ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 249 เหตุการณ์กะทันหัน
ควันคลุ้งขโมง ประตูเมืองหยวนอีถูกไม้ซุงท่อนมหึมากระทุ้งเปิด พลทหารต่างพุ่งกรูเข้าไป คิ้วที่ขมวดแน่นอยู่นานของเว่ยหยวนค่อยๆ คลายออก
“มั่วหลี”
มั่วหลีก้าวเข้ามาแล้วโค้งคำนับ ครั้นแล้วก็ได้ยินท่านอ๋องออกคำสั่ง
“จัดกำลังห้าร้อยนาย ให้พร้อมรับคำสั่งตลอดเวลา!”
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำประสานมือคำนับแล้วโค้งตัวลงพลางพูดขึ้น “ท่านอ๋อง ขอได้โปรดอนุญาตให้ข้าน้อยออกไปยังสนามรบ บุกตีแนวรบสุดท้ายของข้าศึกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ท่ามกลางผู้คนที่กำลังประหลาดใจจนลืมหายใจ ท่านอ๋องที่เล่าลือกันว่าขาทั้งสองพิการกลับลุกออกจากเก้าอี้รถเข็นขึ้นมายืนเสีย!
“นี่…นี่มัน”
ชายร่างกำยำกลืนน้ำลายดัง เอื๊อก ผู้เฒ่าเครายาวเลิกคิ้วเล็กน้อยแต่ยังคงสุขุมนิ่ง
“ข้าจะออกไปด้วยตนเอง!”
“ท่านอ๋อง ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ! ร่างกายอันล้ำค่าของท่านจะให้ไปเสี่ยงอันตรายในสนามรบได้อย่างไรกัน” เว่ยหยวนทำเสียงผิวปาก ม้าขาวตัวหนึ่งก็ทะยานวิ่งมา
เว่ยหยวนย่ำปลายเท้าลงบนแผ่นไม้กระดานรถศึกแล้วกระโดดขึ้นอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็นั่งลงบนหลังม้าด้วยท่วงท่าคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงดูมีกำลังวังชาจนทำให้ผู้คนถึงกลับประหลาดใจ
คำเล่าลือว่าท่านอ๋องร่างกายป่วยกระเสาะอ่อนแอ ขาทั้งสองป่วยมานานมากแล้ว ได้รู้จักพบเจอ ก็รู้ว่าเรื่องเหล่านั้นมิใช่เรื่องโกหก แต่ท่านอ๋อง ‘ขี้โรค’ ตามที่ลือกันนั้นกลับเดินเหินอย่างรวดเร็ว หรือว่าจะรู้วิชาตัวเบา ดูจากอากัปกิริยาของเขาก็รู้ได้ว่ากำลังภายในเขานั้นไม่เบาเลยทีเดียว
ท่านอ๋องที่บอบบางแทบทานลมไม่ได้ตามคำลือนั้นกำลังคว้าดาบฟาดฟัน บั่นคอหัวหน้าข้าศึกในแนวหน้า ชายฉกรรจ์ร่างกำยำกลืนน้ำลาย ดูไปแล้ว คำร่ำลือคงเชื่อถือไม่ได้เสียแล้ว
เลือดสดสาดกระเซ็นไปบนใบหน้าอันขาวผ่องดั่งเนื้อหยกของเว่ยหยวนทำให้ดูแปลกพิกลยิ่งนัก บนใบหน้าที่ขาวดั่งหิมะแต้มเป็นจุดแดงหลายจุดดูสะดุดตา ริมฝีปากบางเผยอเล็กน้อยดูน่าขนลุกอยู่สามส่วน วินาทีถัดจากนั้น เลือดเนื้อก็สาดกระเซ็นไปทั่ว
ทหารหยวนอีที่แต่เดิมกำลังได้เปรียบ ตอนนี้กลับกำลังร่นถอยไม่ขาด ทุกที่ที่เว่ยหยวนผ่าน ล้วนไม่เหลือใครที่รอดชีวิต เขาโบกมือ ทหารนับพันก็พากันกรูเข้าในกำแพงเมือง เว่ยหยวนควบม้าวิ่งเข้าไปปะปนกับฝูงชน
“มั่วหลี! รีบส่งคนไปรับพระชายา ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ต้องพานางกลับมาให้ได้!”
เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายเพียงแค่การสู้รบของสองอาณาจักรเท่านั้น ในเมื่อเว่ยหลิงเข้าร่วม ในใจคงมีความคิดซ่อนเร้นมีแผนการร้ายกาจบางอย่างแอบแฝง
เหิงโส่วถูกขนาบล้อมด้วยข้าศึกอยู่นาน อวี้เอ๋อร์คงลำบากมานานมากแล้ว เว่ยหยวนขบฟัน ท่วงท่าดุดันยิ่งขึ้น มั่วหลีรับคำสั่งแล้วก็จากไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น “ท่านอ๋องระวัง”
วินาทีถัดจากนั้น เขาก็หันม้ากลับ วิ่งควบไปยังท่านอ๋องก็เห็นคนชุดดำสี่ห้าคนบุกออกมาพร้อมกัน ล้อมโจมตีท่านอ๋องแต่ผู้เดียว
“ข้าน้อยมาช่วยช้าไป!”
มั่วหลีควบม้าทะยานป้องปัดเข้าไป เหล่าคนที่ลอบจู่โจมนั้นต่างกระเด็นคว่ำกับพื้น เว่ยหยวนยกมือขึ้นคว้าคนที่ลอบโจมตีนั้นแล้วพลิกมือบิดแขนให้หัก
“ไปช่วยพระชายา!”
“ท่านอ๋อง ได้โปรดให้ข้าน้อยอยู่ต่อด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากพวกเรารบแพ้ ต่อให้พระชายากลับมาก็คงดีแต่ถูกจับตัวเท่านั้น”
เว่ยหยวนฟันเอวคนผู้หนึ่งขาดสะบั้น เลือดสดไหลหยดลงพื้นจากปลายกระบี่
“หุบปาก ไปเชิญพระชายามา!”
เว่ยหยวนเหลือบมองเขาปราดหนึ่งอย่างเย็นชา ในน้ำเสียงอันสงบนิ่งนั้นแฝงด้วยความร้อนใจอย่างยิ่ง
มั่วหลีจนปัญญาจึงได้แต่พยักหน้ารับ ขาทั้งสองหนีบท้องม้าแน่นแล้วตะโกนขึ้นเสียงดังว่า “ไป!” กำลังพลขบวนหนึ่งแหวกผ่านฉากรบพัวพันออกมาแล้ววิ่งไปยังประตูเมืองอีกฝั่งของหยวนอี
การรบตะลุมบอนผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ทหารราชวงศ์ใต้ล้มตายนับไม่ถ้วน ทหารอารักขาของหยวนอีในแนวหน้าผลาญกำลังของกองทัพของเขาไปเป็นอันมาก คนชุดดำที่บุกออกมาเกินความคาดหมายจนไม่ทันเตรียมรับ
เหล่าคนชุดดำนี้แตกต่างจากทหารทั่วไป ทั้งหมดล้วนแต่ใช้กริชสั้น ทั้งยังใช้อาวุธลับที่เคลือบไปด้วยพิษหลากหลายชนิดที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก หรือนี่คือทหารพร้อมพลีชีพที่ถูกชุบเลี้ยงกลางสงคราม แต่พวกเขากลับไม่ปราณีทหารอารักขาหยวนอีแม้แต่น้อย ลงมือเข่นฆ่าอย่างโหดเ**้ยม
ดูจากวิธีการทำศึกของพวกเขา ราวกับพวกนักลอบสังหาร พวกเขาไม่ทำการรบเป็นกลุ่ม และไม่ประสานงานช่วยเหลือซึ่งกัน เพียงแต่ออกตะลุมบอนสู้เพียงลำพังเงียบๆ
“ท่านอ๋อง พวกนี้เป็นใครกันพ่ะย่ะค่ะ ไม่เหมือนพลทหารราชวงศ์เหนือเลย!”
ชายฉกรรจ์ตะโกนขึ้นเสียงดัง บนหน้าเลอะไปด้วยคราบเลือด เว่ยหยวนพยักหน้าแล้วฟันศีรษะนายทหารผู้หนึ่ง
“ท่านอ๋อง พวกเราถอยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เว่ยหยวนขบฟัน เขาขมวดคิ้วพูด “โอกาสชนะมีเท่าไร”
“โอกาสมีเพียงหนึ่งในสิบ ท่านอ๋อง ข้าน้อยขอร้องได้โปรดถอยทัพด้วย”
“กระหม่อมเห็นด้วย เช่นนี้ต่อไป ฝ่ายเราจะสูญเสียอย่างหนัก”
“ท่านอ๋อง ได้โปรดใคร่ครวญด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
“ถอย”
เว่ยหยวนขบฟันเค้นคำพูดออกมาหนึ่งคำ ครั้นแล้วก็บังคับม้าหมุนกลับ ให้ตาย! อุตส่าห์ตีเหิงโส่วแตกได้ นึกว่าจะได้พบอวี้เอ๋อร์ คิดไม่ถึงว่าจะสู้รบฆ่าฟันมากว่าครึ่งทางเพื่อมาพบผู้คนเหล่านี้