเองก็มีปราณสีดำพุ่งออกมา แยกตัวออกเป็นหลายสายแล้วตามพวกมันไป
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนจากพื้นที่ที่อยู่ต่างกัน
จากนั้นเสียงหัวเราะแปลกๆ ก็หยุดลง ปราณสีดำทั้งหมดกลับมารวมตัวกันตรงด้านข้างกองไฟ หลังจากที่มันรวมกันได้แล้ว ทันใดนั้นที่กลางอากาศก็มีนักพรตคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีดำปรากฏขึ้น
นักพรตคนนี้มีดวงตาเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็กๆ โหนกคิ้วสูง ทำให้รู้สึกมืดมนอย่างมาก แต่ตอนนั้นเองเขาก็กำลังมองลูกคริสตัลสีเทาขาวที่อยู่ในมืออย่างมีความสุข
“ไม่เลว! ไม่เลวเลย จิตวิญญาณบริสุทธิ์ของพวกเขามีไอสังหารขนาดใหญ่มาก ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ฆ่าคนไปไม่น้อยเลยทีเดียว เหมาะแก่ที่จะเสียสละมาเป็นของวิเศษของข้าอย่างมาก เฮ้อ คาดไม่ถึงว่าข้างๆ จะมีอยู่อีกคนหนึ่ง เหมือนว่าจิตวิญญาณของเขายังไม่สูญสลายไปนะ เช่นนั้นก็เก็บมาพร้อมกันเลยแล้วกัน” นักพรตชุดดำดีใจอย่างมาก หลังจากที่กวาดสายตามองไปที่พื้นที่อีกครั้ง ใบหน้าของเขาก็ปรากฏความประหลาดใจออกมา แต่เขาก็รีบเขย่าลูกคริสตัลทันที
“พรึ่บ” เสียงหนึ่งดังขึ้น ปราณสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากลูกบอลลูกนั้น จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหาชายสวมชุดคลุมสีน้ำเงินคนนั้น
“ตู้ม”
ทันทีที่ปราณสีดำสัมผัสร่างของชายคนนั้น ปราณสีดำเหล่านั้นก็ระเบิดขึ้นเองโดยที่ไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า ระลอกคลื่นพัดออกมาอย่างรุนแรงจนทำให้นักพรตคนนั้นก็ถอยหลังอย่างอดไม่ได้
“สหายคนไหนที่หลบซ่อนอยู่ ทำไมถึงไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็น” เมื่อนักพรตชุดดำเห็นดังนั้น ในใจของเขาก็รู้สึกตกใจอย่างมาก จากนั้นเขาก็รีบสะบัดมือ ยันต์จำนวนมากก็ปรากฏขึ้นมา ทันใดนั้นม่านแสงหลากสีก็ห่อหุ้มปกป้องร่างกายของเขาไว้ ในขณะเดียวกันเขายังคงมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
“ปราณมารเต็มตัวเจ้าเช่นนี้ เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรสายมารที่อยู่ระดับต่ำที่สุดสินะ” เสียงราบเรียบของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากบริเวณใกล้เคียง
“ใคร?”
นักพรตชุดดำคนนั้นตกใจอย่างมาก เขารีบหันไปมองตามเสียง แต่จากนั้นเขาก็ตกตะลึงขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าชายสวมชุดคลุมสีน้ำเงินที่นอนอยู่ แต่ตอนนี้กลับลุกขึ้นมานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เชือกและไม้ที่รัดตัวของเขาอยู่ไว้นั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว แล้วยังมองเขาด้วยสายตาราบเรียบอีกด้วย
“ท่านคือใครกัน ตั้งใจตามข้าน้อยมาหรือ?” นักพรตชุดดำรู้สึกตกใจอย่างมาก ทันใดนั้นมีความคิดมากมายนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาอยู่ในหัวของเขา เขาจึงถามออกไปอย่างระมัดระวัง
“ตามเจ้าน่ะหรือ? ฮ่าๆ เจ้าจะสำคัญตัวมากเกินไปแล้ว เกรงว่าในแดนมนุษย์นี้คงไม่มีใครมีคุณสมบัติเช่นนั้นหรอก” ชายชุดฟ้ากวาดสายตามองไปที่บริเวณรอบๆ จากนั้นก็มองนักพรตคนนั้นอีกครั้ง ใบหน้าและน้ำเสียงยังมีร่องรอยของการประชดประชันอยู่
“อะไรนะ? แดนมนุษย์? เจ้าคือ…”
“ช่างเถอะ ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเด็กลัทธิมารเช่นเจ้า ข้าต้องการรู้ว่าที่นี่คือที่ใดของโลกมนุษย์?” สายตาของชายสวมชุดสีน้ำเงินนั้นเย็นเฉียบ จากนั้นเขาก็พูดตัดบทกับนักพรตมารคนนั้น เมื่อเขาอ้าปากอีกครั้ง ไหมสีเขียวก็พุ่งออกจากปากมา
“ตู้มๆ” เสียงระเบิดเกิดขึ้นอย่างรุนแรง
ม่านแสงที่ปกป้องนักพรตชุดดำนั้นแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ทันที ที่ร่างกายของเขาก็มีรูเลือด ขนาดเท่านิ้วชี้ เขายังไม่ทันได้พูดอะไร สุดท้ายก็ล้มลงไปที่พื้นเสียแล้ว
เมื่อชายสวมชุดคลุมสีน้ำเงินสะบัดมือขึ้น
“ฟิ้ว” ศพของนักพรตชุดดำก็ลอยขึ้นมา จากนั้นส่วนของศีรษะก็ลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
แววตาของเขากะพริบขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นเองเส้นไหมก็ทะลุออกมาระหว่างคิ้ว และหายเข้าไปในหัวของนักพรตคนนั้น
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เขาก็คลายมือออก ศพของนักพรตคนนั้นก็ร่วงลงไปที่พื้น
“ภายในต้าจิ้นเกิดความวุ่นวาย! มหาสงครามของฝั่งธรรมะและนิกายนอกรีต! คิดไม่ถึงว่ากลับมาแดนมนุษย์ครั้งนี้ โลกนั้นวุ่นวายขนาดนี้ แต่เรื่องพวกนี้แล้วไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับข้า! น่าเสียดายที่คนผู้นี้อยู่ในระดับสร้างปราณเท่านั้น จึงรู้เรื่องราวไม่มากนัก ไม่รู้ว่าฝั่งนภาทักษิณจะเป็นอย่างไรบ้าง”
หลังจากที่ชายชุดคลุมสีน้ำเงินครุ่นคิดพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบไม่ร้อน
แน่นอนว่าคนคนนั้นคือหานลี่ที่กลับมาอยู่ในแดนมนุษย์ แม้ว่าปราณที่เขาแยกวิญญาณมานั้นจะไม่มากนัก แต่สำหรับโลกมนุษย์แล้ว อยู่ใกล้เคียงกับระดับก่อกำเนิดขั้นสูง ที่ไร้เทียมทาน
หลังจากหานลี่มองเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นของตัวเองแล้ว จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้า พร้อมขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา
ในตอนนั้นเองเขาก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาร่ายคาถา แสงสีเขียวก็กะพริบขึ้นตามร่างกาย หลังจากที่ทุกอย่างพร่าเบลอ ชายที่หน้าตาธรรมดา สวมชุดคลุมสีเขียวก็ยืนอยู่ที่เดิม
หลังจากที่หานลี่ใช้วิชาลับแล้ว เขาก็ใช้ภาพมายาทำให้กายเนื้อของตนเองมีหน้าตาคล้ายกับรูปลักษณ์เดิม หลังจากที่เขากระทืบเท้าหนึ่งครั้ง เขาก็กลายร่างเป็นรุ้งสีเขียวและจากไปทันที
…
นอกเมืองแคว้นต้าจิ้น ทหารนับล้านกำลังไต่ขึ้นภูเขาสูงชัน มองจากที่ไกลๆ แล้วเห็นเป็นมดก้อนดำๆ จำนวนมหาศาล
ที่ด้านบนสุดมีทหารรักษาการณ์ ซึ่งแต่งตัวต่างกันอยู่เล็กน้อย พวกเขายิงธนูลงมาอย่างสุดชีวิต มีทหารอีกแถวที่พยายามปีนตามกำแพงเมือง ก็ถูกทหารด้านบนใช้หอกแทงลงมา
ตอนนั้นเอง เลือดไหลเป็นแม่น้ำ ไอสังหารท่วมท้นทะลุฟ้า