ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 281 ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี / ตอนที่ 282 เหี้ยมหาญเด็ดเดี่ยว
- Home
- ยอดรักชายาอัปลักษณ์
- ตอนที่ 281 ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี / ตอนที่ 282 เหี้ยมหาญเด็ดเดี่ยว
ตอนที่ 281 ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี
เว่ยหยวนกรอกสุราลงในพระศอฮ่องเต้ ใบหน้าเขาเลือดเย็นอย่างมาก แม้กระทั่งการลงมือเช่นนี้ มือเขากลับมิได้สั่นเทาแม้แต่น้อย
สุราหยดสุดท้ายหยดลงพระศอ เว่ยหยวนปล่อยมือแล้ววางจอกลงบนถาดรองบุผ้าสีแดง เขายื่นมือไปหยิบผ้าไหมสีเหลืองทองผืนหนึ่งขึ้นมาเช็ดมือ
“ลูกทรพี! สมกับเป็นลูกนางคนชั้นต่ำนั้นจริงๆ กล้าคิดสังหารบิดา! เราจะฆ่าเจ้า หลิงเอ๋อร์! หลิงเอ๋อร์จะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
“ข้าราชสำนักและไพร่ฟ้าทั้งหลายจะค้นพบ! เจ้ามันก็แค่คนชั้นต่ำโดยแท้ คู่ควรเพียงแค่ความฉาวโฉ่ชั่วหมื่นปี ความโสมมของเจ้าจะถูกบันทึกลงพงศาวดาร”
ฮ่องเต้ทรงซวดเซล้มลงกับพื้นแล้วรีบร้อนลุกขึ้นประทับนั่งสองพระหัตถ์กุมพระโอษฐ์แผดพระสุรเสียงกร่นด่า พระเกศายุ่งเหยิง เครื่องทรงไม่เป็นระเบียบ ดูราวกับทรงวิปลาส
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยหยวนย่อเข่าลงนั่งระดับเดียวกันกับสายตาองค์ฮ่องเต้แล้วอธิบายอย่างอดทน
“พรุ่งนี้ก็จะมีข่าวออกไปว่า เรื่องของเว่ยหลิงขายชาติถูกเปิดโปง เขาแหกคุกออกมาวางยาปลงพระชนม์พระราชบิดา”
“จิ่นอ๋องทราบข่าวจึงตามมาช่วยแต่ไม่ทันการ พบเพียงพระบรมศพองค์ฮ่องเต้ หลิงอ๋องหลบหนี ถูกสังหารระหว่างตามจับ สำหรับมูลเหตุที่ลอบวางยาพระองค์นั้น เพราะว่าเขาเป็นผู้สืบสันติวงศ์แห่งราชวงศ์เหนือ”
“เจ้า!”
ทันทีที่ฮ่องเต้ทรงรับสั่งจบ พระโลหิตก็กระอักขึ้นกลบพระโอษฐ์ เว่ยหยวนไม่หลบ ปล่อยให้เลือดสดสาดกระทบลงบนหน้าเขา
“เรา…จะ…สาป…แช่ง…เจ้า”
“มิเป็นไรพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยหยวนเช็ดเลือดบนหน้าอย่างใจเย็น “ลืมกราบทูลพระองค์อีกเรื่อง เว่ยอวิ้น เป็นข้าเองที่สังหาร มันล่วงเกินหนิงอวี้ กระหม่อมจึงได้แต่ลงมือส่งมันไปปรโลก”
ฮ่องเต้พระเนตรค้าง ไม่สามารถรับสั่งออกมาได้แม้เพียงประโยคเดียว หัวหน้าขันทีที่อยู่ด้านข้างโค้งคำนับ พยายามหดร่างกายอันอวบอ้วนของต้นให้เล็กลง เพื่อทำตัวเหมือนไม่อยู่ที่นั้น
แต่โบราณ จักรพรรดิทุกประองค์ที่ขึ้นครองราชย์ ล้วนแต่เหยียบบนหนทางที่เต็มไปด้วยเลือด ฮ่องเต้ ไม่สิ ไท่ซ่างหวง[1]เองก็พระหัตถ์เลอะด้วยเลือดพระเชษฐาพระอนุชานับไม่ถ้วน แต่เขาคิดไม่ถึงว่า จิ่นอ๋อง ไม่สิ ฮ่องเต้จะทรงโหดเ**้ยมเพียงนี้ พี่น้องและบิดาล้วนไม่ไว้ชีวิตสักคน
ราชวงศ์ใต้ กำลังจะมีจักรพรรดิผู้แข็งแกร่ง เขาโค้งคำนับแล้วคุกเข่าลงกับพื้นมอบทุกสิ่งถวายด้วยท่าที่อ่อนน้อมจริงใจ
เว่ยหยวนเช็ดเลือดออกจนสะอาดแล้วสบเข้ากับสายตาชายผู้สติเลือนรางแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “นางชื่อหลีเกอ นางมอบทุกสิ่งให้กับท่าน”
“นางเติบโตจากกระท่อมน้อยตีนเขาสำนักชี ปลูกผักหาฟืน จนวันหนึ่ง นางก็ได้พบชายผู้หนึ่ง แล้วมอบทั้งดวงใจให้เขา มอบให้แม้ชีวิต”
ฮ่องเต้ทรงสติเลื่อนลอย ภาพหญิงสาวผู้นั้นปรากฏขึ้นในความคิดอย่างเรือนลาง บนร่างหญิงสาวมีกลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้ คอยยิ้มอ่อนหวานมายังเขาเสมอ
“นางไม่สนคำทัดทานของซือไท่ ยืนยันที่จะตามเขาผู้นั้นเข้าวัง หมายจะอยู่เคียงข้างกับเขา น่าเสียดาย นับจากปีที่นางให้กำเนิดทารกเป็นต้นมา นางก็ไม่เป็นที่โปรดปราน ไม่สิ หมดความแปลกใหม่แล้ว”
“ข้าจำได้ ในวันอันหนาวเหน็บนั้น ข้าเดินเข้าไปในตำหนัก ฟ้ายังไม่ทันสาง พระจันทร์มีเพียงครึ่งเสี้ยว นางส่งยิ้มมายังข้าแล้วรีบเดินไปยังปากบ่อ แล้วจากนั้น…ก็ไม่ลืมตาขึ้นมาอีกเลย”
เว่ยหยวนพูดจบคำพูดนั้น ก็ลุกขึ้นช้าๆ แล้วเดินออกนอกท้องพระโรง สายลมพัดเข้าปะทะ คราบเลือดที่ถูกเช็ดออกเหลือเป็นคราบจุดบนใบหน้าเขาเริ่มแข็งตัว ดูราวกับรอยไฟประทับไหม้
“ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี”
เว่ยหยวนยืนอยู่หน้าท้องพระโรง มองไปยังท้องฟ้าสีเทาสลัว เขาในชุดผ้าบางสีขาว สายลมพัดอย่างรุนแรง ริมฝีปากอันบางของเขาเม้มแน่น มีรอยเลือดสามทาง ดูราวกับเป็นอสูรจากนรก ทั้งยังเหมือนผีที่หวนคืนจากความตาย
เว่ยหยวนเลื่อนสายตากลับแล้วพูดด้วยเสียงอันเบาราวกับเสียงยุง “ไม่เป็นอะไร ข้าไม่กลัวว่าจะถูกครหานับหมื่นปี ถูกฟ้าดินประณามด่า ข้าล้วนแต่ไม่ใส่ใจ”
“ข้ากลัวแต่เพียงยามที่เจ้าลำบากแล้วข้ามิได้อยู่เคียงข้าง ข้ากลัวเพียงฝันร้ายจะปรากฏซ้ำ เพราะข้ารั้งมือท่านแม่ไว้ไม่อยู่ ข้าเพียงแค่กลัวว่าบนโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ข้าจะไม่มีตัวตน”
เสียงนกร้องเสียงแรกแห่งวันดังขึ้น เว่ยหยวนปรับสีหน้าแล้วหันกายเดินไปตามโถงทางเดินที่ยืดยาวจากไป
ตอนที่ 282 เ**้ยมหาญเด็ดเดี่ยว
“ฝ่าบาท ไยพระองค์จึง…เฮ้อ!”
“ฝ่าบาท…ฮือๆๆ”
“เจ้าเว่ยหลิงน่าชัง ช่างกล้าลงมือกับฝ่าบาทได้”
เว่ยหยวนคุกเข่าลงบนเบาะอ่อนสีหน้าเรียบ ฟังเสียงเหล่าขุนนางผู้ใหญ่เหล่านั้นเสแสร้งร้องไห้คร่ำครวญ ก็อดมิได้ที่จะรู้สึกรำคาญใจ
“ฝ่าบาท เว่ยหยวน ต้องเป็นเจ้าที่คิดชั่วเป็นแน่!”
พระสนมกุ้ยเฟยเผ้าผมรุงรังบุกเข้ามากลางโถง ชี้นิ้วร้องด่าเว่ยหยวนเสียงดัง
เสียงร่ำไห้ทั้งโถงเงียบลงโดยฉับพลัน เว่ยหยวนลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าสงบนิ่ง แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “อย่าได้ก่อเรื่องวุ่นวายไม่เลิก เว่ยหลิงคิดชั่วลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้แล้วหลบหนี เห็นแก่ท่านตำแหน่งเป็นถึงพระสนมกุ้ยเฟย จึงได้ปฏิบัติด้วยมารยาท มอบผ้าขาวยาวสามศอกให้ท่านทำอัตวินิบาตกรรม”
“เจ้ามีหลักฐานอะไร!”
มือทั้งคู่ของพระสนมกุ้ยเฟยถูกคนตรึงเอาไว้ ปิ่นบนศีรษะร่วงลงกับพื้น แต่นางยังคงตะโกนร้องอย่างคลุ้มคลั่ง
“ทหาร ยังไม่ลากนางออกไปอีก จะได้มิรบกวนความสงบของฮ่องเต้!”
หัวหน้าขุนนางกรีดนิ้วก้อยบีบเสียงแหลมพูดออกมา องรักษ์นิ่งอึ้งครั้นแล้วก็ลากนางออกไป พระสนมกุ้ยเฟยพยายามดิ้นกระเสือกกระสนสุดกำลัง แต่กลับถูกลากไปตามทาง
เว่ยหยวนมองนางถูกลากไปสีหน้าเรียบ แล้วหันมากวาดสายตาไปยังพระโกศไม้อันสวยงามหรูหราปราดหนึ่งอย่างสงบนิ่ง เห็นไหมเล่า ที่ท่านคิดว่าสายเลือดสูงส่งนั้น ท้ายที่สุดก็ไม่ต่างกับสุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น คลานหมอบใต้เท้าข้าแล้วตายไป
ผู้คนมองตากันไปมา ครั้นแล้วก็ร้องไห้คร่ำครวญต่อ ละครฉากนี้ทุกคนล้วนแต่รู้แก่ใจดี บางทีที่พระสนมกุ้ยเฟยกล่าวอาจเป็นความเท็จ ที่หัวหน้าขันทีพูดบางทีอาจเป็นความจริง
เรื่องราวต่างๆ ผู้คนล้วนมีตราชั่งในใจ ก็แค่จิ่นอ๋องได้ครองใต้หล้าแต่เพียงผู้เดียว ส่วนหลิงอ๋องก็หนีโทษกบฏ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพูดเท่านั้น
เช้านี้ เชื้อสายฝ่ายมารดาของพระสนมกุ้ยเฟยถูกล้างตระกูล ซากศพเกลื่อนไปทั่วสารทิศ ไฟลุกโหมโชติช่วง ไฟไหม้อยู่สองชั่วยาม กลางเมืองหลวงไม่มีทหารขุนนางผู้ใดออกมาตรวดตรา
จิ่นอ๋องทำการเ**้ยมหาญเด็ดเดี่ยว ทำให้ผู้คนไม่กล้าโกรธเคือง ไม่กล้าพูดกล่าว ต่อให้มีความสงสัยนับร้อยพันอยากถาม ก็ได้แต่เก็บเอาไว้ลึกๆ ในใจ
“ใต้เท้าทุกท่าน” หัวหน้าขันทีสะบัดแส้ในมือ “เอ่อ บ้านเมืองมิอาจไร้กษัตริย์แม้วันเดียว แม้ฮ่องเต้จะสวรรคตแล้ว แต่ก่อนสิ้นพระชนม์ได้มีพระราชโองการโดยพระโอษฐ์ ให้จิ่นอ๋องสืบทอดบัลลังก์”
“ใช่ กงกงคิดรอบคอบ จิ่นอ๋องช่วยเหลือพระองค์มีความชอบ สวรรค์ทรงเลือกแล้ว”
“จิ่นอ๋องเพียบพร้อมทั้งบุ๋นและบู๊ ไม่มีใครอื่นให้เลือกอีกแล้ว”
“เจ้าพวกมันเศษสวะขาดเขลาไร้ความสามารถ!”
เสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น ทำลายความสันติจอมปลอมนั้นลง
เว่ยหยวนชำเลืองขึ้นมองแล้วแค่นเสียงออกจมูกหนึ่งที ขุนนางผู้ใหญ่คนนั้นตะโกนเสร็จก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป วันต่อมา ตอนที่ขุนนางคนนั้นเดินออกไปข้างนอก ก็ถูกรถม้าชนเข้าโดยบังเอิญ สิ้นใจอยู่กลางถนน
——
“ท่านอ๋อง ไยบอกว่าท่านไปช่วยฮ่องเต้ เช่นนี้ ยิ่งไม่ทำให้ผู้คนสงสัยหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
มั่วหลียื่นรายงานลับมอบให้ คำถามที่เก็บไว้อยู่นานในที่สุดก็ถูกถามออกมา
“ข้าจงใจ”
เว่ยหยวนพลิกรายงานลับเปิด บนจดหมายแจ้งว่าพวกเขาใช้ผลประโยชน์บีบบังคับหมอผู้นั้น จึงได้รู้ว่าหญิงสาวลึกลับผู้นั้นตั้งครรภ์พร้อมกันนั้นบนตัวยังบาดเจ็บหนัก บนแก้มซ้ายนางมีรอยแผลยาวรอยหนึ่ง ร่างกายผ่ายผอม
เว่ยหยวนคิดเหม่อไปยังร่างอันผ่ายผอมนั้นครู่ใหญ่ ครั้นแล้วก็ยิ้มเศร้า หากนางรู้ความจริงต้องเสียใจเป็นแน่
“จงใจ! ท่านอ๋อง ท่านรู้หรือไม่…”
“เว่ยหลิงเป็นอย่างไรบ้าง” เว่ยหยวนตัดบทมั่วหลีแล้วพับรายงานลับ “จับเขาได้แล้วหรือ”
มั่วหลีเห็นจิตสังหารที่พลุ่งพล่านในดวงตาของท่านอ๋องอย่างชัดเจน จึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นอย่างร้อนรน
“ข้าน้อยทำงานไร้ความสามารถ เมื่อคืนตอนที่นำคนไปคุมตัวนั้นเขาแอบลอบหนีไปได้ ข้าน้อยได้ส่งคนออกตามจับแล้ว ทว่า…”
เว่ยหยวนขมวดคิ้ว เขายื่นมือไปขัดสีหยกประดับบนเอว สะกดความโกรธเอาไว้ ครั้งนี้เว่ยหลิงเจ็บหนัก คงต้องหนีไปไกลแล้วคิดวางแผนล้างแค้น การมีอยู่ของเขา เป็นเหมือนกับระเบิดเวลาลูกหนึ่ง
อีกทั้ง อวี้เอ๋อร์ยังเคยรักเขา เว่ยหยวนขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น มั่วหลีชำเลืองขึ้นมองเขาปราดหนึ่งแล้วพูดขึ้นเสียงเบาว่า “ทว่าเขาข้ามแม่น้ำหนีไป ข้าน้อยส่งคนออกไปติดตาม ทั้งยังกระจายประกาศตามจับ ขอท่านอ๋องโปรดวางใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
——
[1] ไท่ซั่งหวง เป็นตำแหน่งของฮ่องเต้ผู้สละราชสมบัติให้ผู้สืบสันตติวงศ์แล้ว