ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 256 ลอบสังหารล้มเหลว
หน้าต่างถูกเปิดกว้าง สายลมอ่อนโยนพัดโชยเข้ามาพัดเอาผ้าแพรบางปักดิ้นทองพลิ้วไหว หนิงอวี้ขดตัวอยู่บนหนังเสือสีขาวมองไปยังท้องฟ้าไม่พูดจา แม้หน้าต่างจะเปิดออกแต่บนนั้นกับตีไม้ซี่นับไม่ถ้วนเพื่อกันนางหนีออกจากทางหน้าต่างฆ่าตัวตาย
หนิงอวี้เหยียดมุมปาก ฮึ คิดรอบคอบเสียจริง ท่ามกลางภวังค์ นางหลับตาทั้งคู่ลงแล้วหลับไป
มู่หรงเหยียนผลักประตูเข้ามา สาวใช้ยอบกายคำนับ
“แม่นางกำลังนั่งชมทิวทัศน์อยู่ห้องข้างๆ ไม่ยอมให้พวกเราเข้าไปเลยเพคะ”
มู่หรงเหยียนได้ฟังก็กวาดสายตามองสาวใช้ปราดหนึ่งอย่างเย็นชา นัยน์ตาฉายแววไม่พอใจอย่างถึงที่สุด สาวใช้ก้มตัว คุกเข่าลงกับพื้น
ผ้าแพรบางถูกเลิกขึ้น เขาเดินผ่านฉากบังตา เสียงฝีเท้าของเขาเบาลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ หนิงอวี้กำลังหลับอยู่ นางนอนคว่ำอยู่บนหนังเสือขาว เป็นท่านอนที่ดูสงบนิ่ง
“เหลวไหล”
คำพูดสองคำหลุดออกมาจากริมฝีปากอันบาง มู่หรงเหยียนก้มตัวลงอุ้มนาง คนในอ้อมกอดดูเหมือนจะรู้สึกตัว นางย่นคิ้วอย่างไม่ยินดี มู่หรงเหยียนหลุดเสียงหัวเราะแล้วกอดคนในอ้อมกอดไว้มั่น
คนในอ้อมกอดยกมือขึ้นโดยไม่รู้สึกตัว มือทั้งคู่โอบรอบลำคอเขา วินาทีถัดจากนั้น ข้างลำคอก็สัมผัสได้ถึงความแหลมคม ของแหลมนั้นแนบชิดลำคอ รู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นอย่างหนึ่งขึ้นมา
หนิงอวี้ออกแรงมือ ปิ่นปักผมทิ่มทะลุชั้นผิวหนัง มีเลือดไหลซึมออกมา มู่หรงเหยียนหายใจมั่นคงมิได้มีความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
มู่หรงเหยียนกลับกอดนางเอาไว้มั่นยิ่งขึ้น เขาพูดขึ้นเสียงเบา “ระวังหน่อย เดี๋ยวจะตกลงไป” ในน้ำเสียงนั้นคล้ายแฝงด้วยความสุขและความรู้สึกยินดี
“เจ้าระวังหัวเจ้าก่อนเถิด” ยังไม่ทันขาดคำ มือข้างที่กำปิ่นของหนิงอวี้ก็ถูกตรึงเอาไว้แต่มู่หรงเหยียนยังคงกอดนางเอาไว้ด้วยท่าทีสุขุมแน่นิ่ง
หนิงอวี้ช้อนตาขึ้นมองก็เห็นสาวใช้ยื่นมือออกมายื้อแขนตนเอาไว้ สาวใช้ที่อ่อนน้อมในวันก่อนๆ กลับเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ต่างกับหนิงอวี้ สาวใช้พละกำลังแข็งแกร่งอย่างมาก หนิงอวี้ขัดขืนอยู่นาน ในที่สุดปิ่นก็ถูกแย่งจากนางไป เมื่อปิ่นหลุดออกจากบาดแผล เลือดสดไหลหลั่งออกมาอย่างรวดเร็ว ต่างหยดซึมลงบนปกเสื้อสีดำกลายเป็นรอยชุ่มเป็นบริเวณ
“ในเมื่อข้าสังหารเจ้าไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ฆ่าข้าเสียสิ”
หนิงอวี้กำหมัดทั้งคู่แน่น มู่หรงเหยียนส่ายหน้าอย่างใจเย็น ครั้นแล้วก็ยื่นนิ้วออกไปทำสัญญาณมือให้เงียบ
หน้ากากเขียวเขี้ยวโง้ง ไร้ซึ่งอารมณ์ แต่หนิงอวี้สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าภายใต้หน้ากากนั้นคือรอยยิ้มอันน่าเกลียดน่ากลัว
“ฝ่าบาท บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวไม่ควรประมาท ปล่อยให้แม่นางปักปิ่น”
“ไปซะ โบยสามสิบไม้ นับแต่นี้ไปห้ามใครที่นี่ก็ตามปักปิ่นอีก”
“เพคะ”
สาวใช้ลุกขึ้นพลางก้มหน้า แล้วเดินออกจากห้องช้าๆ หนิงอวี้มองนางครู่หนึ่งก็พูดขึ้นเสียงเบา “เจ้าคิดจะทำอะไร”
“ได้ยินว่าเจ้าไม่กินอาหารมาทั้งวันเลยหรือ”
มู่หรงเหยียนไม่ตอบแต่ถามกลับ หนิงอวี้แค่นเสียงเยาะหนึ่งที “แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าหรือ”
หางตามู่หรงเหยียนโค้งยิ้ม เขาล้วงจดหมายออกมาสองสามฉบับ หนิงอวี้เห็นจดหมายเหล่านั้น ก็ประคองตัวลุกขึ้นนั่งโดยไม่รู้ตัว
“เข้ามา! เตรียมข้าวต้มและกับข้าว เอามาต้อนรับแม่นาง” จดหมายสองสามฉบับถูกเขย่า “หากเจ้าไม่กิน ข้าก็จะเผาสาสน์พวกนี้ทิ้ง”
หนิงอวี้ขบริมฝีปาก ครู่หนึ่งก็โพล่งออกมาหนึ่งคำว่า “ได้” นี่คือสิ่งเดียวที่นางคำนึงถึง นอกเหนือจากลูกในท้อง มู่หรงเหยียนผู้นี้ ช่างน่ารังเกียจยิ่งนั้น
หลังกินอาหาร หนิงอวี้ก็ชำเลืองตาขึ้น “คืนให้ข้า!” ดวงตามู่หรงเหยียนโค้งยิ้ม เขาส่ายหน้าแล้วเดินจากไป หนิงอวี้กำหมัดทั้งสองแน่น จ้องนิ่งไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างดุดัน เมื่อเงากายในชุดดำเดินจากไป ทันใดนั้นผนังก็สั่นขึ้นหนึ่งที ครั้นแล้วก็กลับไปนิ่งสงบดังเดิม
คนวิปลาศ เมื่อครู่นางตั้งใจยื้ออยู่อย่างอดทน มู่หรงเหยียนกลับรออยู่อย่างสงบนิ่ง ไม่ได้จัดการกับบาดแผลบนลำคอเลยแม้แต่น้อย เขาทำเพียงรอคอยอยู่อย่างอดทน
หนิงอวี้ไม่เข้าใจ หากต้องการใช้นางเพื่อบีบท่านอ๋อง ไยถึงต้องทำถึงเพียงนี้
‘ซากศพเขาถูกทหารราชวงศ์เหนือลากไป’ เสียงนั้นดังขึ้นฉับพลันในความคิด ราวกับจะระเบิดความคิดนางเสีย มู่หรงเหยียนเป็นใครกันแน่ เป็นไปไม่ได้! ท่านพี่ไม่มีทางลงมือกับท่านพ่อเป็นอันขาด