ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 259 หนิงเฝ่ย
ดึกดื่นค่ำมืด กลางตำหนักกลับมีแสงโคมไฟส่องสว่างไสว มู่หรงเหยียนสวมชุดคลุมยาวทั้งตัวเดินฝ่าความหนาวเข้าไปในห้อง สาวใช้คุกเข่าลงบนพื้นแล้วโขกหัว
“ถวายบังคมองค์ชายรอง กลางดึกแม่นางไข้ขึ้นสูงไม่ยอมลด ได้เชิญท่านหมอมาแล้วเพคะ”
“ท่านหมอว่าอย่างไร ใช้ยารักษาได้หรือไม่” มู่หรงเหยียนพูดไปพลางเดินเข้าไปยังห้องนอน บนเตียงนุ่มยกพื้นสูง หนิงอวี้นอนมุดอยู่กลางผ้าห่มนวมใบหน้าแดงก่ำ
“ท่านหมอบอกไม่เป็นอะไรมากเพคะ ดื่มยาไปแล้ว เหลือเพียงรอให้เหงื่อออกทั่วตัวเพื่อขับพิษไข้”
มู่หรงเหยียนรับคำแล้วโบกมือ สาวใช้ก้มหน้าแล้วงับประตูปิด
ท่ามกลางความเงียบงันครู่ใหญ่ หนิงอวี้พูดเสียงคลอเบาๆ ขึ้นหนึ่งเสียง “น้ำ” นางพึมพำหนึ่งคำแล้วพลิกกายมุดเข้ากลางผ้าห่มไป บนหน้าผากนางเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เส้นผมเกาะติดไปด้วยกัน
มู่หรงเหยียนรู้สึกปวดใจขึ้นมาเล็กน้อยอย่างยากจะอธิบาย เขารีบลุกขึ้นแล้วเดินไปยังข้างอ่างน้ำ เขาบิดผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งแล้วเช็ดแก้มนาง จนกระทั่งเห็นว่าสะอาดแล้วก็หันกายกลับ เขาเทน้ำหนึ่งจอก
“คนดี อ้าปาก”
หนิงอวี้ขมวดคิ้วแน่น ภายใต้ผ้าห่มนูนขึ้นไปมาหลายที่ เห็นได้ว่านางกำลังขยับกายไปมาวุ่นวาย มู่หรงเหยียนจนปัญญาจึงได้แต่โน้มกายลงใช้มือข้างหนึ่งง้างปากนางออก ส่วนมืออีกข้างถือจอกน้ำแล้วเทลงไป
ทันใดนั้นเอง หนิงอวี้ที่หลับตาในตอนแรกก็เบิกตาขึ้น มือที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มกลับไปอยู่บนหน้าเขา มู่หรงเหยียนนิ่งอึ้ง ตั้งใจจะดึงตัวหลบแต่ก็ไม่ทันการ
วินาทีถัดมา หนิงอวี้พยายามเปิดหน้ากากเขาออก ใบหน้าอันธรรมดาเรียบเฉยดวงหนึ่ง หนิงอวี้ในใจกลับรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจดี สายตาอันสงบนิ่งของมู่หรงเหยียน ริมฝีปากบางๆ เม้มอยู่
หนิงอวี้ขบฟัน หากไม่ใช่เขา ทำไมถึงมีเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลหลายจุดเช่นนี้ คิดมาถึงจุดนี้ หนิงอวี้ก็ยื่นมือออกไป แต่ถูกมู่หรงเหยียนคว้าเอาไว้หมับ
“แม่นางหนิง นี่คิดจะกลั่นแกล้งข้าหรือ”
หนิงอวี้แค่นเสียงเยาะ แล้วพลิกมือกุมข้อมือเขากลับ มืออีกข้างก็ยื่นไปยังหน้าของเขา
สีหน้าอันสงบนิ่งของมู่หรงเหยียนพลันทลายลง เมื่อเขาวางจอกลงก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บของหนิงอวี้ดังขึ้น ทันทีที่เผลอแบ่งความคิด หน้ากากหนังคนบนหน้าก็ถูกดึงลง
หนิงอวี้กุมหน้ากากหนังคนในมือแน่นแล้วโพล่งออกมาสองคำด้วยรอยยิ้มอันดุดันว่า “หนิงเฝ่ย” มู่หรงเหยียนเห็นนางไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงลุกขึ้นจัดระเบียบเสื้อผ้า
“ไยจึง…ฆ่าท่านพ่อ” ร่างที่กำลังแต่งตัวหันหลังให้นางอยู่นั้นพลันสะดุ้งนิ่ง หนิงอวี้โยนหน้ากากหนังคนในมือทิ้งกับพื้น แล้วถามต่อ “เหตุใดกัน ท่านพ่อไม่ดีต่อเจ้าตรงไหน ไยจึงฆ่าท่านได้”
“การตายของท่านพ่อ เจ้ามีส่วนร่วมหรือไม่”
มู่หรงเหยียนหันหลังให้นาง พยักหน้ารับช้าๆ
“วันนั้นข้าเห็นคนชุดดำถือดาบโค้งยืนข้างเจ้า…”
“เขาเป็นข้ารับใช้ของข้า”
ข้ารับใช้ของเขา ย่อมต้องฟังคำสั่งจากเขาอย่างแน่นอน หนิงอวี้ได้ยินเสียงอันสั่นเครือของตน “เช่นนั้น เจ้าก็ฆ่าท่านพ่อ”
มู่หรงเหยียนกำหมัดทั้งคู่แน่น มุมปากโค้งยิ้มเล็กน้อยอย่างจืดจางแล้วเดินจากไปโดยเร็ว
หนิงอวี้ยื่นมือไปกุมผ้านวมแน่นแล้วร้องไห้เสียงดัง ทำไมกัน สุดท้าย คนที่นางต้องการฆ่ากลับเป็นหนิงเฝ่ย หนิงอวี้เอนหลังไปบนหัวเตียง ฉับพลันก็รู้สึกอ่อนแรงขึ้นมา
หากไม่ได้เปิดหน้ากากออก นางคงสังหารเขาได้อย่างไม่วอกแวก วินาทีที่ตัดคอเขาลงมา ในใจคงมีแต่เพียงความสาแก่ใจเท่านั้น
แต่เรื่องมาถึงตอนนี้ นางควรทำอย่างไรต่อกันแน่ หนิงอวี้ร้องไห้จนสะอื้น มือทั้งคู่กอดอก หากท่านพ่อรู้ ท่านจะเสียใจมากเพียงใด
เขาพาหนิงเฝ่ยมาปรากฏต่อหน้านาง ลูบผมเขาด้วยรอยยิ้มอันอ่อนหวาน ท่านพ่อเคยบอกนางว่า ‘นับแต่นี้ไป เขาคือพี่ชายของเจ้า’
หนิงเฝ่ย เขาไม่เพียงเป็นพี่ชายของข้า แต่ยังเป็นศัตรูผู้สังหารบิดาของข้าด้วย หนิงอวี้น้ำตาไหลอาบแก้มลงไป ซึมลงบนสาบเสื้อ