ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 299 ถูกกักบริเวณ / ตอนที่ 300 ดูนั่น หนิงอวี้ในชุดเต็มยศแต่มีค่าแค่เพียงสองเหมา
- Home
- ยอดรักชายาอัปลักษณ์
- ตอนที่ 299 ถูกกักบริเวณ / ตอนที่ 300 ดูนั่น หนิงอวี้ในชุดเต็มยศแต่มีค่าแค่เพียงสองเหมา
ตอนที่ 299 ถูกกักบริเวณ
บนผนังห้องเต็มไปด้วยใยแมงมุม หนิงอวี้ก้มหน้าเห็นเพียงหนูวิ่งกันขวักไขว่ โต๊ะเป็นลายพร้อย บนนั้นมีเพียงน้ำเย็นๆ เพียงจอกเดียว
หนิงอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่สั่นโยกเยกไม่มั่นคง มองเลือดสดบนฝ่ามืออยู่เงียบๆ มันคือเลือดของมู่หรงเหยียน
นั่งเหม่ออยู่ครู่ใหญ่ ท้องฟ้าดำสลัว หนิงอวี้ลุกขึ้นยืน เท้าทั้งคู่ชาจนไม่อาจเดินตัวตรง หนิงอวี้ยื่นมือไปค้ำผนังที่ขรุขระเป็นหลุมเว้าสลับนูน เดินไปยังนอกห้องช้าๆ
ท่ามกลางความเงียบสงัดกลางพงหญ้ารกชัฏ หนิงอวี้จู่ๆ เกิดรู้สึกขบขันขึ้นมา ชะตากรรมเดียวกัน นางเองก็ถูกขังไว้ในวังเช่นเดียวกับมารดาในตอนนั้น โศกนาฏกรรมซ้ำรอยรุ่นก่อน กลายเป็นเพียงสินค้า เขียนราคาแปะป้ายขาย
มุมหนึ่งของเรือนตำหนักมีบึงน้ำเล็กๆ น้ำตื้นไม่เกินตาตุ่ม หนิงอวี้ย่อเข่านั่งลงทำความสะอาดคราบเลือดบนมืออย่างเบามือ ทำไมกัน ทำร้ายนางแล้ว กลับยังปกป้องนางอีก
คนที่ทำลายอดีตคือเขาแท้ๆ สุดท้ายคนที่คิดตามเก็บเศษเสี้ยวมาปะติดปะต่อใหม่กลับเป็นเขา บนท้องฟ้าปรากฏดวงดาวเป็นจุดเล็กๆ ดูเหมือนว่านาง ไม่เคยมองมู่หรงเหยียนออกเลย
รอบด้านไร้ผู้คน หนิงอวี้ยื่นมือไปเก็บหญ้าแห้งมาปูรองบนพื้น นางเอนกายลงบนกองหญ้าแห้งมองไปยังดวงดาว เว่ยหยวนอยู่ที่ใด ตอนนี้เขาคงกำลังสะสางงานราชการ ที่นั่นจะมีดวงดาวทั่วท้องฟ้าหรือไม่
นางไม่อยากเป็นภาระให้กับเขา เกิดเรื่องราวมากมาย นางก็ยังดึงเขามาลำบากอยู่ดี หนิงอวี้ยกมือขึ้นกุมท้องน้อยๆ รู้สึกว่านูนขึ้นเล็กน้อย ตอนแรกนางคิดจะหนีให้พ้นจากวังวนนี้ ต่อมาตัดสินใจที่จะควบคุมมัน จนถึงตอนนี้นางหลงทางอยู่กลางวังวนนี้เสียแล้ว
หากตายไป ตายอยู่กลางสนามรบ นางก็จะไม่รู้ว่าความจริงที่อยู่เบื้องหลังนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน หรือว่าโชคดีกันนะ หนิงอวี้มุ่นหัวคิ้วรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็น
บางทีเพื่อห้ามไม่ให้นางฆ่าตัวตาย ทุกสิ่งที่ไม่จำเป็นในตำหนักจึงถูกเก็บกวาดจนเกลี้ยง กำแพง เสาล้วนแต่ติดด้วยกระดาษหลากหลายชนิดจนทั่ว
หนิงอวี้ลุกขึ้นยืน ค่อยๆ ก้าวทีละก้าวกลับตำหนักนอน นางเอนกายกลับลงบนเตียงเก่าผุๆ หลังนั้น เพียงตะแคงตัวเล็กน้อย ก็เกิดเสียงดังขึ้นเอียดอาด หนิงอวี้โอบกอดตัวเองแล้วผล็อยหลับไป
——
รุ่งเช้า ประตูถูกเตะเปิด หนิงอวี้สะดุ้งตื่นทันที นางลุกขึ้นนั่งมองผู้มาเยือน ฮ่องเต้ในฉลองพระองค์มังกร ดูหรูหรายิ่งนัก พระองค์ทรงลูบพระมัสสุ สีพระพักตร์ดูยินดี “เว่ยหยวนตอบรับข้อแลกเปลี่ยนตัวเจ้าแล้ว”
“สิ่งตอบแทนเล่า”
“คืนดินแดนทั้งหมดที่ยึดได้ พร้อมยกเมืองห้าแห่งของราชวงศ์ใต้ให้”
หนิงอวี้ขบฟัน สีหน้าไม่พอใจ ฮ่องเต้ทรงเลิกพระขนง สะบัดพระหัตถ์ หมัวมัวจำนวนนับไม่ถ้วนก็เข้ามาล้อมตัวนางไว้
“สองสามวันนี้ เจ้าก็พักที่นี่ให้สบายใจเถิด รอได้ฤกษ์ดีๆ ให้เจ้าแต่งองค์ทรงเครื่องเตรียมออกเรือน ทำภารกิจที่แม่เจ้าทำค้างไว้ให้สำเร็จ”
หนิงอวี้เผยความดุดันออกมา นางลุกขึ้นโผไปยังเขาแต่ถูกหมัวมัวสองสามนางรัดตัวไว้แน่น ฮ่องเต้ทรงสรวลเสียงดัง แล้วหันกลับเสด็จจากไป หนิงอวี้มองแผ่นหลังของเขา แล้วนั่งลงบนเตียงไม้อย่างห่อเ**่ยว
ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ในห้องถูกทำความสะอาด แต่บนเตียงกลับเต็มไปด้วยหญ้าแห้ง หนิงอวี้ปาผ้าห่มแพรลงพื้น หมัวมัวสองสามนางไม่พูดจาได้แต่เก็บผ้าห่มนวมขึ้นมาเก็บเข้าที่
เมืองห้าแห่ง เว่ยหยวนคงตอบรับท่ามกลางแรงกดดันจากผู้คน หนิงอวี้เอนกายนอนเหม่ออยู่บนเตียง หากการแลกเปลี่ยนครั้งนี้สำเร็จ เว่ยหยวนคงเสียความรักจากไพร่ฟ้าประชาชน ไม่สิ บางทีวินาทีที่เขาตอบรับก็สูญเสียมันไปแล้ว
นางเคยเห็น ท่าทางเขาตอนตรวจงานราชการจนดึกดื่น นางเคยเห็น ท่าทางของเขาที่กำลังก้มศีรษะให้คนผู้นั้นอย่างจำใจ เส้นทางที่เขาผ่านมานั้น ต้องฟังคำพูดดูถูกไม่น้อย ถูกหยามหมิ่นมามากเหลือเกิน
เขาย่ำไปทีละก้าวบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม จนในที่สุดได้นั่งตำแหน่งฮ่องเต้ แล้วนางจะเป็นภาระให้เขาได้อย่างไรกัน
หนิงอวี้หลับตาทั้งคู่ลง ริมฝีปากซีดขาว ทั้งวันข้าวเม็ดเดียวก็ยังไม่ตกถึงท้อง น้ำหยดเดียวก็ไม่ได้แตะ จนร่างกายนางอ่อนแอลงอย่างมาก หนิงอวี้ลูบไปบนท้องน้อยๆ น้ำตาเอ่อรื้นออกหางตา
ตอนที่ 300 ดูนั่น หนิงอวี้ในชุดเต็มยศแต่มีค่าแค่เพียงสองเหมา[1]
องค์หญิง ท่านรับอาหารหน่อยเถอะเพคะ”
หนิงอวี้หันกายเข้าหากำแพง หลับตาทั้งคู่ลง ริมฝีปากแห้งผากอย่างรุนแรง ท้องเองก็ว่างเปล่า
“นี่จะเอาอย่างไรดี หากท่านเกิดหิวตาย ฮ่องเต้ต้องลงพระอาญาแน่”
“ไม่ต้องกังวล แต่ไหนแต่ไรก็เป็นผู้ที่ถูกส่งไปแต่งงาน ขอเพียงไม่อดตาย จะทรมานอย่างไรก็แล้วแต่”
สาวใช้ที่หน้านิ่วคิ้วขมวดได้ยินประโยคนี้ แววตาก็เกิดประกายขึ้นมา “กูกูหมายความว่าอะไรหรือ”
หมัวมัวร่างใหญ่เทอะทะยิ้มย่องอย่างถือดียื่นมือออกมาถลกแขนเสื้อ แล้วพูด “เจ้าจงดูให้ดี”
นางยื่นมือออกไปตรึงแขนทั้งสองของหนิงอวี้ไว้ หนิงอวี้ขมวดคิ้วแล้วกลิ้งตัวเข้าไปด้านในของเตียง หมัวมัวรู้สึกเสียหน้า นางขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีแล้วตะคอกออกมาว่า “ได้ ดูสิว่าข้าจะจับเจ้าได้หรือไม่!”
ทันทีที่สิ้นคำ นางก็ยกเท้าเหยียบริมขอบเตียง ยื่นมือไปคว้าหนิงอวี้ หนิงอวี้มุ่นหัวคิ้ว ยื่นมือออกมาปัดป้องแต่กลับถูกคว้าไว้ได้อย่างง่ายดาย
อาหารสักมื้อนางก็ไม่ได้แตะ ร่างกายอ่อนร้าโรยแรงมาแต่แรกแล้ว หมัวมัวทำงานในวัง ออกแรงจนเคยชิน น้ำแรงย่อมแข็งแรงกว่าสตรีทั่วไป ทันทีที่มือคนทั้งสองเกี่ยวรัดกัน หนิงอวี้ก็ถูกจับเอาไว้แน่นถนัด ไม่มีเรี่ยวแรงจะขัดขืนแม้แต่น้อย
“เอาถ้วยมา!”
หมัวมัวใบหน้าประดับยิ้มอย่างสะใจ มัจจุราชหยกอะไรกันเล่า ดูไปแล้ว นางเองก็สามารถออกรบพิชิตศึกทั่วสารทิศได้เช่นกัน
สาวใช้ที่ยืนดูด้วยความตกใจกลัวนั้นรีบยื่นถ้วยเข้าไป หมัวมัวตรึงแขนหนิงอวี้ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างยกถ้วย หนิงอวี้มือทั้งคู่พยายามรวบรวมกำลังอย่างเจ็บปวด ยกเท้าขึ้นถีบไปยังหมัวมัว
“ไอหยา!”
หมัวมัวร้องเสียงหลงหนึ่งที ใบหน้าที่กระหยิ่มยิ้มยิ่งกลับกลายเป็นดุดัน นางยื่นมือออกไป คว้าหนิงอวี้เอาไว้อย่างแรง นางดึงอยู่สองสามทีเพื่อเอาสายรัดผมบนศีรษะออกมาแล้วมัดมือหนิงอวี้เอาไว้จนแน่น
หนิงอวี้ดิ้นรนแต่ก็มิอาจดิ้นหลุด เมื่อครู่หมัวมัวลงมืออย่างแรง ข้อมือนางจึงบวมแดงขึ้นมา เพียงออกแรงเบาๆ ก็เสียดสีกับสายรัดผมจนเจ็บปวดอย่างรุนแรง
หมัวมัวยกถ้วยข้าวต้มเดินเข้ามา หนิงอวี้ขบลงบนริมฝีปาก ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาแม้แต่น้อย กรามถูกคว้าจนแน่น น้ำข้าวต้มถูกกรอกลงไป หนิงอวี้สำลักไอออกมาไม่หยุด สำลักจนแดงก่ำทั้งใบหน้า
หมัวมัวกลับยื่นมือขึ้นมาคว้าปากนางเอาไว้แน่น มือหนึ่งคว้าคาง อีกข้างก็ง้างปากนางออก หนิงอวี้รู้สึกแสบที่คออย่างมาก น้ำตาไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ครู่หนึ่ง น้ำข้าวต้มก็ถูกบังคับให้กลืนลงไป
สามวันให้หลัง หนิงอวี้สวมชุดมงคลตัวนั้นอีกครั้ง มือทั้งคู่ที่ถูกซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้ออันกว้าง ถูกมัดด้วยเชือกป่านแช่น้ำมัน
ข้อมือเจ็บปวดเกินทน เมื่อเช้าตรู่ตอนที่เปลี่ยนเชือกเส้นใหม่ นางได้ก้มมองดูข้อมือ เห็นว่ายังคงบวมแดงนูนออกมา หนิงอวี้ลองขยับหมุนข้อมือ ท่ามกลางความรู้สึกชานั้นมีความรู้สึกเจ็บปวดแฝงอยู่
“วันนี้…องค์หญิงอวี้ เพียบพร้อมทั้งกิริยาความสามารถ รูปโฉมงามงด รับบัญชาสวรรค์ อภิเษกกับจักรพรรดิเว่ยแห่งราชวงศ์ใต้…”
เสียงเล็กแหลมพูดขึ้นเสียงดัง หนิงอวี้ฟังด้วยสีหน้านิ่งเฉย มือทั้งคู่ยังคงบิดไปมาไม่หยุด
ท่ามกลางฝูงชน ผู้คนกำลังกระซิบกระซาบกัน หนิงอวี้ได้ยินเสียงกระซิบเหล่านั้น ก็มุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาอันร้อนผ่าว หนิงอวี้ช้อนสายตาขึ้นมอง ก็เห็นว่าบนแท่นสูงนั้นคือมู่หรงเหยียน
เขาเม้มปากขมวดคิ้ว มือซ้ายถูกพันด้วยผ้าขาวเป็นก้อนจนแน่น ดูราวกับลูกบ๊ะจ่าง คงไม่พบกันอีกแล้ว หนิงอวี้หันกลับเดินลงบันไดไป ชายกระโปรงสีแดงสดแผ่ออกราวดอกไม้ผลิบาน ดิ้นเงินดิ้นทองปักลายเป็นเค้าโครงผีเสื้อคู่หนึ่ง
มู่หรงเหยียนกำหมัดแน่น ทันใดนั้นก็คิดจะพุ่งเข้าไปพาตัวนางไปโดยไม่สนใจสิ่งใด แต่ เขาไม่อาจทำได้ มู่หรงเหยียนสีหน้าบึ้งตึง สะบัดชายเสื้อแล้วเดินจากไป ปี้อวี้ที่อยู่ด้านข้างแค่นเสียงเยาะหนึ่งทีแล้วยกมือขึ้นลูบคิ้ว มองนางเดินลงบันไดด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
ลมพัดปอยผมข้างใบหูนาง พัดต้องเครื่องทองระย้าบนมงกุฎหงส์ เครื่องประดับต่างกระทบกัน ส่งเสียงกังวานใส หนิงอวี้ก้มหน้า คราบเลือดบนแขนเสื้อยังไม่ถูกซักออกจับตัวแข็งเป็นสีดำคล้ำ
——
[1] เหมา หน่วยค่าเงินสกุลจีน ปัจจุบันหนึ่งหยวนจะเท่ากับสิบเหมา