ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 285 แผ่นดินกว้างใหญ่ มิอาจเทียบรอยยิ้มหญิงงาม / ตอนที่ 286 ฆ่าตัวตายมิสำเร็จ
- Home
- ยอดรักชายาอัปลักษณ์
- ตอนที่ 285 แผ่นดินกว้างใหญ่ มิอาจเทียบรอยยิ้มหญิงงาม / ตอนที่ 286 ฆ่าตัวตายมิสำเร็จ
ตอนที่ 285 แผ่นดินกว้างใหญ่ มิอาจเทียบรอยยิ้มหญิงงาม
หนิงอวี้จ้องเขาอย่างสงบ ครั้นแล้วมู่หรงเหยียนก็รู้สึกขึ้นมาอย่างชัดเจนว่าเบื้องหลังใบหน้าอันนิ่งสงบนั้นคือความดิ้นรนอย่างเจ็บปวด
“พูดสิ”
หนิงอวี้เหยียดมุมปาก น้ำตาไหลพรั่งพรู
“พูดสิ พูดมาว่าเจ้าไม่ได้คลั่งไคล้ตำแหน่งนี้ พูดมาว่าเจ้าไม่เคยคิดอยากให้ท่านตาย”
“พูดว่าเจ้า ไม่เคยคิด ที่จะใช้ศีรษะท่านแลกกับตำแหน่ง!” หนิงอวี้ตะโกนดังทั้งร้องไห้ น้ำตาไหลอาบ “บอกข้าว่า เจ้าไม่มีความคิดนี้เลยแม้แต่น้อย!”
แผ่นหลังมู่หรงเหยียนเหยียดตึงชะงักอึ้งกับที่ หนิงอวี้หัวเราะออกมาเสียงดัง นางชี้นิ้วไปยังเขาพลางระเบิดเสียงหัวเราะจนตัวสั่น น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย
“มู่หรงเหยียนเอ๋ยมู่หรงเหยียน แล้วแบบนี้ เจ้าจะบอกว่าเจ้าบริสุทธิ์ได้อย่างไร”
มู่หรงเหยียนหลุบสายตาลง เห็นหนิงอวี้ที่กำลังร้องไห้สลับหัวเราะ ท่าทีดูคลุ้มคลั่งอย่างมาก นางหัวเราะจนแก้มเริ่มแดง เผยให้เห็นลักยิ้ม น้ำตาเอ่อรื้นหางตา ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความระทมเศร้า
เขาควรพูดอย่างไรดี ความคิดชั่วช้าเช่นนี้ เขาเคยมี แต่ชั่ววินาทีเขาก็ปฏิเสธความคิดนั้น ทั้งยังส่งหมอออกไปรักษา แต่น่าเสียดาย…ที่ถูกจับได้ก่อน ดังนั้นเขาจึงถูกส่งไปปิดล้อม
แต่นี่จะมีความหมายอย่างไร หลังจากการต่อสู้กันเองในจิตใจ เขาก็ยังคงนำทหารออกไปปิดล้อมหนิงอวี้
หนิงอวี้หัวเราะอยู่นาน หัวเราะจนปวดท้องน้อยจึงได้อ้าปากเอ่ยคำด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาทั้งคู่ของนางเย็นชาดั่งน้ำแข็ง จ้องนิ่งไปยังมู่หรงเหยียน
“จำเป็นเช่นไร ทั้งที่ตัวเองเต็มไปด้วยความคิดชั่วร้าย แล้วจะมาทำทีเป็นบริสุทธิ์เพื่ออะไร”
หนิงอวี้ย่นคิ้ว แล้วหมุนตัวเดินจากไป
มู่หรงเหยียนลำบากใจยิ่งนัก เขายกมือขึ้นค้ำผนัง
——
“ฝ่าบาท มิได้เด็ดขาดเลยนะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าบาท ทรงใคร่ครวญด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท เรื่องราวยังไม่ปรากฏข้อสรุปชัดเจน มิควรปะทะกับราชวงศ์เหนือนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท ไม่นานก่อนหน้านี้เรารบมาแล้วหนึ่งครั้ง หากออกทัพอีกครั้ง จะสิ้นเปลืองกำลังพลและเงินทองมากมายพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยหยวนในชุดคลุมลายมังกร กำลังนั่งอย่างสง่างามบนบัลลังก์มังกร เขามองไปยังเหล่าขุนนางที่คุกเข่าขมวดคิ้วเล็กน้อยบนพื้น ที่แท้ก็รู้สึกเช่นนี้เอง ราวกับก้มมองดูขบวนมด ขุนนางที่มาเข้าเฝ้า ยังเป็นเช่นนี้ แล้วประชาชนเล่าจะเป็นเช่นไร
เสียงทัดทานของเหล่าขุนนางดึงความคิดเขากลับมา เว่ยหยวนฟังคำพูดจู้จี้น่ารำคาญของผู้คนแล้วแค่นเสียงออกจมูกหนึ่งที
เสียงนั้นแผ่วเบาแต่มันกลับทำให้เหล่าขุนนางสงบปากลง เว่ยหยวนกวาดสายตามองผู้คนไปรอบด้วยใบหน้านิ่งเฉยแล้วพูดขึ้นเสียงทุ้ม “เราตัดสินใจแล้ว หากใครกล้าขัดขวาง โบยให้ตายทันที”
เหล่าอาลักษณ์ต่างมองด้วยสายตาขุ่นเคืองแล้วขยับมือบันทึกเรื่องราวในวันนี้ ครั้นแล้วก็พูดออกมาเสียงเบาว่า “ทรราช” ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทั้งท้องพระโรงก็เงียบลงพลัน ได้ยินเพียงเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันดังขึ้น
เว่ยหยวนยกมุมปากยิ้มแล้วลุกขึ้น ผู้คนต่างรอดูจนลืมหายใจ อาลักษณ์กุมพู่กันในมือแน่น ใบหน้าเผยให้เห็นความสัตย์ซื่ออย่างมิกลัวตาย
เสียงฝีเท้าดังขึ้น กลับเป็นเขาที่หันกายเดินจากไป เว่ยหยวนจดจ้องอีกฝ่าย ในใจกลับยังคงคิดถึงคำว่า “ทรราช” นั้น เขายอมรับและยังเห็นด้วย ทั้งไม่ใส่ใจว่าจะถูกครหาไปอีกหมื่นปี
ทำเช่นนี้ เหมือนกับกษัตริย์ไร้ความสามารถทอดทิ้งบ้านเมืองเพื่อหญิงงามโดยแท้ แต่ชั่วชีวิตนี้ที่เขาปรารถนามีเพียงแค่นางเท่านั้น
ได้ครองใต้หล้านั้นแม้จะดี แต่ที่สุดแล้วก็เทียบไม่ได้กับความงามชดช้อยของนางเลย เทียบไม่ได้แม้กระทั่งกอดอันแผ่วเบา ยามนางสะดุ้งตื่นกลางดึก
เขาต้องการครองแผ่นดินจริงๆ แต่นั้นเพียงเพื่อยืนยันว่าเขามิได้อ่อนแอไร้ความสามารถเท่านั้น
เขาเคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจคิดว่าตนไม่คู่ควรกับนาง นางมีปณิธานแน่วแน่ ทั้งฉลาด ทั้งมีไหวพริบ ทุกถ้อยคำที่สวยหรูก็ยังยากที่จะบรรยายความงามพร้อมของนางได้ แต่ตัวเขานั้น ไร้ค่า ต่ำต้อย อ่อนแอ…
เขาอยากโอบกอดนาง ปกป้องนาง ดังนั้นเขาจึงอยากมีตัวตนเหนือผู้คนนับหมื่น อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง เช่นนั้นแล้วจึงจะปกป้องนางได้ เช่นนี้จึงจะสามารถล้างภาพตนเองที่อ่อนแอไร้ความสามารถในอดีตได้
เลือกแผ่นดินหรือหญิงงาม ล้วนเป็นตัวเลือกอันยากสำหรับผู้เป็นกษัตริย์แต่โบราณมา แต่สำหรับเขานั้น ไม่จำเป็นต้องลังเลแม้เพียงชั่ววินาที
แผ่นดินก็ดี แต่เทียบมิได้กับกระโปรงแดงที่ปลิวไสวของอวี้เอ๋อร์ เทียบมิได้แม้คิ้วคมบางของนางที่เลิกขึ้น
ตอนที่ 286 ฆ่าตัวตายมิสำเร็จ
“วันนี้ยามจื่อ จะมีคนมาช่วยเจ้าหนี” หนิงอวี้กำแผ่นกระดาษแน่น พยักหน้าไปยังท่านหมอด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ท่านหมอสีหน้าหนักแน่น คุกเข่าลงกลับพื้นแล้วจากไป
“แม่นาง ลำไยตุ๋นลูกบัวเจ้าค่ะ”
สาวใช้เดินเข้ามาแล้วยกถาดขึ้นเหนือหัว หนิงอวี้กินมันอย่างไม่ใส่ใจ เพียงเพื่อฆ่าเวลารอเวลาจากไปเท่านั้น
เพื่อไม่ให้นางฟุ้งซ่าน หนิงอวี้รับลำไยตุ๋นลูกบัวมาแล้วใช้ช้อนตักขึ้นมาหนึ่งคำ หมอบอกว่าคืนนี้ยามจื่อ จะมีคนมาช่วยนาง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มือข้างที่ถือช้อนแกงของนางก็อดมิได้ที่จะสั่นระริก
สงบสติ อย่าให้คนอื่นจับสังเกตได้ หนิงอวี้พยายามทำตัวให้สงบ แต่หัวใจกลับเต้นรัวไม่หยุด นางหลุบสายตาลง ช้อนตักแกงคำหนึ่งนั้นยังมิทันเข้าปาก ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาเป็นขบวน
หนิงอวี้วางช้อนลงในถ้วย ชำเลืองขึ้นมองยังประตู องครักษ์ชุดดำหมายจะบุกเข้ามาในห้อง แต่ถูกองครักษ์ที่เฝ้าอยู่ขวางเอาไว้ คนผู้นั้นสีหน้านิ่งเฉย เขาล้วงแผ่นป้ายคำสั่งออกมาจากแขนเสื้อ
หนิงอวี้รู้สึกได้ว่าสถานการณ์กำลังไม่ดีจึงขยับถอยหลังโดยไม่รู้ตัว นางกวาดสายตามองทั่วห้องเพื่อหาอาวุธ สาวใช้ย่นคิ้วแล้วโบกมือไปยังสาวใช้ที่อยู่ด้านนอก สาวใช้นางนั้นจึงแอบลอบออกไปทางประตูข้าง
พลทหารองครักษ์เห็นดังนั้นก็ได้แต่สบตากัน ครั้นแล้วก็คุกเข่าลงกับพื้น องครักษ์ชุดดำโบกมือสีหน้าเรียบเฉย องครักษ์นับร้อยนายที่ตามหลังมาก็กรูกันเข้ามาในห้อง
องครักษ์ในชุดเกราะสีดำนับร้อยนาย ห้องที่กว้างขวางในตอนแรกกลับแออัดขึ้นมาจนอากาศไม่อาจถ่ายเท หนิงอวี้ค้นหาไปรอบๆ ก็หาอาวุธใดไม่พบ ได้ยินเพียงเสียงสอบถามอันเบาว่า “ผู้ที่มาคือใคร”
หัวหน้าองครักษ์โค้งคำนับ
“ท่านไปแล้วจะรู้เอง”
หนิงอวี้ได้ฟังก็มุ่นหัวคิ้ว ป้ายคำสั่งที่คนผู้นั้นล้วงออกมาสามารถทำให้องครักษ์ยอมปฏิบัติตาม เห็นได้ว่าเจ้าของป้ายคำสั่งป้ายนี้ที่อยู่เบื้องหลังต้องมีอำนาจสูงส่งเสียดฟ้าแน่
ในราชวงศ์เหนือ ผู้ที่มีอิทธิพลสูงกว่ารัชทายาท กล้าส่งคนบุกเข้ามายังตำหนักของชนชั้นสูงอย่างรัชทายาทได้…เห็นจะมีเพียงฮ่องเต้แห่งราชวงศ์เหนือเท่านั้น
หนิงอวี้ถอยหลังเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตัวระวัง เขาคิดจับตัวนางคงมีแผนการบางอย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องคิดมาก ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเกี่ยวข้องกับเว่ยหยวน
หัวหน้าองครักษ์ค่อยๆ ก้าวประชิด หนิงอวี้ก้าวถอยแต่หลังชนเข้ากับกำแพงซึ่งไร้ทางหนี หากว่า…หากว่าต้องเป็นภาระให้กับเว่ยหยวน…สู้เอาศีรษะโขกฆ่าตัวตายเสียดีกว่า
หนิงอวี้เห็นท่อนไม้ที่ตอกไว้แน่นบนหน้าต่าง ในใจก็พลันเกิดความเกี้ยวกราดปะทุขึ้นมากลางใจ บิดามารดาต้องตายเพราะนาง บนโลกนี้ไม่เหลือญาติพี่น้องอีกแล้ว นางอยากหวนกลับไปข้างกายท่านอ๋อง คิดไม่ถึงว่ากลับต้องมากลายเป้นภาระของเขา
เขาทนลำบากมาสองชาติ ชาติก่อนเขาต้องพ่ายแพ้เพราะนาง หรือแม้ชาตินี้ เขาต้องมาคอยเกรงกลัวกังวลเพราะนาง จนถูกผู้คนบีบบังคับ
หนิงอวี้หันกายกลับ นางอาศัยจังหวะที่ผู้คนไม่ทันตั้งตัวใช้ความเร็วดั่งสายฟ้าพุ่งชนโครงไม้ ตะปูบนโครงไม้ส่องแสงสะท้อน จนทำให้นางขมวดคิ้วขบฟัน เพียงแต่เด็กคนนี้ต้องมาพลอยรับทุกข์…ไม่มีโอกาสได้เห็นแสงตะวัน
หน้าผากเจ็บอย่างรุนแรง ชั่วอึดใจเดียว นางก็ถูกคนคว้ากลับ องครักษ์ชุดดำคว้าชายกระโปรงอันใหญ่โตหรูหราตัวนั้นและตรึงแขนทั้งสองของนางเอาไว้
มือทั้งคู่ของหนิงอวี้ถูกคว้าจนเกิดเจ็บขึ้นมา หน้าผากปวดแสบ หางตายังมองเห็นเลือดไหลผ่านอยู่ร่ำไร เจ็บ เจ็บไปหมดเลย หนิงอวี้ออกแรงถีบเท้าไปยังคนผู้นั้น องครักษ์ชุดดำไม่ทันระวังตัวจึงคลายแรงลงเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ได้รับ
หนิงอวี้ดิ้นหลุดจากมือเขาแล้วยืนขึ้นโซเซกำลังตั้งท่าจะพุ่งชนไปยังตะปูเหล็กนั้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นว่า “หยุดนะ! หยุดกันให้หมด!”
หนิงอวี้เหลียวกลับ มองไปยังมู่หรงเหยียนที่กำลังเดินเข้ามาอย่างรีบร้อนปราดหนึ่ง แล้วยิ้มบางหนึ่งที ครั้นแล้วก็หันกลับ พุ่งไปยังตะปูเหล็กนั้น องครักษ์ชุดดำยื่นมือออกไปคว้าชายเสื้อนางไว้ เสียงผ้าขาดดังขึ้น มู่หรงเหยียนเย็นสันหลังวาบ รีบจิกปลายเท้าลงพื้นโผเข้าไปทันที
วินาทีที่รอยแผลบนหน้าผากสัมผัสกับตะปู เดิมทีหนิงอวี้คิดว่าต้องกล่าวลาโลกนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่า0tถูกมู่หรงเหยียนโผเข้ามาจนนางล้มลงกับพื้น
“อวี้เอ๋อร์ อย่า…อย่าทำโง่ๆ นะ!”
มู่หรงเหยียนลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน เขายื่นมือที่สั่นเทิ้มเช็ดเลือดที่ไหลอยู่บนหน้าผากนาง
“องค์รัชทายาท ฮ่องเต้ทรงส่งกระหม่อมมารับพระชา…หนิงอวี้กลับไปพ่ะย่ะค่ะ”