ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 264
ปล่อยข้าเถอะ!
ชายวัยกลางคนสองเคราสีขาวดอกเลากำลังโบกมือด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน หนิงอวี้นิ่งอึ้ง ครั้นแล้วก็ดีใจจนแทบคลั่ง นางรีบเดินเข้ากลับเหลือเพียงความว่างเปล่า
“ท่านพ่อ?”
หนิงอวี้มองมือทั้งคู่ของตนอย่างเหม่อลอย หนิงจื้อหย่วนยิ้มดูเมตตาอยู่ไกลๆ
“อวี้เอ๋อร์ เจ้าฟังพ่อนะ”
“ไม่ต้องออกตามสืบเรื่องหนิงเฝ่ยแล้ว คอยใช้ชีวิตอยู่กับท่านอ๋องให้ดีเถิด”
หนิงอวี้พยักหน้าพลางร้องไห้ เงาร่างสีขาวนั้นค่อยลอยจากออกไป
“ท่านพ่อ อย่าไปนะเจ้าคะ!”
หนิงอวี้กรีดร้องหนึ่งเสียงแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นก็พบว่าหน้าผากตนเต็มไปด้วยเหงื่อ บนหน้าอกรู้สึกเจ็บหน่วงอยู่ลึกๆ
แสงเทียนถูกจุดขึ้น สาวใช้ยืนอยู่ข้างเตียง หนิงอวี้หันกายเข้าหาผนังเงียบๆ ท่านพ่อมาเข้าฝันนางหรือ หรือท่านพ่อจะกลับมาจริงๆ ไม่…เป็นไปไม่ได้ คำพูดนั้น! ท่านพ่อเคยพูดก่อนจากไป
ตอนนั้นนางตกตะลึงจนทำตัวไม่ถูกจึงไม่ได้ฟัง เอาแต่ร่ำไห้คร่ำครวญ ทั้งที่บิดาบอกกับนางไม่ให้ตามสืบเรื่องพี่ชาย คิดดูแล้วท่านคงจะรู้…ว่าท่านพี่คือมู่หรงเหยียน ผู้ซึ่งเป็นเหตุให้ท่านต้องตายโดยอ้อม
——
“เมื่อวานแม่นางอารมณ์แปรปรวนรุนแรง จึงสิ้นสติไป กระหม่อมสั่งยาให้สงบอารมณ์แล้ว แต่ยานั้นมีพิษอยู่สามส่วน อย่างไรแม่นางก็ยังต้องพักผ่อนสงบจิตใจพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงเหยียนได้ฟังก็พยักหน้า สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างก้าวเข้ามาแล้วยื่นเงินให้กับหมอแท่งหนึ่ง หมอคุกเข่ากับพื้นกล่าวขอบคุณแล้วแบกกล่องยาจากไป
เสียงฝีเท้าดังไกลออกไป เสียงปิดประตูดังขึ้น ภายในห้องตกสู่ความเงียบงันอีกครั้ง มู่หรงเหยียนยืนเหม่ออยู่ชั่วครู่ แล้วผินกายตั้งใจจะเดินจากไปก็ได้ยินหนิงอวี้พูดขึ้นว่า “หนิงเฝ่ย”
มู่หรงเหยียนหยุดฝีเท้า แผ่นหลังสะดุ้งเหยียดตรงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าเหลียวกลับไปมอง
หนิงอวี้ยกถ้วยยาที่อยู่ด้านข้างขึ้นแล้วเป่าลมลงไปอย่างใจเย็น ไอขาวถูกเป่ากระจายไปเผยให้เห็นน้ำยาสีดำ
“เจ้าจำได้หรือไม่ ว่าเจ้าเคยบอกว่าจะคุ้มครองข้าชั่วชีวิต ไม่ให้ใครอื่นมารังแกข้าได้”
“จำได้สิ”
“เจ้ายังจำได้ไหมว่า เจ้าเคยบอกว่าหวังให้ข้ามีความสุขไร้ทุกข์กังวลชั่วชีวิต ไม่ต้องทุกข์ร้อนด้วยเรื่องอันใด”
มู่หรงเหยียนคะเนได้ว่านางต้องการจะพูดสิ่งใด เสียงในลำคอจึงเริ่มแหบพร่าขึ้นเล็กน้อย “จำได้สิ”
หนิงอวี้หลับตาทั้งคู่ลงช้าๆ แล้วดื่มน้ำยานั้นจนหมดในอึกเดียว ทั่วปากเต็มไปด้วยรสขมฝาด ทำให้นางรู้สึกคลื่นไส้ นางกลืนยาลงไปสีหน้านิ่งเฉยแล้วพูดขึ้นเสียงเบาด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า “ปล่อยข้าไปเถอะ”
มู่หรงเหยียนหันกายกลับ จ้องตรงมายังนางแล้วปฏิเสธกลับอย่างไม่ลังเล “ไม่ได้”
หนิงอวี้ลืมตาทั้งคู่ขึ้นโดยพลันแล้วถามด้วยเสียงอันเบา “ข้าไม่เอาความเรื่องการตายของท่านพ่อแล้ว ไยเจ้าจึงดึงรั้งไม่ยอมวางมือเสียที”
เมื่อคืนนางนอนพลิกตัวไปมาอยู่นาน นางพบว่าท่านพ่อรู้แจ้งแต่แรกแล้ว วิทยายุทธ์ของหนิงเฝ่ยเป็นเขาที่สั่งสอน ท่านปะมือกับเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ทุกคำพูดของบิดาล้วนแต่สื่อว่าไม่ต้องไปตามหาเขา
อีกคำพูดหนึ่งของท่านพ่อก่อนสิ้นใจคือให้นางใช้ชีวิตร่วมกับท่านอ๋องด้วยดี นางคิด สิ่งที่นางทำได้คงมีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น
ท่านพ่อมักจะกังวลให้นางเป็นฝั่งเป็นฝา หากนางสามารถร่วมเรียงเคียงข้างกับท่านอ๋อง บิดาที่ปรภพคงตายตาหลับ
นางไม่กล้าที่จะตามเอาเรื่องและไม่อยากติดตามแล้ว หวังเพียงให้เขาปล่อยให้นางจากไปเท่านั้น เห็นแก่ความผูกพันในอดีต ให้ทั้งสองฝ่ายได้มีทางหนีทีไล่ของตน เขาจะไม่ยินยอมเชียวหรือ
“ข้าไม่รู้”
หนิงอวี้ย่นคิ้วชำเลืองขึ้น ก็สบเข้ากับรอยยิ้มเจื่อนบนมุมปากของมู่หรงเหยียนเข้าพอดี
“ต่อให้เห็นแก่ความผูกพันในอดีต เจ้าก็ไม่ยอมปล่อยข้าไปเลยเชียวหรือ”
หนิงอวี้พูดเสียงเบา มือข้างที่ยกถ้วยยานั้นสั่นเทาอย่างห้ามมิได้
มู่หรงเหยียนส่ายหน้าช้าๆ อย่างหนักแน่น หนิงอวี้หัวเราะออกมาด้วยความโกรธแล้วพลิกมือปาถ้วยยากระแทกพื้น
มู่หรงเหยียนเห็นท่าทีโกรธเกรี้ยวของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะอยากเข้าไปปลอบประโลม ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็หันกายกลับช้าๆ ขอโทษนะ ข้าปล่อยเจ้าไปไม่ได้ หากปล่อยเจ้าจากไป ใครจะช่วยให้ข้าหลุดพ้นเล่า