ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 301 แก้แค้น / ตอนที่ 302 ท่านหมอก็มิใช่คนดี
ตอนที่ 301 แก้แค้น
รถม้าวิ่งโคลงเคลง หนิงอวี้หลับตาทั้งคู่ลงอย่างงัวเงีย นางเอนกายพิงตัวรถม้าแล้วหลับไป ขนตานางสั่นระริก ริมฝีปากซีดขาว สองแก้มแดงปลั่ง
หมัวมัวคิดได้ว่านางไม่ได้ดื่มน้ำมาครึ่งวันแล้วก็เรียกรถม้าให้หยุด เมื่อแหวกม่านขึ้นก็เห็นนางพิงกับตัวรถม้าสลบอยู่ แก้มทั้งสองแดงปลั่งด้วยฤทธิ์ไข้ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย หมัวมัวยื่นมือไปตรวจอุณหภูมิบนหน้าผากนาง ร้อนไปทั้งแถบ
“รีบไปตามหมอมา!”
หมัวมัวตะโกนเสียงดังหนึ่งทีแล้วยื่นมือไปเลิกแขนเสื้อนางขึ้น เห็นข้อมือนางบวมแดงอย่างที่คิด ข้อมือส่วนใหญ่บวมจนนูนออกมา ส่วนที่ถูกเชือกฟั่นมัดเอาไว้เป็นรอยบุ๋มช้ำเลือด
นางรู้ดีว่าตนก่อเรื่องเข้าแล้ว จึงรีบแก้เชือกนั้นออกอย่างลนลานแล้วนวดคลึงข้อมือนางเบาๆ
ครั้นหนิงอวี้ตื่นจากภวังค์ก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยดวงหนึ่ง คิ้วดกเครายาว นั่นคือหมอที่ตำหนักกลางเขาผู้นั้น นางเหลียวมองก็เห็นสาวใช้ประจำตำหนักกลางเขาด้วย
“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”
ท่านหมอโค้งคำนับ รถม้าวิ่งโคลงเคลงจนเขาเซไปหนึ่งที เขารีบยกมือขึ้นค้ำผนังรถอย่างร้อนรน
หนิงอวี้ฝืนปั้นหน้ายิ้ม ฟ้าดินไม่ทอดทิ้งคน ข้อมือหนิงอวี้ปวดบวม หนิงอวี้คิ้วขมวดก้มหน้าก็เห็นว่าอาการเลวร้ายจนแทบไม่อยากมอง ขี้ผึ้งยาสีเขียวทาลงรอยแผลบวมแดง ยิ่งทำให้ข้อมือดูบวมจนน่ากลัว
“องค์หญิง บ่าวมาช้าไป แต่ได้สั่งลงโทษคนผู้นั้นแล้วเพคะ”
หนิงอวี้พยักหน้าอย่างอ่อนแรง สาวใช้ค้อมกายคำนับแล้วยกมือขึ้นปรบเบาๆ รถม้าก็หยุดลง คนผู้หนึ่งถูกผลักเข้ามาบนรถ
อาจเป็นเพราะเพื่อสำแดงความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์เหนือ รถม้าจึงใหญ่โตหรูหรา มีสี่คนบนรถ กลับไม่รู้สึกเบียดเสียดแม้แต่นิด
“องค์หญิง โปรดอภัยบ่าวด้วย บ่าวทำเพราะหวังดีต่อท่าน ท่านไม่กินไม่ดื่ม บ่าวจนปัญญาจริงๆ เพคะ”
หมัวมัวถูกมัดรอบตัว ขยับกายบนรถม้าอย่างลำบาก “แม่นางอวี้หนู ขอร้องท่านนะ อภัยบ่าวด้วย”
หนิงอวี้เห็นนางน้ำตานองหน้าก็ยกมือขึ้นช้าๆ พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “นี่ก็คือความหวังดีของเจ้าหรือ”
“บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวผิดไปแล้ว ขอองค์หญิงโปรดอภัยด้วยเถิด”
หมัวมัวโขกหัวไม่หยุด จนหน้าผากบวมแดงไปทั้งแถบ
หนิงอวี้พยักหน้า แววตาหมัวมัวเป็นประกายปลาบหนึ่ง แต่ก็ถูกประโยคที่ตามมาทำให้ตกตะลึงจนหน้าซีด
“จับนางมัด มัดเอาไว้สามวันสามคืน”
หนิงอวี้ยกมุมปากยิ้ม รอยยิ้มดูอ่อนแรงอย่างที่สุด
“เจ้ามัดข้าสามวันสี่คืน ข้าตอบแทนเจ้าสามวันสามคืน เจ้าได้กำไรเลยนะ อวี้หนู ลงมือ!”
อวี้หนูพยักหน้า มือข้างหนึ่งคว้าหมัวมัวที่กำลังร้องไห้โอดครวญ มือข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น เสียงร่ำไห้ค่อยๆ ห่างออกไป หนิงอวี้พูดขึ้นเสียงเบาว่า “พาข้าไปจากที่นี่ได้หรือไม่”
ท่านหมอพยักหน้า แสร้งเป็นตรวจรอยแผลจึงเดินเข้าไปสองสามก้าวแล้วคุกเข่าลงกับพื้นเบื้องหน้านาง
“ข้าจะคิดหาวิธีพาท่านไป พรุ่งนี้เมื่อผ่านหุบเขา ให้ท่านแสร้งเป็นปวดท้อง เรียกให้ข้ามาหา”
หนิงอวี้พยักหน้าแล้วยื่นมือไปหยิบห่อเข็มฝังบนโต๊ะด้านข้างมาอย่างลำบาก นางดึงเข็มเงินเล่มที่ใหญ่ที่สุดออกมาซ่อนไว้ในแขนเสื้อ
หนิงอวี้รู้ดีว่าการกระทำครั้งนี้อาจหาญเกินไป นางหัวเราะออกมาอย่างเข้าใจแล้วถามเสียงเบาว่า “เว่ยหยวนช่วงนี้ยังอยู่ดีหรือไม่”
หมอนิ่งอึ้ง อึดใจเดียวก็ก้มหน้าตอบว่า “…ฝ่าบาททรงสบายดี เพียงแต่…”
ยังไม่ทันจบความ รถม้าก็หยุดลงทันใด คงเพราะอวี้หนูขึ้นรถม้า
ท่านหมอลนลาน ยื่นมือไปเก็บข้าวของจัดเก็บทีละชิ้นลงถุงผ้าป่าน เขาโค้งตัวคำนับเล็กน้อยแล้วแหวกม่านขึ้นเดินออกไป
หนิงอวี้กุมเข็มเงินในมือแน่นแล้วค่อยๆ จิบชิมรสน้ำเย็นนั้น มีบางอย่างผิดปกติ เว่ยหยวนจะสบายดีอยู่ได้อย่างไร นางหายตัวไป แกล้งตาย แต่งงานกับมู่หรงเหยียน จากนิสัยของเขา คงต้องโกรธจนคลุ้มคลั่งเป็นแน่
หากไม่ใช่ว่าโกรธจนคลุ้มคลั่ง แล้วไยจะดึงดันบุกตีราชวงศ์เหนือ คุกคามไม่หยุดเช่นนี้ หากมิใช่เพราะคิดถึงนางจนเสียสติ แล้วไยจึงเสี่ยงโดนผู้คนทั่วหล้าครหาด่าทอโดยการออกทัพ ซ้ำยังตอบรับเงื่อนไขอันโหดร้ายนี้ได้อย่างไร
ตอนที่ 302 ท่านหมอก็มิใช่คนดี
“องค์หญิง ขอท่านวางใจ สองสามวันนี้อวี้หนูจะคอยคุ้มครองท่าน ไม่ยอมให้ท่านต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน”
หนิงอวี้พยักหน้า นางยื่นมือไปแหวกผ้าแพรบางข้างหน้าต่างขึ้น เห็นภายนอกมีหญ้าขึ้นเขียวชอุ่มทอดยาว
มือเริ่มหายบวม แต่รอยช้ำเป็นทางยาวยังเหลืออยู่ คงไม่สามารถใช้แรงได้ชั่วขณะหนึ่ง หนิงอวี้มุ่นหัวคิ้ว หากเป็นเช่นนี้ เมื่อถึงเวลาต้องหนีคงยากที่จะป้องกันตัวได้
“องค์รัชทายาท ได้สั่งบ่าวไว้ให้บอกท่านว่า แผ่นดินกว้างใหญ่ ต้องระวังให้จงดี” อวี้หนูคุกเข่าลงกับพื้น แล้วล้วงตลับไม้งามประณีตตลับหนึ่งออกมา “แล้วยังมีสิ่งนี้”
หนิงอวี้ยื่นมือออกไป ตลับไม้หนักราวกับนับพันชั่ง หนิงอวี้ยิ้มเจื่อน นางเลือกเข็มเงินนั้นถูกแล้ว สภาพของนางตอนนี้ ยากที่จะหยิบอาวุธใดขึ้นได้อีก
อวี้หนูพยักหน้า ยอบกายคำนับแล้วถอย นางแหวกม่านขึ้นแล้วจากไป ในรถม้าเหลือเพียงนางผู้เดียว สีหน้าระวังบนหน้าหนิงอวี้ลดลงคลายลงเล็กน้อย นางก้มหน้าลงเปิดตลับไม้อย่างระวังมือ
ตลับไม้นี้ทำจากไม้กฤษณา กลิ่นหอมอบอวลไปทั้งตลับ ด้านบนมีพลอยแดงและหยกเขียว ฝังอยู่ในดวงตาพญาหงส์และบนศีรษะ
เสียงดังขึ้นหนึ่งที ตลับไม้ถูกเปิดออก มีหยกสีขาวบริสุทธิ์อยู่หนึ่งชิ้น ด้านล่างรองด้วยผ้าต่วนสีแดงเข้ม หนิงอวี้ปิดฝาตลับแล้ววางไว้ด้านข้าง
รถม้าวิ่งโคลงเคลง หนิงอวี้แหวกม่านขึ้นก็เห็นว่าเข้ามายังหุบเขาแล้ว รถม้าวิ่งอยู่กลางทาง ด้านข้างคือพุ่มไม้เตี้ยๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นหน้าผาที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่
“อวี้หนู ข้าปวด” หนิงอวี้สีหน้านิ่งเฉย ยื่นมือไปกุมท้องน้อย วินาทีถัดมา ม่านรถก็ถูกแหวกขึ้น หนิงอวี้ขมวดคิ้วทำทีเป็นเจ็บปวด
อวี้หนูก้มตัวเดินเข้าในรถม้าแล้วถามขึ้นเสียงเบา “ปวดท้องหรือเพคะ” หนิงอวี้พยักหน้า ใบหน้าแดงระเรื่อ ดูราวกับเจ็บปวดทรมาน อวี้หนูแสดงสีหน้าลำบาก หันกายเดินออกรถม้าแล้วตะโกนขึ้นดัง “รีบไปเชิญท่านหมอมา”
ท่านหมอแบกถุงสัมภาระเข้ามาแล้วจัดการตรวจไข้เป็นพัลวัน หนิงอวี้พิงหลังกับตัวรถแล้วก้มหน้า ขมวดคิ้วแสร้งเป็นเจ็บปวดไปพลาง สังเกตสีหน้าท่านหมอไปพลาง ท่านหมอจับสังเกตแววตานางได้ ท่าทียิ่งลนลานยิ่งขึ้น
“มีโจรมา!”
เสียงตะโกนนอกรถม้าดังขึ้นหนึ่งเสียง อวี้หนูสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยแล้วรีบเดินออกไปโดยเร็ว ท่านหมอยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากออกแล้วนั่งลงกับพื้น
“องค์หญิง คนที่มารับมาถึงแล้ว รีบไปกับข้าเถอะ”
หนิงอวี้พยักหน้า เดินตามหลังเขาลงรถม้าไป ผู้คนภายนอกกำลังเข่นฆ่ากัน โกลาหลไปทั่ว ท่านหมอจูงแขนนางโดยมีแขนเสื้อคั่นกลาง ครั้นแล้วก็รีบเดินเข้าไปกลางพื้นที่ซึ่งต้นไม้ปกคลุมแน่นหนา
ผิดแล้ว คนเหล่านี้…ทำชั่วไม่คิดชีวิต ลงมืออย่างโหดเ**้ยม เว่ยหยวนไม่มีทางใช้คนแบบนี้เป็นอันขาด ถ้าเป็นเขาต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนางแน่นอน
หนิงอวี้สะบัดมือท่านหมอออก นางขมวดคิ้วมองนิ่งไปยังเขาแล้วถามขึ้นเบาๆ ว่า “เจ้าเป็นคนของใครกันแน่” เพียงแค่คำพูดหลอกถามประโยคเดียวก็ทำเอาท่านหมอถึงกับหน้าถอดสี เขาตะโกนขึ้นอย่างลนลานว่า “นางอยู่ที่นี่ รีบมาจับนางเร็ว”
หนิงอวี้ขบฟันแล้วถีบเขาล้มในครั้งเดียว นางหันกายออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่หมอพูดจบ เหล่าโจรก็วิ่งพุ่งมายังนาง พลทหารเองก็ต่างรีบตามมาเพื่อคุ้มกัน
ตอนนี้วิธีที่มั่นคงปลอดภัยที่สุด น่าจะเป็นการวิ่งกลับไปอยู่ท่ามกลางการล้อมอารักขาของกองกำลังราชวงศ์เหนือ แต่หากพวกเขากำจัดเหล่าโจรได้ นางก็จะถูกส่งตัวไปแต่งงาน กลับไปไม่ได้ หนิงอวี้ขมวดคิ้ว มือทั้งคู่กุมท้องน้อยแน่นออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
หุบเขาแห่งนี้ ปกคลุมด้วยแมกไม้พุ่มหญ้า ภูมิประเทศสลับซับซ้อน หนิงอวี้เอียงกายหลบเข้าไปกลางพุ่มไม้ เพียงครู่เดียว เสียงฝีเท้าที่ตามมาก็ดังขึ้น เสียงต่อสู้ฆ่าฟันดังกึกก้อง
“หยุดนะ ไปตามหาองค์หญิงก่อน!”
เสียงอวี้หนูดังขึ้น หนิงอวี้เห็นเบื้องหน้ามีทางสองสาย คิดเพียงชั่วครู่ก็วิ่งไปยังทางเส้นหนึ่ง เสียงฝีเท้าที่ตามมาติดๆ นั้นหยุดลง นางมุดตัวซ่อนกลางพุ่มไม้
ยื่นมือเก็บใบไม้ที่แห้งเ**่ยวขึ้นมาปกศีรษะ หนิงอวี้หมอบลงกับพื้นกำบังตน เพียงครู่เดียว เสียงฝีเท้าผู้คนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“นางอยู่ที่ไหน วิ่งมาทางนี้แท้ๆ!”
“พวกเรารีบตามไป อย่าให้นางหนีไปได้!”
หนิงอวี้ได้ยินเสียงหัวใจตนเต้นรัว ทหารราชวงศ์เหนือวิ่งตามเข้ามาด้วยความเร็ว
“ตามพวกมันไป คุ้มครององค์หญิงให้ได้”