ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 265
กรุ๊งกริ๊ง ได้รับเชิงเทียนหนึ่งอัน!
ท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงห้องหนังสือที่แสงเทียนจุดสว่าง มั่วหลียืนอยู่ด้านข้างอยู่นาน ได้ยินเสียงเคาะบอกเวลาล่วงเลยยามสามมานานแล้ว ท่านอ๋องกลับไม่คิดจะหยุดพักแม้แต่น้อย จึงกระซิบขึ้นว่า “ท่านอ๋อง พักผ่อนหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
พู่กันขนเพียงพอนในมือเว่ยหยวนหยุดลง ครั้นแล้วก็เขียนต่ออย่างคล่องแคล่ว
“ให้เจ้าหาบ้าน เตรียมไว้พร้อมแล้วหรือ”
“ทูลท่านอ๋อง ทั้งหมดเตรียมพร้อมเหมาะสมแล้ว อีกไม่กี่วันก็สามารถเชิญนายหญิงซีเย่ว์เข้าพักได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยหยวนพยักหน้ารับ มั่วหลีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นเสียงเบาว่า “ท่านอ๋อง ไยจึงเชิญให้นายหญิงซีเย่ว์ไปจากที่นี่หรือพ่ะย่ะค่ะ ให้อยู่ที่ตำหนักอ๋องคอยช่วยธุระ ไม่สะดวกกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“อวี้เอ๋อร์ไม่ชอบ” เว่ยหยวนวางพู่กันลง ครั้นแล้วก็พับหนังสือราชการเก็บ แล้วหยิบหนังสือราชการอีกฉบับออกมาจากกองที่พะเนินราวกับภูเขาลูกเล็กๆ แล้วตรวจงานต่อ
ประตูถูกแง้มเปิดช้าๆ สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดเข้าสู่ในห้อง ม่านไม้ไผ่ไหวเบาๆ เงาดำร่างหนึ่งปิดบังประตูจนมิด เขาผู้นั้นรีบเดินเข้ามาแล้วคุกเข่าลงบนพื้น
“ทูลท่านอ๋อง ห้องหนังสือตำหนักหลิงอ๋องไฟไหม้พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยหยวนย่นคิ้ว ครั้นแล้วก็โบกมือเป็นสัญญาณให้ถอยออกไป
ไม่เป็นอะไร อย่างไรก็มีเงื่อนงำอยู่เล็กน้อย แต่เงื่อนงำอันเล็กน้อยนี้ ตามสืบต่อคงสิ้นเปลืองกำลังไม่น้อย ตอนนี้ได้จังหวะล้มเว่ยหลิง เดิมทีควรวางตัวสุขุมนิ่งแต่เขากลับอดไม่ได้ที่จะร้อนรนใจ
“มั่วหลี สายสืบที่ลอบแฝงตัวอยู่ในราชวงศ์เหนือ เมื่อไหร่จะส่งข่าวมา”
“ภายในสามวันพ่ะย่ะค่ะ”
——
ในห้องรกกระจัดกระจาย บนพรมหนังเสือขาวคือหมอนที่ถูกย่ำเป็นรอยสองสามแห่ง ทุกมุมบนผ้าห่มแพรล้วนเต็มไปด้วยจอกน้ำกระจายอยู่
แผ่นกระดาษที่ติดบนผนัง ลายอักษรบนนั้นล้วนถูกฉีกออกเป็นสองส่วน เสาที่สลักเป็นรูปมังกรคู่หงส์ก็ถูกกระแทกด้วยเชิงเทียนจนเป็นรอยเว้าแหว่ง ดูน่าสังเวชใจยิ่งนัก
หนิงอวี้นั่งอยู่ท่ามกลางห้องที่รกกระจัดกระจายสีหน้าไร้อารมณ์ ด้านข้างมีสาวใช้นับไม่ถ้วนนั่งคุกเข่าอยู่ แต่ละนางก้มหน้าก้มตาตัวสั่นระริก
“แม่นาง องค์รัชทายาททรงให้คนนำสาสน์มาส่งเจ้าค่ะ”
หนิงอวี้ช้อนตาขึ้นอย่างไม่รีบร้อน แววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
ถาดรองถูกสาวใช้ยื่นเข้ามาเบื้องหน้า จดหมายอันคุ้นตา นั่นคือจดหมายที่เว่ยหยวนเขียนให้นางนั่นเอง! เมื่อหนิงอวี้ยื่นมือออกไปคว้าจดหมายนั้นไว้ในมือแล้ว ถึงยอมเชื่อว่ามู่หรงเหยียนคืนจดหมายให้นาง
“องค์รัชทายาททรงรับสั่ง ฤดูใบไม้ผลิอากาศเย็นสบาย เหมาะที่จะออกไปเดินเล่น นับแต่นี้ไป แม่นางสามารถเดินเล่นในลานได้ตามใจชอบเจ้าค่ะ”
“องค์รัชทายาทยังทรงรับสั่ง หวังให้ท่านจะรักษาสุขภาพให้ดีด้วยเจ้าค่ะ”
มือหนิงอวี้ที่บีบจดหมายอยู่ อดไม่ได้ที่จะสั่นระริก มุมปากนางกลับโค้งยิ้มอย่างเยือกเย็นหนึ่งที สาวใช้ลุกขึ้นยืน แล้วกลับนั่งคุกเข่าลงท่ามกลางหมู่สาวใช้
หนิงอวี้เปิดจดหมายออก แล้วเปิดอ่านอย่างละเอียดรอบหนึ่ง เมื่อเห็นคำพูดที่คุ้นเคยนั้น สีหน้าจึงค่อยผ่อนลง
ท่านอ๋องคงกำลังร้อนใจ…ก่อนที่นางจะเดินเข้าสู่สนามรบ นางปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวต่อคำแนะนำที่ให้นางไปจากที่นั่น หากท่านอ๋องทราบต้องพิโรธดั่งอสุนีบาตเป็นแน่ หนิงอวี้คิดมาถึงจุดนี้ ก็รู้สึกหวั่นใจอย่างเลี่ยงมิได้
ไม่เป็นอะไร ทำผิดไม่เกินสามครั้ง นางเพิ่งทำผิดครั้งที่สาม ต่อให้ท่านอ๋องโกรธ ก็คงตัดใจลงโทษไม่ลง
หนิงอวี้มือหนึ่งกำจดหมาย อีกมือลูบไปบนท้องน้อยๆ เจ้าเด็กบ้าเอ๋ย เจ้ารอก่อนนะ แม่รับรอง ว่าเจ้าจะได้พบท่านพ่อในเร็ววัน
ได้เดินเล่นกลางลาน คงต้องใช้โอกาสนี้ให้ดี เพียงแต่ว่าตอนนี้ เหมือนจะยังไม่มีอาวุธติดมือ หนิงอวี้เหลียวมองไปรอบห้อง ทันใดนั้นก็พบเข้ากับเชิงเทียน หลังจากดึงเทียนออกก็คงเป็นอาวุธที่ไม่เลวนักอันหนึ่ง
หนิงอวี้ยกมือขึ้นลูบหน้าผาก ขมวดคิ้วเล็กน้อย สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างเดินเข้ามา
“แม่นาง พักสักครู่เถิดเจ้าค่ะ”
หนิงอวี้พยักหน้ารับ ในขณะที่เดินอยู่นั้นนางก็เตะสองทีไปยังเชิงเทียนจนมันล้มลงข้างเตียง ครั้นแล้วนางก็เอนกายลงบนเตียง ชายกระโปรงยาวมีผ้าซ้อนสลับหลายชั้นจึงปิดบังเชิงเทียนเอาไว้จนมิด
เหล่าสาวใช้เริ่มจัดการข้าวของที่ระเกะระกะ หยิบข้าวของต่างๆ แล้วเดินออกประตูไปอย่างเงียบเชียบ หนิงอวี้เห็นประตูถูกปิดลงก็รีบลุกขึ้นนั่งอย่างรีบร้อน นางเก็บเชิงเทียนขึ้นมาแล้วซุกมันลงใต้เตียง
เมื่อจัดการทุกอย่างครบ หนิงอวี้ก็พับจดหมายอย่างเป็นระเบียบแล้วสอดลงใต้หมอนนอนหลับไปอย่างสบายใจ