ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 295 ส่งเจ้าจากไปในวันมงคล / ตอนที่ 296 เว่ยหยวนใช้วิธีสกปรก
- Home
- ยอดรักชายาอัปลักษณ์
- ตอนที่ 295 ส่งเจ้าจากไปในวันมงคล / ตอนที่ 296 เว่ยหยวนใช้วิธีสกปรก
ตอนที่ 295 ส่งเจ้าจากไปในวันมงคล
เขาทำให้นางต้องเสียบิดาไป ทำให้นางเสียอิสรภาพ ยังจะต้องอยู่ข้างๆ มองดูนางสูญเสียลูกไปด้วยหรือ มู่หรงเหยียนยิ้มอย่างขมขื่น เขาพูดขึ้นด้วยเสียงอันทุ้ม “ไปเชิญหัวหน้าสำนักหมอหลวงมา ต้องให้เขารักษาเด็กไว้ให้ได้!”
กลางดึก ทุกอย่างมืดสนิท แสงเทียนกว่าครึ่งของตำหนักรัชทายาทถูกดับลงหลอมรวมเข้ากับรัตติกาลอันมืดมิด
หนิงอวี้ลืมตาขึ้นมองไปยังมุ้ง นางยกมือขึ้นกุมท้องน้อยเอาไว้แน่น น้ำตาไหลออกมาหยดแล้วหยดเล่า แต่ใบหน้านางกลับประดับด้วยรอยยิ้ม รักษาเอาไว้ได้แล้ว ในที่สุดก็รักษาเอาไว้ได้
แพทย์หลวงกำชับไว้ว่าห้ามให้กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง หนิงอวี้ยกมือขึ้นปาดน้ำตา มุมปากโค้งยิ้มบางๆ เลือนรางจนแทบไม่เห็น
ครั้งนี้เหตุการณ์รุนแรงแต่มิได้รับอันตราย ในขณะที่หมอได้แต่ส่ายหน้าไม่ขาด สำนักหมอหลวงก็ส่งคนมารักษาพอดิบพอดี ตอนนั้นหนิงอวี้เจ็บปวดจนตาทั้งคู่เลื่อนลอย แต่นางกลับได้ยินอย่างชัดเจนว่ามู่หรงเหยียนเชิญเขามา
ยุ่งเหยิงไปทั้งหมด หนิงอวี้ยิ้มแหย ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงประตูดังเอียดอาด แม้เสียงเบาราวขนนกร่วง แต่เสียงเตือนในใจหนิงอวี้กลับดังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หรือว่าอีกฝ่ายจะยังไม่พอใจ คิดลอบสังหารนางกลางดึกอีก
หนิงอวี้ค่อยๆ ยกมือขึ้น หมายจะคลำหาถ้วยที่ใส่ยาที่ดื่มเหลืออยู่บนหัวเตียงนั้น จังหวะที่มือสัมผัสโดนถ้วย เงาดำนั้นก็เดินเข้ามา แสงจันทร์ส่องกระทบ ริมฝีปากเรียวบาง คิ้วคมเข้ม มู่หรงเหยียนนั่นเอง
เงียบงันอยู่พักใหญ่ หนิงอวี้หลับตาทั้งคู่ลงช้าๆ ก็ได้ยินเสียงมู่หรงเหยียนพูดขึ้นเบาๆ ว่า “ดื่มน้ำไหม”ทันทีที่กล่าวออกมา หนิงอวี้ก็พบว่าเขาได้ดื่มสุรามา กลิ่นโชยแตะจมูก ดูแล้วเขาคงดื่มมาไม่น้อยเลย
เสียงจอกกระทบดังกังวานขึ้นหนึ่งที ตามด้วยเสียงแตกร้าวดังขึ้น มู่หรงเหยียนในมือถือน้ำชาที่เทเต็มจนแทบล้นจอกหนึ่งขึ้น พูดขึ้นเสียงทุ้ม “ดื่มน้ำสิ”
หนิงอวี้หันกายเข้าหากำแพงแล้วตอบกลับเสียงทุ้ม “อยู่ให้ห่างข้าหน่อย”
มู่หรงเหยียนขมวดคิ้ว นั่งโยกไปมาอยู่ครู่จึงมารู้ทีหลังว่าตนดื่มสุราไปมาก แต่สตรีมีครรภ์นั้นห้ามต้องสุรา
มู่หรงเหยียนวางจอกบนตู้ไม้ที่หัวเตียง ก้าวถอยออกมาสองสามก้าวแล้วพูดเสียงเบา
“ข้าจะส่งเจ้าไปจากที่นี่…ในคืนวันมงคล”
หนิงอวี้พยักหน้า ไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
“ในวันมงคลนั้น ผู้คนเข้าออกมากมาย ง่ายที่จะไปจากที่นี่”
มู่หรงเหยียนเห็นนางไม่ตอบ จึงอธิบายด้วยเสียงอันทุ้ม ทว่าในใจเขารู้ดีว่าเป้าหมายในใจตนคืออะไร
ยิ่งเวลาผ่านไป หนิงอวี้ยิ่งไม่ปลอดภัย แน่นอนว่าในวันมงคลนั้น ผู้คนเข้าออกพลุกพล่านวุ่นวาย แต่เป้าหมายที่แท้จริงในการยื้อเวลาของเขานั้น คือตั้งใจจะร่วมพิธีกับนาง แม้จะไม่ใช่เรื่องจริง ขอแค่ได้เห็นสักครั้งก็ยังดี
ขอเพียงได้เห็นสักครั้ง เขาก็สามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบสุข สามารถปล่อยนางจากไปอยู่พร้อมหน้ากับเว่ยหยวน ขอแค่ได้เห็นเพียงครั้งเดียว เขาก็จะสามารถเก็บเอาไว้ในความทรงจำ คอยฟังข่าวจากรายงานลับว่านางมีชีวิตอย่างมีความสุขหรือไม่
เนิ่นนาน หนิงอวี้ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าจึงคิดว่าเขาจากไปแล้ว เมื่อลืมตาขึ้นกลับเห็นเขายืนอยู่ข้างเตียงห่างออกไปราวสามศอก หนิงอวี้มุ่นหัวคิ้ว ยื่นมือคว้าผ้าห่มมาพันตัวแน่นแล้วหลับตาทั้งคู่ลง
——
ท่ามกลางแสงแวววาวจากคมดาบคมกระบี่ เว่ยหยวนขี่ม้าฝ่าทะลวงการปิดล้อมของทหารฝ่ายข้าศึก ดาบยาวเพียงเล่มหนึ่ง ฟันศีรษะคนนับไม่ถ้วน เว่ยหยวนควบม้าวิ่งควบมุดไปท่ามกลางฝูงชน ดาบยาวในมือไม่หยุดขยับแม้เพียงครู่เดียว
เขาจะล้มไม่ได้ และจะหยุดไม่ได้ มีเพียงการทำลายป้อมปราการราชวงศ์เหนือให้ราบคาบ ถึงจะบีบพวกเขาให้ยอมส่งตัวหนิงอวี้คืนมาได้ เลือดสดสาดกระเซ็น เว่ยหยวนมองพลทหารฝ่ายศัตรูล้มลงด้วยสีหน้านิ่งเฉย
ทั้งหมดนี้ ผู้ที่มาขัดขวางการช่วงชิงหนิงอวี้กลับคืนมาล้วนแต่สมควรตาย เว่ยหยวนย่นคิ้วสะบัดแส้ ม้าทะยานพุ่งขึ้น กระโดดข้ามผ่านกำแพงมนุษย์ที่ขวางเอาไว้
เขาแกว่งดาบพุ่งตรงไปยังหัวหน้าฝ่ายข้าศึก คนผู้นั้นหัวเราะร่า ยื่นมือขึ้นมาลูบเคราหนึ่งทีแล้วพูดด้วยเสียงอันก้องว่า “อายุน้อยกำลังมากนัก” วินาทีถัดมา เขาถือค้อนเหล็กสองด้าม กระโจนขึ้นกลางอากาศ “เด็กเมื่อวานซืนไม่รู้จักชั่วดี”
นายพลค้อนคู่ราชวงศ์เหนือ ถือกำเนิดมาจากสามัญชน อาศัยค้อนทั้งสองในมือสร้างคุณงามความชอบ จึงหลุดพ้นจากความเป็นทาส ได้รับการละเว้นโทษทัณฑ์ กลายเป็นขุนพลใหญ่ผู้หนึ่งของราชวงศ์เหนือ
เว่ยหยวนรู้ดีว่าครั้งนี้ทำการบุ่มบ่ามเกินไป แต่จะจับโจรให้จับที่เจ้า หากพิชิตแม่ทัพได้ ก็จะชนะศึกทั้งหมดได้อย่างเป็นผลและรวดเร็ว
ตอนที่ 296 เว่ยหยวนใช้วิธีสกปรก
ค้อนเหล็กโฉบผ่านใบหน้า เว่ยหยวนบังคับม้าหมุนกลับ หลบการโจมตีได้หนึ่งที เกิดเสียงดังอึ้ง โคลนดินด้านหน้าที่ซึ่งนายพลค้อนเหล็กยืนอยู่ ปรากฏหลุมใหญ่สองหลุม
เว่ยหยวนขมวดคิ้ว หากดึงดันต่อสู้ซึ่งๆ หน้าคงเป็นไปไม่ได้ ทางเดียวที่จะเอาชนะได้คือการลอบโจมตี เขาบุกเข้าไปอย่างรวดเร็วเพื่อตะลุมบอน นายพลค้อนเหล็กหัวเราะร่า เหวี่ยงหมัดทั้งคู่ทุบไปยังเว่ยหยวน
เว่ยหยวนใช้กระบี่สกัด กระบี่โก่งงอแล้วดีดกลับ เว่ยหยวนเคลื่อนถอยหลังไปเล็กน้อย
“ฮ่าๆๆ แค่นี้เองสินะ เดี๋ยวข้าตาเฒ่าผู้นี้จะทุบเจ้าให้แหลกเลย!”
นายพลค้อนเหล็กเหวี่ยงค้อนทั้งคู่เดินเข้ามาด้านหน้า เว่ยหยวนก้มตัวหลบใช้กระบี่ดีดฝุ่นดินลอยขึ้น เข้าไปในตาทั้งคู่ของเขา
“เจ้าสุนัขราชวงศ์ใต้ต่ำช้าไร้ยางอาย ช่างกล้าใช้วิธีชั้นต่ำเช่นนี้…โอ๊ย”
ในตอนที่ฝุ่นดินถูกลมเริ่มสลายตัว เว่ยหยวนลืมตาทั้งคู่ขึ้น ชักกระบี่ออกมาช้าๆ นายพลค้อนเหล็กค่อยๆ ล้มลงกับพื้น บนแผ่นหลังปรากฏรอยแผลใหญ่มีเลือดกลบรอยหนึ่ง
ทหารราชวงศ์เหนือที่กำลังแพ้ร่นในตอนแรก บัดนี้เริ่มท้อแท้ยิ่งขึ้น พลทหารไม่น้อยหันกายกลับวิ่งหนี เว่ยหยวนผิวปากขึ้นหนึ่งที ม้าก็วิ่งควบเข้ามา
เว่ยหยวนพลิกกายขึ้นหลังม้า โยนกระบี่ยาวที่แตกร้าวเต็มไปด้วยคราบเลือด กระทบลงบนหลังนายพลค้อนเหล็กพอดี เขาตวัดแส้บังคับม้า วิ่งเข้าไปท่ามกลางเหล่าทหารราชวงศ์ใต้
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงทำเช่นนี้เสี่ยงเกินไปนะเพคะ”
“มั่วหลี ไปแจ้งพวกราชวงศ์เหนือ หากไม่ส่งหนิงอวี้มา เราจะกำราบพวกมันให้ราบเตียนในทีเดียว”
พระเนตรของฮ่องเต้ผู้ทรงเด็ดเดี่ยวเปี่ยมด้วยความเ**้ยมโหด มั่วหลีได้กลิ่นคาวเลือดรุนแรงจากกายเขา ก็เกิดความรู้สึกเกรงขามขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“องค์รัชทายาท แจ้งข่าวด่วนกองทัพพ่ะย่ะค่ะ!”
มู่หรงเหยียนวางเสื้อสีแดงในมือลงแล้วหันกายเดินไปยังประตู เมื่อชำเลืองหางตามองไปมองหนิงอวี้ ก็เห็นว่านางกำลังมีสีหน้าเคร่งเครียดตามคาด
มือหนิงอวี้พาดลงบนชุดมงคล สายตาจ้องนิ่งไปยังมู่หรงเหยียน เห็นเขาสีหน้าคร่ำเคร่ง รู้ได้ทันทีว่าเว่ยหยวนเอาชนะกองทัพราชวงศ์เหนือได้
เช่นนี้ โอกาสที่นางจะถูกผลักส่งออกไปยิ่งมากขึ้น แต่หากเว่ยหยวนพ่ายแพ้ เขาก็จะถูกประชาชนชาวราชวงศ์ใต้ประณาม หนิงอวี้มุ่นหัวคิ้ว ไม่รู้ว่าจุดจบควรเป็นเช่นไรดี
ขอเพียง ให้เขาปลอดภัย ก็พอแล้ว หนิงอวี้ยกมุมปากยิ้มแล้ววางมือลงบนท้องน้อยที่นูนป่อง เด็กบ้าเอ๋ย เจ้ารู้หรือเปล่า ว่าพ่อเจ้าไม่เพียงแค่เก่งกาจกาพย์กลอนการวางแผน ยังช่ำชองวรยุทธ์เสียอีกด้วย
เพียงแต่ หากเทียบกับข้าแม่คนนี้แล้วคงด้อยกว่าเล็กน้อย หนิงอวี้จมอยู่กับความคิด นางยิ้มบางขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เพียงชั่วอึดใจก็ถูกมู่หรงเหยียนรบกวนความคิด
“เจ้าชอบชุดมงคลหรือไม่”
หนิงอวี้ชำเลืองขึ้น มุมปากที่ยกยิ้มในตอนแรกก็ตกลง นางพูดตอบเสียงเบา “ก็แค่การจัดฉาก ไยต้องจริงจัง”
มู่หรงเหยียนพยายามสะกดความโกรธ เขาสะบัดมือแล้วพูด “ชุดมงคลที่ให้เหล่าช่างทอในวังรีบทำ ต้องทำให้แม่นางพึงพอใจแน่นอน”
“เพคะ”
กูกู[1]ขานตอบ นางยื่นชุดมงคลให้ ยอบกายคารวะแล้วถอยไป
ในห้องเหลือเพียงสองคน หนิงอวี้รู้สึกอึดอัดหมายจะหันกายหลบ ก็ได้ยินเสียงมู่หรงเหยียนพูดขึ้นว่า “เจ้าอยากรู้ ข่าวของของเว่ยหยวนหรือไม่”
“เจ้าจะบอกข้าอย่างนั้นหรือ”
มุมปากหนิงอวี้ยกยิ้มน้อยๆ แววตาแฝงด้วยความเย้ยหยัน มู่หรงเหยียนแม้ไม่มองหน้านางก็ได้ยินน้ำเสียงเย้ยหยันในคำพูดของนางได้
มู่หรงเหยียนก้มหน้าลง มองชุดเจ้าบ่าวสีแดงสด กลางก้นบึ้งหัวใจก็รู้สึกถึงความอ่อนแอสิ้นหวังขึ้นมาทันใดอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่อยากมองสายตาอันเยือกเย็น ไม่อยากฟังคำพูดถากถางของนาง แต่ในความเป็นจริง เขากลับไม่มีสิทธิ์ที่จะตอบนางว่า ‘ไม่’
“ข้าลองหาทางให้เจ้าได้ใช้ชีวิตที่ดีกว่านี้ ข้าจะปล่อยเจ้า ส่งเจ้าไปยัง…ข้างกายคนผู้นั้น”
“อืม”
“ข้าเคยบอกว่าจะปกป้องเจ้า คือความจริง เสียดายเรื่องบนโลกช่างอนิจจัง พวกเราได้มาไกลถึงจุดนี้เสียแล้ว”
หนิงอวี้ไม่ตอบ มู่หรงเหยียนเดินเข้าไปสองสามก้าวแล้วคว้ามือนางพร้อมกล่าวขึ้นว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าไม่ขอให้เจ้ารับมันด้วยรอยยิ้ม ขอเจ้าเพียงแค่…”
ยังไม่ทันกล่าวจบ มู่หรงเหยียนก็ปล่อยมือ เขาส่ายหน้ายิ้มเศร้าเดินจากไป ชุดเจ้าบ่าวเฉียดลงกายเขาแล้วร่วงหล่นลงบนพื้นที่จับเขลอะไปด้วยฝุ่น
——
[1] กูกู ตำแหน่งนางในคล้ายกับหมัวมัว แต่มีอายุน้อยกว่า