ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 248 ความโศกเศร้าครั้งใหญ่
“ท่านว่าอะไรนะ”
หนิงอวี้นิ่งอึ้ง มือที่กำสายบังเ**ยนคลายลงจนแทบจะร่วงลงมา ยังดีที่วินาทีนั้นนางได้สติกลับคืน ขาทั้งสองยังหนีบท้องม้าไว้แน่น จึงเลี่ยงเจ็บตัวไปครั้งหนึ่ง
“ท่านรีบไปดูท่านแม่ทัพเถิด! ตอนนี้ท่านแม่ทัพกำลังรอท่านอยู่!”
หนิงอวี้ตวัดแส้ เกิดเสียงดังก้องขึ้นหนึ่งที ม้าเหงื่อโลหิตโกรธจึงวิ่งตะบึงออกไปด้วยความเร็ว
หนิงอวี้มองภาพกระโจมแต่ละหลังเคลื่อนผ่านสายตา ในใจกลับมีเพียงคำพูดไม่กี่คำนั้น ‘ท่านแม่ทัพแย่แล้ว’ ‘ท่านแม่ทัพกำลังรอท่านอยู่’
เป็นความผิดของนางที่บุ่มบ่ามเกินไป ที่หลงเชื่อใจคนต่ำช้าเสียง่ายๆ หนิงอวี้สองตาแดงก่ำ นางดึงสายบังเ**ยนแล้วพลิกตัวลงจากหลังม้าแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้อง
ท่านหมอผู้สูงส่งที่นางเกลียดจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันผู้นั้น บัดนี้นั่งอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าเผยให้เห็นความกังวล หนิงอวี้ขบฝันแน่น นางยกมือแล้วพูดขึ้น “จับมันไว้ แล้วไปเชิญท่านหมอมาหลายๆ ท่าน”
“อวี้เอ๋อร์…พ่อ…พ่อคงถึงเวลาต้องไปแล้ว!”
สีหน้าเกรี้ยวกราดของหนิงอวี้พลันมลายหายไป เบ้าตาทั้งสองแดงก่ำ นางเดินเข้าไปก้มตัวแล้วพูด “อย่าพูดเหลวไหล!”
มุมปากบิดามีเลือดไหลออกมาไม่หยุด หนิงอวี้จิตใจหวาดหวั่นแต่ใบหน้ากลับไม่เผยออกมา นางพูดด้วยเสียงอันเบาว่า “ข้าสั่งให้คนไปเชิญท่านหมอมาแล้ว ท่านพ่อ ท่านอดทนอีกนิดนะ”
“อวี้เอ๋อร์ ข้า…”
“ต้องดีขึ้น ไว้รอท่านดีขึ้นแล้ว ข้าจะไม่ห้ามท่านดื่มสุราอีก ข้าจะดื่มเป็นเพื่อนท่าน เท่าไหร่เท่ากัน สามถ้วยใหญ่ หรือสองไห…ได้ทั้งนั้น ข้าขอร้องท่าน ขอเพียงท่านมีชีวิตต่อก็พอ!”
พูดจบ น้ำตาที่อดกลั้นเอาไว้ก็ไหลพรั่งพรูออกมาในที่สุด
หนิงอวี้ยกมือขึ้นปิดหน้า ร้องไห้สะอื้นเสียงเบา
“ยังมีวิธี ท่านรออีกหน่อยนะ!”
เสียงถอนใจหนึ่งทีแว่วอยู่ข้างหูนาง หนิงอวี้ปล่อยมือลงแล้วลุกขึ้นยืน นางยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วมองไปยังท่านหมอผู้นั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางพูด “บอกมา ว่าเจ้าทำอะไร”
ท่านหมอผู้สูงส่งส่ายหน้าช้าๆ แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “ข้าพยายามเต็มที่แล้ว บาดแผลท่านแม่ทัพหนิงมีผงพิษเกาะอยู่เป็นจุดเล็กๆ ไร้สีไร้กลิ่น แทรกซึมเข้าสู่ภายใน ข้าไร้ความสามารถ ทำให้ผิดหวัง ข้ายอมรับความตาย”
“เจ้าบอกให้ชัด! พิษอะไรกัน!”
หนิงอวี้ดึงรัดสาบเสื้อเขาอย่างแรงแล้วพูดเค้นถาม
“บนบาดแผลมีผงพิษ ท่านหมอที่พันแผลครั้งแรกไม่ได้สังเกตจึงพันแผลเอาไว้แน่น ข้าน้อยเลินเล่อจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ กว่าจะนึกถึงเรื่องนี้ได้ อาการก็รุนแรงจนไม่อาจช่วยได้เสียแล้ว”
หนิงอวี้รีบเอาถุงแพรออกมาแล้วล้วงเอาสมุนไพรออกมาด้วยมือไม้รีบร้อน นางพูดไม่หยุด “ยานี่ข้าเอากลับมาแล้ว จะใช้ประโยชน์ได้บ้างหรือไม่”
แม้จะรู้ดีว่าคนผู้นี้อาจเป็นคนที่ข้าศึกลอบส่งมาแต่นางก็ร้อนรนจนไม่เลือกหมอ จะมัวคิดมากไม่ได้
หมอส่ายหน้าช้าๆ ทหารสองสามนายคุมตัวเขาไป หนิงอวี้นิ่งอึ้งกับที่ มือนางกำต้นสมุนไพรเอาไว้แน่น จนของเหลวสีเขียวเข้มไหลซึมผ่านซอกนิ้วหยดลงบนพื้นเป็นรอยด่างสีคล้ำ
หนิงอวี้ตัวเหยียดเกรง นางไม่กล้า ไม่กล้าที่จะหันหน้ากลับ นางกลัวที่จะเห็นแววตาของบิดา ไม่ว่าจะเป็นโกรธเคือง หรือจนใจก็ตาม เป็นนาง ที่ทำให้บิดาต้องตาย! เป็นนาง นางนั่นเองที่เป็นตัวนำเคราะห์
“อวี้เอ๋อร์ พ่ออยากกำชับฝากฝังเจ้าสักหน่อย”
สมุนไพรในมือหนิงอวี้ร่วงลงกับพื้น ร่างกายที่แข็งทื่อสั่นเทาอย่างผิดปกติ
“อย่าเศร้าไปเลย เกิดแก่เจ็บตายล้วนแต่สามัญ พ่อก็แค่ไปพบแม่เจ้าเร็วหน่อยเท่านั้น”
หนิงอวี้คุกเข่าลงกับพื้นช้าๆ มือทั้งคู่ปิดหน้าไว้ น้ำตาไหลผ่านระหว่างนิ้วออกมาปนเปื้อนด้วยของเหลวสีเขียวเมื่อครู่ น้ำตาใสๆ ในตอนแรกกลับกลายเป็นของเหลวสีเขียวอ่อน
“ไม่ต้องไปตามสืบอีกแล้ว เรื่องเฝ่ยเอ๋อร์ คอยใช้ชีวิตร่วมกับท่าน…อ๋อง..ให้ดี”
เสียงพูดติดๆ ขัดๆ หนิงอวี้ขบฟัน รู้ดีว่าบิดาตอนนี้กำลังหายใจรวยริน แต่นางกลับไม่กล้าหันหน้าไปมองเขา
“พ่อไม่ขออะไรทั้งนั้น เพียงแค่เจ้ามีความสุข…”
ท่ามกลางความเงียบ หนิงอวี้ค่อยๆ ลุกขึ้น เดินซวดเซไปยังหน้าเตียง
บิดาของนางนอนหลับอย่างสงบบนเตียงหลังนั้น หนิงอวี้ยื่นมืออันสั่นเทาออกไป สำรวจลมหายใจเขา ครู่เดียว เสียงแหบพร่าก็ดังออกมาจากลำคอหนึ่งที เสียงร้องไห้ที่สะกดเอาไว้ก็ระเบิดออกมา
ท่านพ่อ…จากไปแล้ว หนิงอวี้โคลงศีรษะสีหน้าเรียบเฉย นางมองไปยังใบหน้าบิดา น้ำตารินไหลหยดแล้วหยดเล่าพรั่งพรูลงมา ท่านจากไปแล้วหรือ
บิดาผู้อุ้มนางขึ้นไว้ในอ้อมกอดจากไปแล้วหรือ ท่ามกลางน้ำตาที่พรั่งพรู หนิงอวี้ยังคงนึกถึงเรื่องราวในคืนสิ้นปีนั้นที่บิดาและเว่ยหยวนยกจอกร่ำสุรา ลูบเคราพลางหัวเราะร่าออกมาเสียงไปพลาง