ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 287 ตัดสินใจ / ตอนที่ 288 นางตั้งครรภ์โอรสของลูก
ตอนที่ 287 ตัดสินใจ
“ข้าจะไปด้วย ไปกราบทูลท่านพ่อ”
มู่หรงเหยียนใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดสดบนหน้าผากนางด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“เจ้าวางใจนะ ข้าจะคุ้มครองเจ้าให้ดี”
หนิงอวี้ช้อนตาขึ้นมอง จดจ้องไปยังเขาด้วยแววตาเยือกเย็นไร้อารมณ์ ครั้นแล้วก็ใช้แขนเสื้อปิดไปบนแผลแล้วเดินไปยังประตู
พูดฟังดูดี เขาทรยศขายบิดา มาตอนนี้ บิดาของเขา ยังคิดจะขายนางอีกหรือ สมกับเป็นพ่อลูกกัน หนิงอวี้สัมผัสได้ถึงความปวดแสบบนหน้าผาก นางค่อยๆ คลายมือออก
ภายใต้แสงอาทิตย์ หนิงอวี้หรี่ตามองไปยังผู้คนที่เรียงแถวเป็นแนวกั้นอยู่ตลอดทางด้านหน้า มู่หรงเหยียนเดินไปยังข้างกายนาง จูงมือนางเข้าไปในรถม้าพร้อมกันโดยมีแขนเสื้อคั่นกลาง
เส้นทางบนเขาโคลงเคลง หนิงอวี้หลับตาทั้งคู่ลง
“คิดจะเอาข้าแลกกับอะไร องค์รัชทายาทคงคำนวณค่าตัวหม่อมฉันดีแล้ว หากเรียกราคาสูงมาก เกรงว่าฝ่าบาทคงไม่ยอมจ่ายนะเพคะ”
“…ข้าไม่เคยคิดเรื่องนี้ เรื่องในวันนี้ ข้าก็ไม่รู้ด้วย”
มู่หรงเหยียนกดเสียงต่ำพูด คิ้วขมวดแน่นเข้าด้วยกัน
“ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าก็จะคิดอยู่ดี”
หนิงอวี้ลืมตาทั้งคู่ขึ้น แววตาเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์แม้แต่นิด มู่หรงเหยียนก้มหน้า มือที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อกำหมัดแน่น
“เว่ยหยวนขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ พระราชโองการแรกของเขา คือประกาศศึกกับราชวงศ์เหนือ”
ความประหลาดใจปรากฏผ่านนัยน์ตาหนิงอวี้ปลาบหนึ่ง ครั้นแล้วก้มก็หน้าลงปิดซ่อนอารมณ์ตัวเอง
เมื่อมู่หรงเหยียนกล่าวคำพูดนี้จบก็ชำเลืองขึ้นสำรวจปฏิกิริยา จากมุมของเขาไม่อาจเห็นอารมณ์ของนางได้อย่างชัดเจนนัก เห็นเพียงขนตาที่สั่นระริกของนาง
“เขาอยากให้ราชวงศ์เหนือมอบตัวเจ้า มิเช่นนั้นชายแดนราชวงศ์เหนือก็จะเจิ่งนองไปด้วยเลือด”
หนิงอวี้ยื่นมือไปเค้นมุมหนึ่งของกระโปรง เหลวไหล เช่นนี้แล้ว มิต้องถูกตราหน้าเป็นคนบาปไปชั่วพันปีหรอกหรือ
แม้จะเป็นเช่นนั้น ในใจนางกลับรู้สึกยินดีขึ้นมาเล็กน้อย แสบปลายจมูกเหมือนจะร้องไห้ น้ำตาเกือบเล็ดออกมา เขาไม่เคยทอดทิ้งนาง ต่อให้เบื้องหน้ามีแต่ขวากหนามก็ตาม
เขาขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ คงต้องผ่านศึกอันเลวร้ายมาแล้วแน่ นางถึงกับไม่กล้าคิดว่าเขาแย่งตำแหน่งฮ่องเต้มาจากเว่ยหลิงได้อย่างไร
บางที นี่อาจเป็นโอกาสที่นางจะได้กลับไปข้างกายเขา หรือบางที นี่อาจเป็นวันแห่งความตายทิ้งชีวิตไปสู่ปรภพของนาง ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์เหนือ อำมหิตเจ้าเล่ห์ คงไม่หยุดเพียงแค่นี้แน่
รถม้าหยุดลงช้าๆ หนิงอวี้เดินลงรถม้าโดยมีสาวใช้คอยประคอง เบื้องหน้าคือหมัวมัวเฒ่านางหนึ่งกำลังเดินมาแล้วยอบกายคำนับอย่างอ่อนช้อย
“คารวะองค์รัชทายาท คารวะท่านนายพลหนิง”
มู่หรงเหยียนสีหน้าเคร่งเครียด ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวป้องนางเอาไว้หลังกาย เห็นท่าทีระวังตื่นตัวเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าหมัวมัวกลับไม่ได้น้อยลงแม้แต่นิด
“ฝ่าบาททรงให้เชิญพระองค์มาหารือด้วยเพคะ แม่นางนายพลหนิง เชิญตามข้าน้อยไปจิบชาที่ตำหนักด้านข้างก่อนนะเจ้าคะ”
“ดูแลนางให้ดี” มู่หรงเหยียนกำชับเสียงทุ้ม ความโหดเ**้ยมฉายผ่านแววตาปลาบหนึ่ง “หากบกพร่องแม้เพียงน้อย ข้าจะเอาชีวิตเจ้า”
“เพคะ”
มู่หรงเหยียนหันกลับแล้วยิ้มปลอบประโลมไปยังหนิงอวี้หนึ่งที
“เจ้ารอข้าก่อนนะ ข้าจะรีบกลับมา”
หนิงอวี้สีหน้านิ่งเฉยไม่เอื้อนเอ่ยใดๆ นางยกมือขึ้นใช้ผ้าปิดลงบนแผล ราวกับด้านหน้านางนั้นว่างเปล่าไร้ผู้คน
มู่หรงเหยียนไม่ได้รับคำตอบอย่างที่หวัง จึงได้แต่ส่ายหน้ายิ้มเจื่อน ครั้นแล้วก็รีบเดินเข้าไปยังท้องพระโรงอย่างรวดเร็ว หมัวมัวยอบกายคำนับแล้วนำทาง หนิงอวี้คอยตามอยู่ด้านหลัง
ตอนแรกคิดว่าคืนนี้เวลายามจื่อก็จะสามารถไปจากที่นี่ได้ คิดไม่ถึงว่าระหว่างทางจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
สงบอารมณ์ไว้ จะต้องไม่เป็นภาระให้กับเว่ยหยวนเป็นอันขาด การจะหนีไปจากที่นี่ จะเป็นไปได้หรือไม่นั้น คำตอบนั้นแสนง่าย ที่นี่เป็นถึงวังหลวง มีองครักษ์อยู่นับพันนาย
หรือว่า นางจะได้แต่นั่งรอความตายหรือ รอจนสองพ่อลูกนั้นหารือค่าตัวนางเสร็จ แล้วขายนางให้กับเว่ยหยวนหรือ หนิงอวี้ขบริมฝีปาก ไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้นางตาย นางก็จะไม่ยอมให้พวกเขาได้สมหวัง
ศีรษะของบิดาทำให้เขาได้เป็นรัชทายาทในชุดมังกร นางจะไม่ยอมเป็นหมากในมือเขาเป็นอันขาด
ตอนที่ 288 นางตั้งครรภ์โอรสของลูก
กลางท้องพระโรงอันหรูหราโอ่อ่า มู่หรงเหยียนเดินเข้าไปสองสามก้าว คุกเข่าลงกับพื้น แล้วตะโกนขึ้นเสียงดัง “ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ”
คนบนบัลลังก์มังกรสวมชุดคลุมสีสว่าง ร่างกายดูผ่ายผอม ใบหน้ากลับดูเต็มไปด้วยความฉลาดหลักแหลม เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปด้านหน้ามู่หรงเหยียน
“ลุกขึ้นเถิด บุตรแห่งเรา เจ้ามีเรื่องจะหารือกับพ่อหรือ”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ลูก…มาเพราะเรื่องของหนิงอวี้”
แย้มพระโอษฐ์บนพระพักตร์ฮ่องเต้ไม่เปลี่ยนไป ทรงโบกพระหัตถ์แล้วรับสั่ง “วันนี้เราได้รับรูปวาดมีชื่อผืนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเหยียนเอ๋อร์จะชอบหรือไม่”
หัวหน้าขันทีสะบัดแส้ในมือ ขันทีสองนายก็ยกม้วนภาพม้วนหนึ่งเดินเข้ามา ทั้งสองยืนอยู่ข้างปลายทั้งสอง แล้วค่อยๆกางภาพออก
“เสด็จพ่อ…”
“เหยียนเอ๋อร์ดูภาพนี้สิ เพียงแค่ขยับพู่กันเพียงไม่กี่ทีก็สามารถวาดออกมาได้ยิ่งใหญ่ทรงพลังยิ่งนักแล”
“พ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงเหยียนเห็นพระองค์ไม่มีพระทัยจะหารือ จึงได้แต่รับคำ
“เป็นภาพวาดที่เยี่ยม!” ฮ่องเต้ทรงกล่าวชมไม่ขาด “เอาไปเก็บไว้ในห้องเก็บภาพ”
หัวหน้าขันทีขานรับ ขันทีทั้งสองนายม้วนภาพเก็บแล้ววางลงใน**บไม้
มู่หรงเหยียนกระแอม เตรียมจะเอ่ยคำก็ได้ยินพระองค์รับสั่งว่า “เจ้าอยากพูดอะไร”
“ลูกหวังที่จะ…ให้หนิงอวี้อยู่ต่อพ่ะย่ะค่ะ ประการแรก นางมีเลือดเชื้อพระวงศ์ราชวงศ์เหนือ ประการที่สอง เว่ยหยวนเจ้าเล่ห์เพทุบาย อาจจะยอมเผชิญการครหาของผู้คนของทั่วหล้าเพียงเพื่อสตรีเพียงนางเดียว ลูกคิดว่า เรื่องนี้ต้องเป็นแผนโดยแน่ เว่ยหยวนจิตใจเก็บซ่อนความชั่วร้าย…”
“รัชทายาท เจ้าดูภาพวาดเมื่อครู่ ช่างถูกใจเรายิ่งนักแต่แล้วนั่นอย่างไรเล่า” ฮ่องเต้ยื่นพระหัตถ์ ประคองมู่หรงเหยียนที่กำลังคุกเข่ากับพื้นลุกขึ้น “ก็เพียงของสะสมที่ถูกเก็บไว้ในห้องภาพ เพื่อดูเล่นยามว่าง”
“ภาพวาดที่สวยยิ่งกว่า สามารถแทนที่มัน หรือไม่ก็ หากวันหนึ่งมันถูกเก็บรักษาไว้ไม่ดี ย่อมสูญเสียอรรถรสไปตามกาลเวลา”
“เข้าใจหรือไม่ เพียงแต่กุมอำนาจไว้ในมือ ภาพวาดจึงยิ่งงามยิ่งดี…”
มู่หรงเหยียนส่ายหน้าช้าๆ แต่หนักแน่น เขาพูดขึ้นเสียงเบา “นางไม่ใช่เช่นนั้น”
นางมิใช่ของเชลย ซ้ำมิใช่ของสะสม นางคือหนิงอวี้ ต่างจากนางในทั้งสามพันนางในวังหลัง ต่างจากหญิงงามอรชรทั่วไป
แน่นอน การมีอำนาจ ยิ่งได้มาซึ่งสิ่งที่มากกว่า ดั่งเช่นภาพวาด ดั่งเช่นหญิงงาม ทว่า เขาล้วนไม่ต้องการ
ฮ่องเต้ทรงเม้มพระโอษฐ์ พระโอษฐ์ที่แย้มน้อยๆ ดูมากเล่ห์ที่ปรากฏเลือนรางนั้นก็พลันหายไป รัชทายาทของพระองค์ แค่มองก็ทะลุปรุโปร่ง เพื่อที่จะป้องกันมิให้รัชทายาทถูกรักครอบงำ พระองค์จึงทรงตั้งใจชี้แนะ คิดไม่ถึง ว่าเขาได้ฟังอย่างชัดเจนแล้ว กลับไม่ยอมปฏิบัติตาม
“บอกเหตุผลเรามาสักข้อ เพื่อยืนยันว่านางมีคุณค่าอย่างมากกว่านี้”
มู่หรงเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดโพล่งออกมาสองสามคำว่า “นางตั้งครรภ์โอรสของลูกพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ทรงหรี่พระเนตร จดจ้องนิ่งไปยังเขาอย่างพินิจ ราวกลับทรงมองทะลุความคิดเขา
“เราจำได้ ว่าเจ้าสังหารขุนพลหนิง”
ความเจ็บปวดปรากฏกลางนัยน์มู่หรงเหยียนปลาบหนึ่ง มือทั้งคู่ที่กำหมัดของเขาสั่นขึ้นเบาๆ
“นางเกลียดลูก แต่ก็มิอาจหยุดความรักที่ลูกมีต่อนางพ่ะย่ะค่ะ”
“นางเป็นพระชายาในจิ่นอ๋อง”
กลางพระเนตรฮ่องเต้เต็มไปด้วยความสงสัย ทรงชำเลืองขึ้นมองไปยังหัวหน้าขันทีปราดหนึ่ง หัวหน้าขันทีเข้าใจความหมาย จึงหันกายเดินจากไป
“ลูก…ขืนใจนางพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อหากมิทรงเชื่อ จะส่งคนมาตรวจก็ได้ นางตั้งครรภ์มาเดือนกว่าแล้ว ตรงกับช่วงเวลาที่ลูกพานางมาพอดี”
อวี้เอ๋อร์ผ่ายผอม แม้จะได้รับการบำรุงบ้างแล้ว แต่ขนาดท้องกลับแตกต่างกับสตรีอายุครรภ์สองเดือนโดยทั่วไป
หากหมอหลวงดูไม่ออก นั่นก็น่ายินดีอย่างยิ่ง หากหมอหลวงดูออก ขอเพียงเขาเจรจากับอวี้เอ๋อร์ให้ดี กำหนดวันที่ชัดเจน อาจจะลองพูดว่าอายุครรภ์ยังน้อย ระบุไม่ชัดเจนย่อมเป็นเรื่องปกติ
มู่หรงเหยียนคุกเข่าลงกับพื้น เพื่อแสดงออกซึ่งการตัดสินใจแน่วแน่สีหน้าสัตย์ซื่อ แต่ในใจกลับกำลังใคร่ครวญว่าจะเชิญหมอหลวงคนใดมายืนยันคำพูดตนดี
เวลาผ่านไปก็เนิ่นนาน ยากที่จะไม่เป็นที่สังเกตว่าสถานการณ์ในตอนนี้ การให้อวี้เอ๋อร์อยู่ที่แห่งนี้ต่อย่อมไม่ดีอย่างแท้จริง…แต่หากเขาปล่อยนางจากไป…เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
คิดถึงเลือดสดที่ไหลอาบหน้าผากนาง รอยยิ้มอันเย็นชาเมื่อนางกระโจนเข้าสู่ความตาย มู่หรงเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกหวั่นไหวไม่น้อย