ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 252 ฝังลงสู่พื้นดิน
“ทหาร มายกท่านแม่ทัพหนิงขึ้นมา!”
หนิงอวี้ตะโกนเสียงดัง พลทหารต่างทำสีหน้าลังเล ไม่รู้ว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ ในวินาทีนั้นเอง นายพลชุดดำตัวโชกไปด้วยเลือด รีบเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
“ท่านนายพลหนิง นี่ท่านกำลังทำอะไรกัน? ยังไม่พ้นสามวัน ก็ละทิ้งวินัยแล้ว!”
“ข้าต้องจัดการฝังศพท่านพ่อ”
หนิงอวี้ชำเลืองขึ้น พลทหารเหล่านั้นต่างกรูกันเข้ามาแบกโลงศพไม้ขึ้น นายพลชุดดำหน้าแดงก่ำขึ้นมา แล้วพูดออกมาไม่ขาดเสียงอย่างรีบร้อน “ข้ารู้ถึงความรักที่ท่านมีต่อบิดา แต่นี่มันผิดวินัย”
หนิงอวี้รู้แก่ใจดีว่าเขาปรารถนาดีต่อพวกนางอย่างจริงใจจึงได้อธิบายด้วยความอดทนว่า “ข้าอยากให้ท่านพ่อได้พักเร็วหน่อย ท่านรอพบท่านแม่ รอมานานมากแล้ว”
ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง หากสังหารนายพลหน้ากากผี เป็นได้อย่างมากที่นางจะต้องทิ้งชีวิตกลางสนามรบ นางอยากพาบิดากลับไปฝังยังเมืองหลวง ฝังร่วมกับหลุมศพมารดา แต่ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะได้ชัยชนะนั้นน้อยเสียเหลือเกิน สุดท้ายคงได้รบจนตายกลางสนามรบ
บิดารอมานานหลายปีแล้ว คงรอพบมารดาแทบไม่ไหวแล้วเป็นแน่ นางต้องจัดการเรื่องบิดาให้เหมาะสมก่อน หากได้ชัยกลับมา นางก็จะพาบิดากลับยังเมืองหลวง หากนางตายกลางสนามรบ บิดาก็จะไม่มีที่ไป หรือ หากท่านอ๋องบุกฝ่าหยวนอีมาได้คงอาจจะพาบิดากลับไปได้
หนิงอวี้มองผู้คนแบกโลงศพเดินสีหน้าเรียบเฉย นางค่อยๆ ก้าวเดินคอยตามผู้คนเดินไปยังสุสาน ที่เนินเขาทิวทัศน์งดงามแห่งหนึ่ง หนิงอวี้ได้ยินเสียงนกร้อง จิ๊บๆ อยู่ข้างหู นางกุมผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นยิ่งขึ้น
“ตอกตะปูฝาโลง” ตะปูเหล็กยาวสามนิ้วถูกค้อนเหล็กขนาดมหึมาตอกลงไป หัวค้อนทุบลง กระทบเข้ากับตะปูเหล็ก หนิงอวี้ได้ยินเสียงนั้นก็ขบริมฝีปาก อดทนอยู่ครู่ใหญ่ในที่สุดก็ทนไม่ได้รีบร้องห้าม “หยุด!”
“ท่านนายพล ปล่อยท่านแม่ทัพใหญ่ได้พักเถิดขอรับ!”
“ข้า…” มือหนิงอวี้สั่นโดยไม่รู้ตัว “ข้าเพียงแค่อยากฝังผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ลงไปด้วย”
หากเกิดนางตายกลางสนามรบ เว่ยหยวนเองก็คงไม่อาจตามมาทัน บิดาคงได้ติดอยู่ที่แห่งนี้ หากมีผ้าเช็ดหน้าไหมของมารดาผืนนี้ก็คงไม่เหงามากนัก
หนิงอวี้เดินเข้าไปแล้วสอดผ้าเช็ดหน้าเข้าไปในช่องแง้มบนฝาโลง ผ้าเช็ดหน้าร่วงลงบนข้างแขนของบิดา แต่มือนั้นกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย
“ปิดฝาโลงเถอะ!”
หนิงอวี้ค่อยๆ หลับตาทั้งคู่ลง ค้อนเหล็กทุบดังขึ้นอีกครั้งตามด้วยเสียงหนักอึ้งหนึ่งที คงเพราะเหล่าทหารวางโลงไม้ลงแล้ว
หนิงอวี้ขบฟันพยายามตัดตัวเองจากสภาพรอบข้าง ภาพของบิดาที่หัวเราะร่าปรากฏเบื้องหน้า เขากำลังลูบหนวดพูดบอกนางด้วยเสียงหัวเราะว่า ‘จับสายบังเ**ยนไว้แน่น ถ้าเกิดร่วงขึ้นมา พ่อก็ช่วยเจ้าไม่ได้นะ’
นางตกใจหวาดหวั่น แต่หากนางตกจากม้าจริง บิดาเองก็คงรีบเข้ามาช่วยอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เสียงดังแว่วข้างหู ทรายแต่ละพลั่วถูกตักขึ้นกลบปิดลงบนโลงไม้ดัง สวบสาบ เสียงดังสวบสาบนั้นค่อยๆ เงียบหายไป ทรายคงกลบปิดหน้าแล้ว
“ท่านนายพลหนิง คนตายไม่อาจฟื้นคืน ระงับความเศร้าด้วยเถิด วิญญาณท่านนายพลหนิงหากอยู่บนสวรรค์ คงต้องการให้ท่านมีชีวิตอย่างสงบสุข สมหวังราบรื่นทุกเรื่องมากกว่า”
“ข้ารู้ พวกเจ้าไปเถอะ ข้ามีสองสามเรื่องอยากพูดกับท่านพ่อ”
หนิงอวี้พูดเสียงเบา นางลืมตาทั้งคู่ขึ้นช้าๆ เหล่าทหารโค้งคำนับเบาๆ แล้วทยอยเดินจากไป
สายลมที่ชายแดนแฝงด้วยกลิ่นไออันเยือกเย็นอยู่เสมอ สายลมพัดผ่าน พัดเอาหญ้าเขียวชอุ่มข้างหลุมศพสั่นไหว หนิงอวี้นั่งลงช้าๆ แล้วฝืนยกมุมปากยิ้มไปยังป้ายศิลา
“ไปหาท่านแม่เถอะเจ้าค่ะ นางรอท่านมาหลายปีแล้ว คงรอจนทนไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ว่าที่ยมโลกจะมีสุราหรือไม่ หากมี ท่านกับท่านแม่คงร่ำสุรากับท่านแม่ทุกวันอย่างแน่นอน”
“ที่บอกว่าจะคอยอยู่เคียงข้างข้าชั่วชีวิต ยังมีอีกหลายเรื่องยังไม่ทันได้พูด…” หนิงอวี้ขมวดคิ้ว น้ำตาอันแสบพร่าเอ่อรื้นออกมาหยดหนึ่ง “แต่ละคน ล้วนแต่เป็นจอมโกหก”
น้ำตาที่ไหลผ่านแก้มค่อยๆ หยดลงบนพื้นดิน ท่ามกลางเสียงสายลมที่พัดดัง หนิงอวี้ทอดถอนใจแล้วลุกขึ้นยืนช้าๆ