ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 283 ทหารร่วมรบ / ตอนที่ 284 รักแท้ เคียงข้างกันจนวันตาย
ตอนที่ 283 ทหารร่วมรบ
“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ ฮ่องเต้ราชวงศ์ใต้สิ้นพระชนม์ หลิงอ๋องหนีโทษกบฏ จิ่นอ๋องกำลังจะขึ้นครองราชย์!” ชายชุดดำคุกเข่ากับพื้น “หากเขารู้ข่าว คงต้อง…ไม่สู้ใช้นางเป็นหมาก แลกเอาผลประโยชน์ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงเหยียนหุบม้วนภาพวาดอันงามประทับใจลงอย่างใจเย็น เลื่อนสายตาลงมองเขาปราดหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ ก็เห็นแผนการร้ายในแววตาเขาได้อย่างชัดเจน
เมื่อนึกถึงการตายของบิดาบุญธรรม เมื่อนึกถึงความพยาบาทที่หนิงอวี้มีต่อตน ก็ทำให้ดวงใจเขาเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มอย่างมิอาจคณา แต่เขาก็ได้เพียงอดกลั้นเอาไว้
“ข้า ห้ามเจ้าแตะต้องนาง”
สองมือคนชุดดำวางบนพื้น ก้มศีรษะหมอบ เขาตะโกนดังว่า “องค์ชาย กระหม่อมทำเพื่อพระองค์เท่านั้น”
“พระคุณขององค์ชายที่ช่วยชีวิต ข้าน้อยชั่วชีวิตมิอาจทดแทน ทำได้แค่บุกน้ำลุยไฟ ต่อให้ตายก็ไม่ถอย คอยกำจัดอุปสรรคเพื่อพระองค์”
รอยโค้งยิ้มบนมุมปากของมู่หรงเหยียนตกลง เขามองคนผู้นั้น ไม่รู้ว่าควรดีใจกับความจงรักภักดีของเขา หรือโกรธกับการตัดสินใจโดยพลการของเขาดี
โกวเย่ว์ตัดสินใจโดยพลการ ฟันเข่าบิดาบุญธรรมจนขาด แอบเสริมไฟให้เหตุการณ์ ทำให้เขาต้องออกไปขัดขวางหนิงอวี้หาสมุนไพร มู่หรงเหยียนแอบสั่งลงโทษโบยเขาแปดสิบไม้ โบยเขาจนเลือดอาบ ความโกรธจึงคลายลงเล็กน้อย เขาหลงคิดไปว่าโกวเย่ว์จะรู้จักจำขึ้นบ้าง คิดไม่ถึงว่าเขาจะรับโทษแล้วก็ลืมไปเสีย
มู่หรงเหยียนลุกขึ้นยืนแล้วเหยียบเท้าลงบนศีรษะเขา
“หนิงอวี้ เจ้าห้ามแตะต้อง หากเจ้าต้องตัวนางแม้เพียงนิ้วเดียว ข้าจะสับร่างเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น”
โกวเย่ว์ไม่ต้องเงยหน้า แต่ก็รับรู้ถึงแววตาอันโหดเ**้ยมของนายเหนือหัวอย่างชัดเจน จึงได้แต่ตอบรับไม่ขาดเสียง
มู่หรงเหยียนทำเสียงคำรามในคอหนึ่งทีนั่งกลับลงบนเก้าอี้แล้วกางม้วนภาพวาดออก เด็กสาวบนภาพวาดน่ารักไร้เดียงสา สวมชุดกระโปรงสีแดงแซมด้วยสีขาว มือถือก้านไม้สั้นๆ ยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ นางม้วนผมเป็นจุกกลม กลับยิ่งขับดุนให้หน้าดูเล็กเรียว สองแก้มแดงระเรื่อดูน่ารักยิ่ง
——
หนิงอวี้เอนกายนอนอยู่บนแคร่สนมกินเห็ดหูหนูขาวต้มน้ำตาลอย่างเบื่อหน่าย นางอ้าปาก สาวใช้ก็ยื่นช้อนตักน้ำแกงมาจรดริมปาก
นับแต่นางตัดสินใจคลายความหวาดระแวงต่อมู่หรงเหยียน นางก็สงบนิ่งไม่ก่อเรื่องซ้ำอีก ทุกวันกินน้ำแกง ขนม และน้ำชา เบื่อที่จะอดอาหารประท้วงแล้ว
ในเมื่อจะไปจากที่นี่ก็จำเป็นต้องดูแลร่างกายให้ดี หนิงอวี้ก้มหน้าแล้วลูบไปบนท้องน้อยๆ ที่โปนออกมา เกือบจะสองเดือนแล้วแต่ขนาดกลับเท่าๆ กับหญิงท้องเพียงเดือนเดียว
แต่ไหนแต่ไรนางก็บอบบาง ทั้งยังร้องไห้เศร้าอาลัยกับการตายของบิดา จิตใจไม่สงบ กินนอนไม่ได้จึงผ่ายผอมลงมาก รอยดาบบนอก ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทันหายดี ช่วงเวลาที่นางอดอาหารนั้น ที่จริงแล้วควรจะรักษาร่างกายให้ดี
สองสามวันมานี้ นางไม่ได้ฝันถึงบิดา แต่นางกลับฝันถึงท่านอ๋องอยู่หลายครั้ง
เขายืนอยู่ข้างพุ่มดอกไม้สีเหลืองสด ยื่นมือมายังนางพร้อมรอยยิ้ม เวลากลางดึกเขาสะสางเอกสารราชการอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ บางครั้งได้พักลุกขึ้นยืนมองไปยังลายอักษรที่เขียนหวัดไปมานั้น เขานั่งบนเก้าอี้ไม้ที่กระท่อมน้อยเชิงเขา มองเด็กสาวผู้หนึ่งหัวเราะร่าเสียงดัง
หนิงอวี้ยิ้มเศร้า คิดถึงคนึงหา จนเฝ้าฝันหาแม้ยามหลับไหล? ไม่รู้ว่ายามนี้ท่านอ๋องจะเป็นเช่นใด ไม่รู้ว่าเหิงโส่วถูกตีแตกหรือยัง หนิงอวี้ส่ายหน้า นางมิใช่สตรีที่ดีและก็มิใช่มารดาที่ดี ซ้ำยังมิใช่นายพลที่ดีด้วย
“แม่นาง หมอมาวัดชีพจรเจ้าค่ะ”
“คารวะแม่นาง”
หนิงอวี้พยักหน้า ชายชราลุกขึ้นยืนตัวสั่นไหวๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าไหมผืนหนึ่งออกมาวางบนมือนาง
ระหว่างที่ทำการตรวจก็สัมผัสโดนหลังมือนางโดยไม่ตั้งใจอยู่สองสามครั้ง หนิงอวี้ขมวดคิ้ว ก็เห็นชายชรากระพริบตาให้นาง มองไปยังหลังมือ คิดตามสักครู่จนแน่ชัดว่านั่นคืออักษรคำว่า ‘เว่ย’
“ข้าอยากกินขนมถวนหยวน”
หนิงอวี้หันหน้าไปสั่งสาวใช้ สาวใช้ขมวดคิ้ว ขานตอบเสียงเบาแล้วค้อมกายคำนับเดินจากไป
ด้านข้างยังมีสาวใช้อีกนาง หนิงอวี้ออกคำสั่งต่อว่า “ประเดี๋ยวข้าจะไปสวนดอกไม้”
“เพคะ”
สาวใช้ที่อยู่อีกสี่มุมไม่อาจออกคำสั่งให้ออกไปได้ มิเช่นนั้นจะถูกสงสัยเอาได้
ระหว่างที่วัดชีพจร ก้อนกระดาษขยุ้มก้อนหนึ่งหล่นจากแขนเสื้อหมอมายังขอบเตียง หนิงอวี้ยื่นมือไปด้วยความเงียบ ใช้แขนเสื้อปกปิดก้อนกระดาษแผ่นนั้นไว้
“ถวายบังคมองค์รัชทายาท ขอองค์รัชทายาททรงพระเจริญพันปี พันๆ ปี”
ตอนที่ 284 รักแท้ เคียงข้างกันจนวันตาย
หนิงอวี้ประสานตากับผู้เฒ่าก็เห็นความตื่นตระหนกกลางนัยน์ตาเขา นางพยายามสงบอารมณ์แล้วพยักหน้าเบาๆ ผู้เฒ่าแววตาจ้องนิ่ง หลังจากประสานสายตากับนางก็คุกเข่าลงกับพื้น
“ถวายบังคมองค์รัชทายาท ขอจงทรงพระเจริญพันปีพันๆ ปี”
หนิงอวี้ยื่นเหยียดมือในแขนเสื้อที่กว้างแล้วซ่อนก้อนกระดาษเอาไว้ บนใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มเรียบๆ เจือด้วยความเย้ยหยัน
“องค์รัชทายาท จะให้หญิงสาวชาวบ้านถวายบังคมด้วยหรือไม่เพคะ”
มู่หรงเหยียนถูกโจมตีด้วยคำพูดหนึ่งประโยค สีหน้ายังคงเดิมไม่เปลี่ยน เขานั่งลงข้างกายหนิงอวี้อย่างสงบนิ่งแล้วพูดเสียงเบากับหมอที่กำลังคุกเข่ากับพื้น
“ข้าเห็นนางดูมีน้ำมีนวลไม่น้อย คงได้รับการดูแลมาอย่างดี เพียงแต่กลางคืนมักจะสะดุ้งตื่นตลอด ท่านหมอพอจะสั่งยาสงบอารมณ์สักสองสามตัวให้บ้างได้หรือไม่”
หนิงอวี้ได้ยินคำพูดเขาก็ทำเสียงเยาะ นับแต่ถูกจับได้ว่านางลอบฉีกผ้าหมายจะหลบหนีในวันนั้น กลางคืนข้างเตียงก็จะมีสาวใช้เพิ่มขึ้นอีกสองนาง ไม่ว่าจะยามใด เมื่อนางลืมตาทั้งคู่ขึ้น มักจะเห็นดวงตาเป็นประกายสองคู่ท่ามกลางความมืดมิด
“เอ่อ…”
มือทั้งคู่ของหมอสั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว ครั้นแล้วก็พยายามสงบอารมณ์
“ดูแลได้ไม่เลว ชีพจรสงบ ตอนสะดุ้งตื่นกลางดึก มีเหงื่อออกปากแห้งบ้าง มือเท้าเย็นหรือไม่”
หนิงอวี้ส่ายหน้า หมอผู้นั้นโค้งคำนับ
“ในเมื่อเช่นนี้ ข้าจะจ่ายน้ำแกงยาให้สองสามตัว เพียงแต่ ไข้ใจนี้มิต้องการหมอยา ทุกวันหากแม่นางทำใจให้สงบ ก็จะหายได้ดั่งใจ”
สาวใช้หยิบเสื้อคลุมเข้ามา มู่หรงเหยียนขมวดคิ้ว
“วันนี้อากาศหนาว พักอยู่ในห้องไม่ดีกว่าหรือ”
หนิงอวี้กวาดสายตามองเขาแล้วยื่นมือขึ้นไปคว้าเสื้อคลุมขึ้นสวม
สาวใช้สัมผัสได้ถึงความโกรธเคืองของรัชทายาท มือที่ถือถาดอยู่ก็สั่นขึ้นอย่างห้ามมิได้ ครู่หนึ่ง กลับได้ยินรัชทายาทผู้ซึ่งพูดคำไหนคำนั้นพูดจู้จี้จุกจิกออกมาว่า “ในเมื่อเช่นนั้น เปลี่ยนเป็นหนังจิ้งจอกดีหรือไม่ จะได้อุ่นขึ้นสักหน่อย”
หนิงอวี้สีหน้าเรียบเฉย นางเดินไปยังประตูช้าๆ กลับถูกองครักษ์ที่เขาพามาด้วยขวางเอาไว้ หนิงอวี้รู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย ชั่วอึดใจ สาวใช้ก็หยิบผ้าคลุมไหล่หนังจิ้งจอกสีขาวดั่งหิมะเข้ามา
มู่หรงเหยียนหยิบผ้าคลุมไหล่มา เดินไปยังนางแล้วแกะสายรัดผ้าคลุมไหล่ จากนั้นเอาผ้าคลุมหนังจิ้งจอกนั้นพันรอบคอนาง หนิงอวี้รู้สึกปวดร้าวใจ บนหน้ากลับยิ้มเยาะขึ้นมาหนึ่งที
“องค์รัชทายาทไยจึงต้องเสแสร้งแกล้งทำ หากพระองค์ปล่อยหญิงชาวบ้านเช่นหม่อมฉันไป ต่อให้หม่อมฉันหนาวตายท่ามกลางหิมะก็จะไม่ถือโทษโกรธแค้นเลย”
มือที่กำลังโบกของมู่หรงเหยียนหยุดลง ใบหน้าที่เรียบเฉยปรากฏความโกรธเกรี้ยวขึ้น หนิงอวี้เลิกคิ้ว แล้วผินกายจากไป
“อวี้เอ๋อร์ อย่าสร้างปัญหาเลย”
เสียงที่คุ้นหู คำพูดที่คุ้นเคย หนิงอวี้ยั้งฝีเท้า ที่จริงนางก็อยากหันกลับไป กลับไปสู่อดีตเมื่อนานมาแล้ว
กลับไปยังคืนก่อนปีใหม่วันนั้น นางคีบอาหารให้ท่านอ๋องแล้วดูพวกเขาทั้งสามคนดื่มสุราพูดคุยกัน ตอนนั้น นางมีทั้งรักและครอบครัว ตอนนี้ ครอบครัวตายจากไปแล้ว รักก็อยู่ห่างจากนางไกลแสนไกล
ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เจ้ามอบให้ข้าหรือ แต่เจ้ากลับบอกข้า ว่าอย่าสร้างปัญญา หนิงอวี้ดวงตาแดงระเรื่อ นางหันกายกลับช้าๆ แล้วพูดขึ้นเสียงเบาว่า “คนที่สร้างปัญหาคือเจ้ามาโดยตลอดต่างหาก”
นางพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นเหมือนจะร้องไห้ มู่หรงเหยียนชะงักเล็กน้อย ครั้นแล้วก็โบกมือส่งสัญญาณให้ผู้คนให้ถอยออกไป สาวใช้ทยอยเดินตามกันออกไป ประตูถูกปิดลง เหลือไว้เพียงความเงียบงัน
“การตายของท่านพ่อบุญธรรม หาใช่สิ่งที่ข้าต้องการไม่”
“หนิงอวี้ชำเลืองขึ้นจ้องเขาพลางพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “การตายของท่านพ่อเกี่ยวข้องกับเจ้า หรือว่ามิใช่”
มู่หรงเหยียนอึ้งงันอยู่นาน แล้วจึงพยักหน้าช้าๆ
“เช่นนั้นข้าขอถามเจ้า การตายของท่านพ่อ เจ้าได้ประโยชน์หรือไม่”
มู่หรงเหยียนกลืนน้ำลายดังเอือก กลับได้แต่พยักหน้ายิ้มเจื่อน ใช่แล้ว เขาได้ประโยชน์ เขามีส่วนร่วม แล้วจะบอกว่าตนบริสุทธิ์ได้อย่างไร
“แต่…”