ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 255 ท่านอ๋อง พระชายาหายสาบสูญ!
กลางเมืองหยวนอีธงราชวงศ์เหนือถูกแทนที่ เว่ยหยวนพลิกตัวขึ้นหลังม้าแล้วตะโกนขึ้นเสียงดัง “ทิ้งทหารไว้พันนาย ที่เหลือรวบรวมสิ่งของแล้วตามข้าไปเหิงโส่ว”
ไม่รู้ด้วยเหตุใด เขาจึงรู้สึกจุกในอกสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้นมา ม้าวิ่งห้ออย่างรวดเร็ว ฝุ่นฟุ้งตลบขึ้นนับไม่ถ้วน
มั่วหลีขมวดคิ้วคอยตามอยู่ด้านหลังเขา ตั้งแต่ท่านอ๋องชะงักอึ้งครั้งนั้น เขารู้สึกว่าท่านอ๋องใจร้อนขึ้นอย่างมาก กิริยาว่องไว คำพูดชัดเจน แววตามเต็มไปด้วยความร้อนรน
“ท่านอ๋อง! พระชายาออกไปยังสนามรบตามลำพัง ได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก ไม่ทราบที่ไป”
มีคนรีบควบม้าเข้ามาต้อนรับแล้วคุกเข่าลงกับพื้น เว่ยหยวนรั้งสายบังเ**ยนเคลื่อนสายตาลงกวาดมองคนผู้นั้น
ม้าทะยานขึ้นกลางอากาศร้องเสียงแหลมแล้วเดินกระทืบเท้าหมุนตัวไปมาอยู่กับที่ เว่ยหยวนนิ่งอึ้ง มือทั้งคู่กุมสายบังเ**ยนแน่น เสี้ยนเล็กละเอียดบนสายบังเ**ยนแทงทิ่มลงกลางฝ่ามือแต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บเลยแม่แต่น้อย
“เจ้าว่าอะไรนะ พูดอีกที!”
มั่วหลีได้ยินก็กวาดตามองไปยังท่านอ๋องปราดหนึ่ง ในใจบอกกับตัวเองว่าดูท่าจะแย่แล้วแต่ใบหน้ากลับยังคงแสร้งทำทีเป็นสงบนิ่ง
“พระชายาไปยังสนามรบเพียงลำพัง ถูกคนชุดดำจากราชวงศ์เหนือผู้หนึ่งทำร้ายเข้า คนชุดดำผู้นั้นถือดาบโค้ง ทำร้ายพระชายาจนบาดเจ็บสาหัส หลังเสร็จศึก พวกข้าน้อยออกไปตามหาพระชายา พลิกดูซากศพจนหมดแล้วก็หาพระชายาไม่พบพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อฟังคำพูดนี้ก็เข้าใจอย่างแจ่มชัด มั่วหลีตัวสั่นขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ เขาเดินเข้าไปแล้วโค้งคำนับ “ท่านอ๋อง”
ภายใต้แสงอาทิตย์อันร้อนระอุ เว่ยหยวนตัวสั่นอย่างทนมิได้ เขาคลายสายบังเ**ยนในมือลงแล้วกำมือแน่นเพื่อรักษาจิตใจให้สงบนิ่ง ครั้นแล้ว มือทั้งคู่ที่กำหมัดแน่นนั้น เขาก็สะดุ้งรู้สึกตัวได้ว่านิ้วมือตนนั้นเย็นยะเยือก
“ท่านอ๋องมีอะไรกำชับหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ความยินดีที่จะได้พบหน้าในดวงตาเว่ยหยวนพลันหายไป ครู่หนึ่งก็สะบัดแส้ ม้าสัมผัสถึงความเจ็บรุนแรงก็ยกเท้าออกวิ่งไป มั่วหลีไม่ทันได้ระวังตัวถูกฝุ่นที่ตลบฟุ้งนั้นเกาะไปทั่วทั้งตัว
อวี้เอ๋อร์ตายแล้วหรือ เป็นไปไม่ได้ เว่ยหยวนมองทิวทัศน์ที่เคลื่อนผ่านสายตา สติหลุดลอยออกไป อวี้เอ๋อร์นางรับปากว่าจะกลับมาโดยเร็ว เพื่อคอยดู ‘ความหวัง’ ออกดอกเบ่งบานพร้อมเขา
เว่ยหยวนเม้มปาก เมื่อฟันฝังลงบนริมฝีปาก เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาสาดย้อมริมฝีปากอันขาวซีดเป็นจุดๆ เว่ยหยวนกุมสายบังเ**ยนในมือแน่น เสี้ยนเล็กละเอียดทิ่มบาดลงกลางฝ่ามือ
เจ็บปวด ก็ดีเหมือนกัน เช่นนี้จะได้ปลุกข้าให้ได้สติ เว่ยหยวนคิดสีหน้าสงบนิ่ง ต้องตกหล่นแน่ กลางสนามรบมีคนมากมายขนาดนั้น อวี้เอ๋อร์อาจจะปะปนอยู่ท่ามกลางผู้คนแต่ยังไม่ถูกพบเข้าเป็นได้
นางฝึกฝนวิทยายุทธ์มาหลายปี ร่างกายก็แข็งแรง ต่อให้ได้รับบาดเจ็บ แค่รักษาไม่กี่เดือนก็หายแล้ว เว่ยหยวนปลอบใจตนเองพลางพยายามทำใจให้สงบนิ่งแล้วตวัดแส้บังคับม้าให้วิ่งไป
“แม่นาง ท่านอยากกินอะไรหรือไม่ ข้าน้อยจะได้สั่งให้ห้องเครื่องเตรียม”
หนิงอวี้ทำราวกับไม่ได้ยิน นางเหลือบมองสาวใช้ปราดหนึ่งแล้วหลับตาทั้งคู่ลงช้าๆ นางตกอยู่ในกำมือมู่หรงเหยียนคงไม่อาจหนีรอดได้อย่างปลอดภัย หากเขาใช้นางบีบบังคับท่านอ๋องเล่า หนิงอวี้ขมวดคิ้วขบริมฝีปากไม่กล่าวสิ่งใด
นางทำร้ายชีวิตของบิดามารดาแล้ว อย่าได้ดึงท่านอ๋องมาพัวพันด้วยอีกเลย หนิงอวี้โค้งมุมปาก ปั้นยิ้มอย่างเยาะเย้ยออกมาหนึ่งที
กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง มีประโยชน์อะไรกัน แก้ไขอะไรได้เสียที่ไหน พี่ชายยังคงหายสาบสูญ ไม่รู้เป็นตายร้ายดี บิดาต้องสิ้นชีพเพราะนาง ศพต้องถูกฝังอยู่ต่างถิ่น ยังโชคดีที่หงหลิงอยู่ไกลยังเมืองหลวง จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีภัยถึงชีวิต
คนที่สมควรตายที่สุด กลับมีชีวิตอยู่ต่อ น่าขันสิ้นดี มุมปากหนิงอวี้โค้งยิ้มชัดเจนยิ่งขึ้น นางหลับตาทั้งคู่ลงสนิทแล้วน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมา
ที่จริงแล้วมันไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ยังมีท่านอ๋องคอยเคียงข้าง เมื่อนางนึกถึงจุดนี้ก็ลืมตาขึ้นมาโดยพลันแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงอันแหบพร่า “สาสน์ของข้าเล่า” เสียงแหบพร่าจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ สาวใช้คิดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจความหมายจึงค้อมกายคำนับแล้วพูดตอบ “สาสน์เหล่านั้นองค์ชายรองเก็บรักษาไว้อยู่เจ้าค่ะ”
“ข้าจะไปพบเขา!”