ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 254 ถูกมู่หรงเหยียนช่วย
เว่ยหยวนที่กำลังห้ำหั่นกับศัตรูรู้สึกเจ็บอกขึ้นมากระทันหัน ทันใดนั้นกระบี่ยาวในมือร่วงลงกับพื้น มั่วหลีแกว่งกระบี่เข้าสกัดการแทงจู่โจมไปยังเว่ยหยวนได้แล้วขึ้นถามว่า “ท่านอ๋อง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
เว่ยหยวนส่ายหน้าช้าๆ ใบหน้าซีดเผือด พวกคนชุดดำอาศัยจังหวะที่พวกเขาไม่ทันระวัง อีกทั้งทหารอารักขาหยวนอีอ่อนสิ้นกำลังทำให้พวกเขาแพ้ร่นต่อเนื่อง
ตอนนี้ พวกเขาแปรกระบวนทัพใหม่เตรียมพร้อมจู่โจม เมื่อต่อสู้กับคนชุดดำ พวกคนชุดดำค่อยๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบลงเรื่อยๆ เว่ยหยวนยื่นมือไปชักกระบี่ยาวออกจากฝักหนังข้างๆ ตัวม้าแล้วออกคำสั่งเสียงทุ้ม “หากหยวนอีแตกเมื่อไหร่ ให้รีบไปตามหาพระชายาทันที”
“พ่ะย่ะค่ะ”
——
เจ็บ หน้าอกเจ็บแสบราวกับถูกไฟเผา หนิงอวี้ขมวดคิ้ว ความตายนั้นเจ็บปวดเช่นนี้เองหรอกหรือ กลิ่นหอมยาจีนอ่อนๆ แตะปลายจมูก หนิงอวี้ค่อยๆ ลืมตาทั้งคู่ขึ้น
เบื้องหน้าคือฉากอันโอ่อ่าหรูหรา ที่นี่คือที่ใดกัน หนิงอวี้ยกมือขึ้นลูบขมับที่ปวดหน่วงก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้นด้วยความแปลกใจระคนยินดี “แม่นางฟื้นแล้ว รีบส่งคนไปตามหมอมารักษาแล้วให้ส่งอีกคนไปกราบทูลองค์ชายรองด้วย”
“ที่นี่คือที่ไหนกัน” หนิงอวี้ได้ยินคำว่า ‘องค์ชายรอง’ สามคำนี้ก็ตกใจตื่นขึ้นมา นางยื่นมือคลำไปทั่ว หมายจะหากริชที่พกติดตัวกลับพบว่าแม้แต่ชุดเองก็ถูกเปลี่ยนไปเสียแล้ว
“แม่นาง ที่นี่คือตำหนักขององค์ชายสอง!” หนิงอวี้ตอนนี้ไร้ซึ่งอาวุธ นางชำเลืองไปยังจอกกระเบื้องบนโต๊ะแล้วพูดขึ้นเสียงเบาว่า “ขอน้ำให้ข้าสักจอกเถิด”
สาวใช้ส่งยิ้มแล้วยกจอกชาขึ้น หนิงอวี้รับจอกชามา นางเป่าลมหนึ่งที อาศัยจังหวะที่สาวใช้ไม่ทันระวัง ก็ทุบจอกชาไปยังเสาเตียงที่แกะสลักอย่างงามประณีต เสียงดังกังวานใส รอยแหว่งปรากฏขึ้นบนจอกชา
สาวใช้มิได้รู้สึกแปลกใจกลับยอบกายคำนับพลางยิ้มอ่อนหวาน
“ต้องการอีกจอกไหมเจ้าคะ”
หนิงอวี้กุมจอกชาในมือแน่นแล้วปามันลงไปกับพื้นอย่างแรง จอกใบนั้นกลิ้งหลุนๆ ไปบนพื้น ยังคงสมบูรณ์ดีไม่แตกร้าว
ท่ามกลางความเงียบงันพักใหญ่ หนิงอวี้ชำเลืองมองสาวใช้ปราดหนึ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “พวกเจ้าตั้งใจจะทำอะไรกัน”
สาวใช้ส่ายหน้ายิ้มบาง ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ผู้เฒ่าในชุดสีครามทั้งตัวก็เดินเข้ามาพอดี
“แม่นางโปรดยื่นมือ ขอข้าตรวจวัดชีพจรด้วย”
หนิงอวี้กุมท้องน้อยๆ ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความตื่นตัวระวัง ดวงตาทั้งคู่ของหมอโก่งโค้ง เขายิ้มออกมาอย่างเมตตา “แม่นางโปรดวางใจ ร่างกายเจ้ายังดีอยู่ ลูกในท้องเองก็ปลอดภัยดี เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น เมื่อจิตใจว้าวุ่นจำ เป็นต้องพักผ่อนให้ดี”
หนิงอวี้ไม่เอ่ยสิ่งใดแต่หลับตาทั้งคู่ลงช้าๆ นางนั่งบนเตียง กอดเข่าทั้งสอง ในขณะที่หมอจนด้วยปัญญา ก็เห็นชายชุดดำเดินเข้ามาช้าๆ พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อต้อนรับ
มู่หรงเหยียนมองไปยังผู้คนที่กำลังคุกเข่ากับพื้นแล้วโบกมือ หนิงอวี้นั่งอยู่กลางผ้าห่มสีชมพูอ่อน นางสวมชุดสีขาวทั้งตัว ทำให้นางดูท่าทางบอบบางอ่อนแอยิ่งนัก
เส้นผมดำขลับยาวประบ่า ขับดุนใบหน้านางให้ดูขาวซีด มู่หรงเหยียนเหยียดมุมปากยิ้มแล้วยื่นมือขึ้นไปดึงผ้าห่มขึ้น เขาตั้งใจจะพูดปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก็ได้ยินเสียงหนิงอวี้พูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร”
ขนตางอนยาวขยับแยกออกจากกัน หนิงอวี้ลืมตาทั้งคู่ขึ้นช้าๆ แล้วจ้องไปยังชายผู้อยู่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางมองทะลุหน้ากากเขียวเขี้ยวโง้ง จ้องนิ่งไปยังดวงตาทั้งคู่ของเขาแล้วพูดขึ้นเสียงทุ้ม “เจ้าจับข้ามา หามีประโยชน์อันใดไม่”
มู่หรงเหยียนชะงักนิ่งกับที่ หนิงอวี้แค่นเสียงเยาะหนึ่งที ครั้นแล้วก็หันหลังให้เขา
“ไสหัวไป อย่าให้ข้าได้เจอเจ้าอีก”
ดวงตาคู่นั้นซ่อนความรู้สึกเอาไว้มากมาย นางไม่อาจคาดเดาได้และไม่อยากที่จะเดา
“เจ้าควรกินอาหารสักหน่อย ข้า…ได้ยินว่าเจ้ามีลูก และเพื่อลูกในท้อง เจ้าก็ควรดูแลตัวเอง”
“เจ้ามีดีอะไรจึงมาพูดเช่นนี้ ไสหัวไป! หากให้ข้าพบเจ้าอีกครั้ง ข้าจะฆ่าเจ้าเพื่อล้างแค้นให้ท่านพ่อ”