ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 262 ไว้อาลัยเจ็ดวันแรก วันพระราชทานพระราชพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาท
- Home
- ยอดรักชายาอัปลักษณ์
- ตอนที่ 262 ไว้อาลัยเจ็ดวันแรก วันพระราชทานพระราชพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาท
สองสามวันนี้ มู่หรงเหยียนมาทุกวัน คอยถามเรื่องการกินของนาง เมื่อได้คำตอบก็ยืนดูอยู่ที่ประตูครู่หนึ่งแล้วหันกายเดินจากไป
หนิงอวี้ไม่เหลียวกลับ นางได้ยินเพียงเสียงที่ดังขึ้น ฟังจากเสียงฝีเท้าก็รู้ได้ว่าเขายืนอยู่นานพอดู
วันนี้ เป็นวันไว้อาลัยเจ็ดวันแรกของท่านพ่อ ตามประเพณีแล้ว วิญญาณผู้วายชนม์จะกลับคืนยังบ้าน หนิงอวี้ยืนขึ้นสีหน้าสงบนิ่ง นางเดินไปยังประตู สาวใช้คอยตามประกบโดยไม่กล่าวสิ่งใด
องครักษ์สองนายยื่นมือออกมาขวาง หนิงอวี้ชำเลืองขึ้นมองทั้งสองปราดหนึ่ง
“พวกเจ้าตามมาก็ได้ ข้าแค่อยากดูทิวทัศน์เท่านั้น”
“เอ่อ องค์ชายทรงรับสั่ง มิให้ท่านออกไปไหน”
“หากเจ้าไม่ยอมให้ข้าไป ข้าจะเอาหัวโขกฆ่าตัวตายเสีย”
หนิงอวี้พูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่อย่างเย็นชา
“ปล่อยให้ข้าออกไป เดี๋ยวข้าก็กลับมา”
องครักษ์สบตากัน สาวใช้มุ่นหัวคิ้ แล้วพูดขึ้นเสียงสูง “ไม่ได้นะ!” ทันทีที่สิ้นเสียง องครักษ์ทั้งสองก็หดมือกลับ
“ไยต้องตื่นเต้นนัก เจ้าวรยุทธ์เหนือกว่าข้า ซ้ำข้ายังได้รับบาดเจ็บ เคลื่อนไหวเชื่องช้า” หนิงอวี้ขยับเท้าก้าวข้ามธรณีประตูเดินไปอย่างใจเย็น “ตามข้ามา แค่คนเดียวพอ ข้าอยากอยู่เงียบๆ”
สาวใช้มุ่นหัวคิ้ว นางขยิบตาให้องครักษ์แล้วเดินตามหนิงอวี้ไป
ท่ามกลางความเงียบสงบ หนิงอวี้เดินไปตามโถงทางเดินยาวแล้วเลี้ยวเข้าไปในสวนดอกไม้ นางถามขึ้นเสียงเบาว่า “ทางไหนคือหนิงเปียน”
สาวใช้นิ่งอึ้ง ครั้นแล้วก็ยอบกายคำนับแล้วเดินนำทางไป
ผู้หนึ่งนำทาง ผู้หนึ่งเดินตาม ชุดกระโปรงยาวสีแดงสดของหนิงอวี้ เฉียดผ่านก้อนหินสีขาวไข่ห่านวาววับ นางก้มหน้าลง มองไปยังกระโปรงยาวปราดหนึ่งแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
บิดาตายไปแล้ว มู่หรงเหยียนกลับไม่ยอมให้นางสวมเสื้อผ้าปอหยาบไว้อาลัย เสื้อผ้าที่มอบให้ล้วนแต่เป็นสีแดง นี่เป็นครั้งแรกที่นางก็ทำหน้ารังเกียจขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เลี้ยวผ่านศาลาริมทาง ใต้ต้นไม้มีบ่าวหญิงสองนางกำลังเก็บกวาดใบไม้ ก้มหน้าพูดคุยกันอยู่
“ไยองค์ชายรองยังไม่เสด็จมาดูแม่นางนะ หรือทรงตัดพระทัยแล้ว ข้าว่านะ นางช่างดุดันนัก พอฝืนพูดได้ว่าเป็นหญิงงามอยู่หรอก แต่บนหน้ามีรอยแผลยาว ดูโหดเ**้ยมดุดันเสียจริง”
สาวใช้ย่นคิ้ว กดเสียงต่ำหมายจะกล่าวตำหนิ หนิงอวี้ยื่นมือไปห้ามเอาไว้
“เจ้าจะรู้อะไรกัน! วันนี้เป็นวันที่องค์ชายรอง…ไม่สิ…องค์รัชทายาทรับพระราชทานยศ ทรงยุ่งอย่างมาก จะให้เสด็จมาที่นี่ได้อย่างไรกัน”
“หุบปาก”
สาวใช้ตะโกนเอ็ดเสียงดัง บ่าวหญิงทั้งสองนางตกใจจนหน้าถอดสี ครั้นเห็นหนิงอวี้ผู้ซึ่งพวกนางเพิ่งนินทาว่าหน้าตาโหดเ**้ยมดุดัน ก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นอย่างลนลาน
“บ่าวปากพล่อย ขอแม่นางโปรดให้อภัยด้วยนะเจ้าคะ”
“เจ้าพูดถูกแล้ว ผิดเสียที่ไหนกัน”
หนิงอวี้ยิ้มตอบกลับอย่างเศร้าๆ
“นำทางข้าต่อ อย่าหยุด”
สาวใช้เผยสีหน้าลังเลแล้วขบฟันนำทางต่อ หนิงอวี้คอยตามหลังนาง อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา วันไว้อาลัยเจ็ดวันแรกของบิดา ตรงกับวันที่มู่หรงเหยียนได้รับแต่งตั้งยศเป็นรัชทายาท
มู่หรงเหยียนตัวดี หนิงเฝ่ยตัวดี น้ำตาไหลหยดลงบนหินสีขาวไข่ห่าน กลายเป็นรอยน้ำดวงหนึ่ง
สาวใช้เดินมาถึงที่แห่งนึ่งแล้วยอบกายคำนับ
“ที่นี่เจ้าค่ะ”
มุมหนึ่งของกำแพงที่ปิดล้อม มีก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งใต้ต้นเซียงจางต้นหนึ่ง หนิงอวี้เดินเข้าไปแล้วนั่งลงบนหินก้อนนั้น
ที่นี่ คือที่ซึ่งนางสามารถอยู่ใกล้หนิงเปียนที่สุด ได้ยินว่า เมื่อคนตายแล้ว วิญญาณจะกลับคืนสู่บ้านเกิด แต่นางกลับรู้สึกว่า วิญญาณบิดาน่าจะหวนคืนสู่หนิงเปียน
ที่นั่นคือสถานที่ซึ่งท่านได้พบมารดา สถานที่พบรัก และคือสถานที่สิ้นใจของมารดา สถานที่นางถือกำเนิดขึ้น ในวันนี้ ท่านคงกำลังจูงมือมารดา เดินไปบนกำแพงเมืองหนิงเปียน ทอดสายตามองทัศนียภาพกลางเมืองอยู่
หนิงอวี้ครุ่นคิดสีหน้านิ่งเฉย น้ำตากลับค่อยๆ ไหลหลั่งออกจากหางตา นางยกมือใช้ท้องนิ้วปาดน้ำตาหนึ่งทีแล้วมองนิ่งไปยังของเหลวใสนั้น
ท่านพ่อจะรู้หรือไม่ว่านางตกอยู่ในอุ้งมือหนิงเฝ่ย รู้หรือไม่ว่าเขาถูกแต่งตั้งเป็นถึงองค์รัชทายาท รู้หรือไม่ว่าเขานั่นเองที่เป็นผู้สังหารท่าน…
ท่านจะทำอย่างไร ข้าควรทำอย่างไร หนิงอวี้ยกมือทั้งคู่ขึ้นปิดหน้า หากวิญญาณท่านอยู่บนสวรรค์ ได้โปรดบอกข้าทีเถิด