ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 303 สาวใหญ่ชั่วร้ายผู้ขายซาลาเปา / ตอนที่ 304 พบสหายเก่า
ตอนที่ 303 สาวใหญ่ชั่วร้ายผู้ขายซาลาเปา
ยามอัสดง หนิงอวี้สภาพสะบักสะบอมเดินออกมาจากป่า เผ้าผมของนางกระเซอะกระเซิง ทั่วตัวแซมด้วยเศษใบไม้ใบหญ้า ชายกระโปรงขาดวิ่น ดูราวกับผีเสื้อที่ปีกโดนทำลาย
คนเหล่านั้นยังไม่ได้จากไป กลางหุบเขายังคงสว่างไปด้วยแสงจากคบเพลิง ทว่าตอนนี้ เป็นโอกาสอันงามที่นางจะหลบหนี กลางวัน นางไม่อาจระบุว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน แต่ในช่วงกลางคืน แสงคบเพลิงถูกพวกเขาจุดขึ้น ช่วยระบุตำแหน่งพวกเขาให้กับนาง
หนิงอวี้มือหนึ่งกุมท้องน้อย อีกมือคลำหาต้นไม้เพื่อค้ำยัน ดวงจันทร์เคลื่อนออกจากหลังก้อนเมฆ แสงจันทร์นวลผ่องสาดส่องลงมา หนิงอวี้มองเห็นทางเบื้องหน้าอย่างชัดเจน
หนิงอวี้เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ท่ามกลางดวงดารานับหมื่นพันในที่สุดก็พบแสงสว่างนำทาง หนิงอวี้เดินตามดวงดาวนั้นไปช้าๆ ด้านหลังหนิงอวี้ ชายกระโปรงอันงามหรูถูกฉีกขาดเป็นเศษผ้ารุ่งริ่ง เมื่อชายกระโปรงเฉียดผ่านกิ่งไม้ ก็ทิ้งเศษผ้าแพรต่วนสีแดงสดไว้หนึ่งชิ้น ท่ามกลางสีเขียวชอุ่มไปทั่วเช่นนี้ดูสะดุดตาอย่างยิ่ง
หนิงอวี้ยกมือขึ้นหมายจะหักกิ่งไม้กิ่งทำมาเป็นไม้เท้า แต่ก็ออกแรงไม่ได้แม้แต่น้อย แม้กระทั่งจะกำหมัดก็ไม่อาจทำได้ หนิงอวี้เกิดกลัวขึ้นมาฉับพลัน นางส่ายหน้าไปมาอย่างร้อนรน
นางย่อเข่านั่งลงใช้มือทั้งสองเก็บก้อนหินก้อนหนึ่งขึ้นมาทุบไปยังกิ่งไม้จนหักแหว่ง ทำเช่นนี้ซ้ำไปมาในที่สุดกิ่งไม้ก็ขาดออก
อรุณเบิกฟ้า หนิงอวี้เดินออกจากหุบเขา เดินก้าวกระเผลก รองเท้าปักลายเต็มไปด้วยโคลนดิน สถาพโทรมอย่างยิ่ง หนิงอวี้เริ่มรวบรวมกำลังกลับมาได้ นางใช้มือทึ้งชายเสื้อชุดมงคลโยนลงพื้น แล้วเดินโซซัดโซเซไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ไกลออกไป
นางเดินจากมาไม่นาน ผู้คนขบวนหนึ่งก็วิ่งไปยังที่แห่งนั้น ผู้เป็นหัวหน้ากุมผ้าแพรต่วนแดงสดสองสามชิ้นในมือแน่น เขายืนอยู่ที่กับที่ยื่นมือไปเก็บชายกระโปรงชุดนั้นขึ้นมา ครั้นแล้วก็โยนมันลงพื้น
“ตามไป นางต้องหนีไปยังหมู่บ้านเล็กๆ นั่นแน่”
ผู้คนบนท้องถนนต่างประหลาดใจ มองไปยังหญิงสาวในสภาพสะบักสะบอมผู้นั้น ทั้งที่หมดสภาพเหลือทนเช่นนี้ แต่กลับดูงามสง่าจนยากที่จะละสายตาไปได้
นางสวมใส่ชุดงามหรู ชายกระโปรงกลับฉีกขาดจนหมดสภาพ ดูแล้วขัดสามัญยิ่งนัก หญิงใบหน้างามประณีต บนใบหน้ากลับมีรอยแผลยาวรอยหนึ่ง ในมือนางกุมแท่งไม้ยาวแน่น ดูแกร่งกล้าและอ่อนแอในเวลาเดียวกัน
หนิงอวี้ค่อยๆก้าวไปอย่างลำบาก ทุกที่ซึ่งขยับผ่านล้วนแต่ทิ้งรอยเลือดเอาไว้ ขาทั้งสองปวดจนชา แต่กลับสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก คงเพราะเลือดไหลซึมลงถึงถุงเท้า
หนิงอวี้ยิ้มแหย แม้นางจะสภาพสาหัสเช่นนี้ แต่ก็นับว่าหนีมาได้แล้ว ไม่ไกลจากที่นั่นมีเสียงหญิงวัยกลางคนตะโกนร้องขายซาลาเปา กลิ่นหอมลอยตามลมแตะปลายจมูก
หนิงอวี้รู้สึกท้องว่าง จึงขยับเขยื้อนตัวไปยังร้านซาลาเปาอย่างลำบาก
“มานางกินซาลาเปาไหม ลูกละสองเหวิน[1]”
หนิงอวี้พยักหน้า ยื่นมือไปล้วงหาถุงผ้า ทันใดนั้นก็พบว่าตนเองกำลังตกสู่สภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
นางยื่นมือขึ้นดึงปิ่นทองด้ามหนึ่งออกจากผม แล้วยื่นให้สาวใหญ่
“แลกกับเงินและซาลาเปาทั้งหมดได้หรือไม่”
สาวใหญ่รับปิ่นปักผมทองมาสำรวจอย่างละเอียด แล้วหัวเราะจนหุบปากไม่ลง
หนิงอวี้ถอนใจอย่างโล่งอก กำลังจะยื่นมือไปหยิบซาลาเปา สาวใหญ่ก็ถลึงตาเชิดจมูก เอามือเท้าเอวตะโกนด่า “ดีจริงนะเจ้า เอาปิ่นทองปลอมมาให้ข้า แล้วยังคิดจะกินซาลาเปาข้าอีก คิดว่าข้าดูไม่ออกจริงหรือ”
นางพูด พลางเอาปิ่นทองเก็บไว้ในแขนเสื้อ หนิงอวี้ตั้งใจจะอธิบาย เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางนางแล้วก็ยิ้มเยาะ
“ในเมื่อเช่นนั้น เจ้าก็คืนปิ่นทองข้ามา”
สาวใหญ่ย่นคิ้วแล้วพึมพำออกมาว่า “ไม่ได้หรอก จะให้เจ้าเอาของปลอมไปเที่ยวหลอกผู้คนอีกได้กระไร ให้ซาลาเปาเจ้าสองลูก แล้วไปซะ!”
นางพูดไปไปพลางเอากระดาษขึ้นมาห่อซาลาเปาเย็นชืดที่อยู่ด้านข้างแล้วโยนไปกลางอกหนิงอวี้
หนิงอวี้ขบฟันรู้สึกโกรธขึ้นมาในใจเดือดดาลดังไฟลุก นางถลึงตาใส่สาวใหญ่ทีหนึ่ง สาวใหญ่ถูกสายตานั้นทำให้หวาดกลัวจนหดตัวถอย เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังตื่นกลัวก็เอามาขึ้นเท้าเอวอีกครั้ง
——
[1] เหวิน หน่วยค่าเงินสกุลจีน เทียบกับหยวน หนึ่งหยวนจะเท่ากับหนึ่งพันเหวิน
ตอนที่ 304 พบสหายเก่า
หากเป็นเมื่อก่อน หนิงอวี้คงจะพังแผงนางเป็นแน่ แต่ตอนนี้ ร่างกายนางไร้เรี่ยวแรง เบื้องหลังยังมีทหารคอยตามล่าอยู่นับไม่ถ้วน หนิงอวี้ขบฟัน กุมซาลาเปาเย็นชืดสองก้อนนั้นแน่น แล้วค่อยๆ ขยับกายกระเถิบไปด้านข้าง
“ป้าหลี่ ขอซื้อซาลาเปาสามลูก”
เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น หนิงอวี้หันกายกลับก็เห็นท่านหมอผู้รักษาบิดากำลังยืนอยู่ด้านหน้า
เขารับซาลาเปา นับเงินจำนวนหกเหวินอย่างรอบคอบแล้วจ่ายให้สาวใหญ่ ครั้นแล้วก็ยื่นซาลาเปาให้หนิงอวี้
“คาระวะท่านนายพลหนิง”
หนิงอวี้ชำเลืองขึ้น พยักหน้ารับสีหน้าเรียบแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “เจ้าหนีออกมาได้อย่างไร”
ท่านหมอยิ้มเจื่อน โน้มกายคำนับแล้วตอบ “ตอนนั้นทุกอย่างวุ่นวาย ข้าอาศัยช่วงโกลาหลหลบหนีออกมา ใช่แล้ว ดูสภาพท่านนายพลตอนนี้ มีอะไรที่ข้าช่วยเหลือได้หรือไม่”
หนิงอวี้ถือซาลาเปาที่เย็นชืดสองลูกหมุนตัวเดินจากไป ยังเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกเขาเรียกเอาไว้ “ท่านนายพลคงอยากรู้เรื่องราววันนั้นใช่หรือไม่ ข้าน้อยได้รับคำขอร้อง จึงพยายามช่วยเหลือท่านแม่ทัพอย่างสุดความสามารถ เสียดาย…”
หนิงอวี้ขมวดคิ้ว มือค้ำกิ่งไม้เคลื่อนตัวเดินไปช้าๆ นางไม่เอ่ยวาจา ยอมรับด้วยความเงียบงัน ท่านหมอรีบเดินตามมาแล้วอธิบายต่อด้วยเสียงอันเบา
“ข้าได้รับคำขอจากหนิงเฝ่ย ให้ไปรักษาท่านแม่ทัพ”
หนิงอวี้หันกายกลับฉับพลัน หมอไม่ทันสังเกต รีบยั้งฝีเท้าลงอย่างรีบร้อน อีกเพียงนิดก็เกือบชนกับนางเข้าแล้ว
“จริงหรือ”
หนิงอวี้ปล่อยมือจากกิ่งไม้และซาลาเปา ทั้งสองสิ่งตกลงสู่พื้นอย่างพร้อมเพียงกัน หนิงอวี้ไม่มีใจจะสน เอาแต่จ้องนิ่งไปยังเขาแล้วสอบถาม
“จริงขอรับ ข้าได้รับความช่วยเหลือจากหนิงเฝ่ย วันนั้น เขามาหาข้าแล้วกำชับสั่งเรื่องนี้แล้วก็หันกายเดินจากไปเสีย” หมอส่ายหน้าแล้วเปลี่ยนหัวเรื่อง “ข้าเองก็คิดว่าเขาตายไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมาปรากฏตัวแบบนี้”
หนิงอวี้ไม่ตอบ นางคร้านที่จะเก็บซาลาเปาและกิ่งไม้บนพื้น นางผินกายแล้วขยับเดินทีละก้าว ร่างกายแข็งทื่อราวกับผีตายซาก
“ข้าได้รับความช่วยเหลือจากหนิงเฝ่ย แต่กลับรักษาท่านแม่ทัพหนิงให้หายดีไม่ได้ ตอนนี้ท่านตกทุกข์บาดเจ็บ ได้โปรดให้ข้าช่วยเหลือท่านให้หลุดพ้นจากสภาพลำบากนี้เถอะ เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณต่อหนิงเฝ่ย”
“ไม่จำเป็น!” ริมฝีปากบางของหนิงอวี้กระทบกัน นางขบฟันกล่าวตอบออกไป ทันใดนั้นก็รู้สึกราวกับฟ้าหมุนแผ่นดินกลับ วินาทีที่ล้มลงกับพื้น นางเห็นท้องฟ้าหมุนไปมาไม่หยุด ก้อนเมฆหนึ่งก้อนบนนั้นราวกับซ้อนกันเป็นสามก้อน
——
เมื่อนางฟื้นขึ้น กลิ่นยาสมุนไพรก็โชยคละคลุ้งแตะปลายจมูก หนิงอวี้ลุกขึ้นนั่งอย่างลำบากก็เห็นภาพของห้องอันเก่าโทรมห้องหนึ่ง ประตูไม้เสียงดังเอียดอาดขึ้นหนึ่งที จนทำให้ต้องขบฟันแน่นด้วยความแสลงหู
“ท่านแม่ทัพหนิง ท่านตื่นแล้ว”
หนิงอวี้พยักหน้ารับเงียบๆ นางเลิกผ้าห่มออกหมายจะลงเตียงก็ถูกท่านหมอรั้งตัวเอาไว้
“มิได้เด็ดขาดนะท่านแม่ทัพหนิง ตอนนี้ร่างกายท่านอ่อนแอถึงที่สุด จะฝืนอีกไม่ได้นะขอรับ”
“ข้าใส่ยาให้ท่านแล้ว ท่านหยุดพักก่อนสักสองสามวันเถิด”
หนิงอวี้ส่ายหน้าบอกปัด จะหยุดไม่ได้ ถ้าหากโดนตามทัน ความพยายามทั้งหมดก็ไร้ความหมาย
หนิงอวี้ลุกขึ้นโดยไม่พูด นางค้ำผนังเดินไปยังประตู หลังจากท่านหมอทายาให้ ข้อมือรู้สึกเย็นเล็กน้อย หนิงอวี้หยุดลง ค่อยๆ หมุนตัวกลับ ยกมือขึ้นดึงปิ่นทองด้ามสุดท้ายบนผมออกมาแล้วยื่นให้ท่านหมอ
“ขอบใจมาก นี่คือค่ายา”
หมอส่ายมือบอกปัดไม่หยุด หนิงอวี้วางปิ่นทองบนโต๊ะแล้วฝืนหน้าปั้นยิ้มน้อยๆ หนึ่งที จากนั้นก็ผินกายจากไป ท่านหมอขมวดคิ้ว รีบเดินตามไป
วินาทีที่เปิดประตูนั้น ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังขึ้น
“พี่น้องข้า! เข้าไปดู…อยู่นี่ จับนางไว้!”
หนิงอวี้ยิ้มเจื่อน คนเรานี่พอต้องโชคร้าย แม้น้ำเปล่าก็ยังติดคอได้
จะปล่อยให้บ้านหมอพังไม่ได้ นางโน้มตัวลงเก็บไม้กวาดบนพื้นด้ามหนึ่งขึ้นมา โชคดีที่หลับไปหนึ่งตื่น พอฟื้นพลังได้เล็กน้อยจนสามารถหยิบไม้กวาดขึ้นได้
“บุกเลย พี่น้องทั้งหลาย!”
หนิงอวี้ยกไม้กวาดขึ้น ฝืนรับการโจมตี มืออันปวดล้าไร้เรี่ยวแรงกับไม่เชื่อฟัง ในจังหวะเดียวกันนั้น ท่านหมอก็ถือกระจาดตากข้าววิ่งพุ่งเข้ามา หลบได้หนึ่งดาบ กระจาดในมือท่านหมอขาดออกเป็นสองเสี่ยง