ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 305 เด็กน้อยทะเลาะกัน / ตอนที่ 306 นายพลหนิงกลับมาแล้ว!
ตอนที่ 305 เด็กน้อยทะเลาะกัน
หนิงอวี้มุ่นหัวคิ้ว เดินเข้าไปขวางหน้าเขาไว้ เวลานั้นเอง จอบด้ามหนึ่งก็พุ่งเข้ามาด้านหน้าหนิงอวี้พอดี
ผู้มาเยือนคิ้วเข้มตาคม ใช้จอบดั่งอาวุธอย่างน่าเกรงขาม หนิงอวี้ก้าวถอยสองสามก้าว ดูจากรูปร่างและลีลาของเขาก็รู้ได้ว่าฝึกฝนวิทยายุทธ์มาหลายปี แต่ทว่าคนผู้นี้กำลังภายในกลับไม่มากพอ
เมื่อหัวจอบกระเด็นกลิ้งไปกับพื้น คนผู้หนึ่งก็ถือดาบฟันเข้ามายังเขา หนิงอวี้ขมวดคิ้ว คนผู้นี้ไม่มีกำลังภายใน! นางย่นคิ้วจิกปลายเท้าลงดิน รู้สึกเจ็บเสียดขึ้นมาถึงหัวใจ นางทะยานขึ้นกลางอากาศใช้มือข้างหนึ่งฟันไปยังคนถือดาบนั้น
ชายผู้ซึ่งถือจอบกวัดแกว่งก้าวถอยสองสามก้าวแล้วเก็บเอาหัวจอบขึ้นมา
“พระชายาถอยก่อน มั่วซวนขอสาบานแม้ตายก็จะคุ้มครองท่าน”
มั่วซวน มั่วซวน น้องของซีเย่ว์! หนิงอวี้สองตาเบิกโพลง แม้แต่ท่านหมอเองก็ตะลังงัน
“น้องมั่ว เดิมทีเจ้าเคยรับใช้ท่านอ๋องใช่หรือไม่”
มั่วซวนไม่ตอบ กำลังยุ่งกับการสกัดรับการโจมตีจนไม่มีเวลาแบ่งความคิด หนิงอวี้ยื่นมือไปหยิบไม้กวาดบนพื้น แล้วรีบเดินไปรับหน้าศัตรู ข้อมือปวดระบม หนิงอวี้หาจังหวะท่ามกลางความวุ่นวายใช้ผ้าแถบหนึ่งพันมันเอาไว้จนแน่น
“ท่านนายพลหนิง! ไม่ได้เด็ดขาด การกดทับแผลจะทำให้บวมเลือด ต้องรักษาไปอีกหลายวัน!”
หนิงอวี้ไม่ตอบ มีเพียงเช่นนี้จึงจะสามารถใช้แรงออกมาได้บ้าง
อีกฝ่ายถือดาบ ฝึกปรือวรยุทธ์มาเนิ่นนาน กำลังภายในของมั่วซวนถูกทำลาย ในมือถือจอบบุกถอยด้วยท่าทีเหลือทน หนิงอวี้แม้แต่ย่างก้าวยังไม่มั่นคง เกือบถูกอีกฝ่ายฟันจนบาดเจ็บอยู่หลายครั้ง
ท้ายที่สุด ไม้กวาดในมือหนิงอวี้ก็ถูกฟันขาด ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น คนชุดดำนับไม่ถ้วนตั้งวงรายล้อมเรือนเล็กหลังนี้ไว้ มีคนผู้หนึ่งทะยานขึ้นกลางอากาศ เข้ามาขวางด้านหน้าหนิงอวี้ ในมือถือกริชสั้นแทงสังหารศัตรู
เสียงคำสั่งดังขึ้นหนึ่งที กองกำลังทั้งสองฝ่ายโรมรันฆ่าฟัน เพียงครู่เดียว เหล่าคนชุดดำที่มาถึงทีหลังก็สังหารเหล่าโจรที่มาก่อนจนสิ้น
ผู้เป็นหัวหน้าคุกเข่าลงกับพื้น
“อวี้หนูมาช้า ขอแม่นางโปรดอภัยให้ด้วย”
ผ้าดำปกปิดใบหน้าถูกดึงออก ปรากฏใบหน้าอันงามประณีตเย้ายวนของอวี้หนู
ไม้กวาดที่ขาดครึ่งร่วงลงกับพื้น หนิงอวี้ล้วงคลำในแขนเสื้อ เพื่อหาเข็มเงิน อวี้หนูยกตลับไม้ใบนั้นขึ้น แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “นายท่านมอบให้อวี้หนู คอยส่งท่านกลับบ้าน ของขวัญชิ้นนี้ ท่านได้โปรดเก็บรักษาให้ดีด้วยเจ้าค่ะ”
หนิงอวี้ชะงักนิ่ง อวี้หนูพยักหน้าแล้วชูตลับไม้ขึ้นเหนือศีรษะ หนิงอวี้ยื่นมือที่พันรัดไปด้วยแถบผ้าออกไป รับเอาตลับไม้มา อวี้หนูลุกขึ้นช้าๆ แล้วส่งยิ้มน้อยๆ ไปยังนางหนึ่งที ครั้นแล้วก็โพกผ้าหันกลับไปตะโกนสั่งเหล่าคนชุดดำที่ยืนอยู่กันเป็นแถวว่า “ออกเดินทางได้!”
หนิงอวี้หันกายกลับ แล้วยอบกายคำนับอย่างอ่อนหวาน
“ขอบคุณท่านหมอ เช่นนั้นขอลาก่อน”
ท่านหมอพยักหน้าไม่ขาดแล้วล้วงเอาขวดขี้ผึ้งยาออกมาจากในแขนเสื้อ
“ในเมื่อท่านนายพลหนิงมีคนคุ้มกันไปส่ง ข้าก็ไม่เพิ่มปัญหาให้ท่านแล้ว ขี้ผึ้งยาสองสามขวดนี้ให้ทาลงบนรอยบาดเจ็บ ช่วยลดอาการบวมอักเสบได้”
หนิงอวี้รับขี้ผึ้งยามาแล้วหันกายเดินจากไป มั่วซวนกลับโค้งคำนับแล้วเข้ามาขวางหน้านาง
“ข้าน้อยอยากติดตามพระชายาไปด้วย คอยอารักขาท่านกลับสู่ข้างกายท่านอ๋อง”
“ทำไมกัน ข้าจำได้…ตอนแรกเจ้าหมายใจให้ข้าตาย”
มั่วซวนได้ยินสีหน้าพลันเปลี่ยน เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบว่า “ข้าน้อยคิดเผื่อท่านอ๋อง ว่ามิควรลุ่มหลงในรูปลักษณ์ของอิสตรี หากแต่ตอนนี้ ท่านต่างหากที่ท่านอ๋องให้ความสำคัญที่สุด”
“ดังนั้น ข้าน้อยขออารักขาพาท่านกลับไปยังข้างกายท่านอ๋อง นี่ก็เป็นการคิดเพื่อท่านอ๋องเช่นกัน”
หนิงอวี้พยักหน้าพยายามสงบใจ บนแก้มกลับแดงขึ้นระเรื่อด้วยความขวยเขิน
นาง ถึงจะเป็นผู้ที่ท่านอ๋องให้ความสำคัญหรือ หนิงอวี้ยกมุมปากยิ้ม ครู่หนึ่งก็รู้สึกตัวขึ้นได้ว่าตนกำลังยิ้มบาง นางก้มหน้าลง หมายใช้ปอยผมข้างใบหูปกปิดใบหน้าแดงๆ ของนาง
อวี้หนูมองอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเยือกเย็นแล้วพูดออกมาเสียงเบา “นายท่านของข้าก็ให้ความสำคัญท่านนะ”
มั่วซวนขมวดคิ้ว เขาพุดสวนกลับ “ข้าไม่รู้ว่านายท่านของเจ้าเป็นใคร! ท่านอ๋องต่างหากที่เป็นพระสวามีพระชายา เจ้าช่วยระวังคำพูดด้วย!”
“ฮึ หากใส่ใจจริง ไยจึงทำได้ปล่อยให้พลัดหลงเล่า”
“หึ ต่อให้พวกเจ้าหาพระชายาพบ ก็ยังต้องส่งนางกลับไปข้างกายท่านอ๋องอยู่ดีมิใช่หรือ”
“เจ้า!”
“ข้าเป็นอย่างไรหรือ”
เมื่อครู่ต่อสู่เข่นฆ่ากันรอบทิศ เรือนน้อยที่เต็มไปด้วยแสงเงินสะท้อนจากดาบและกระบี่ทันใดนั้นก็เต็มไปด้วยเสียงพูดจาราวกับเด็กๆ สองฝ่ายโต้เถียงกันไม่หยุด ราวกับเด็กน้อยทะเลาะกัน
ตอนที่ 306 นายพลหนิงกลับมาแล้ว!
ภายใต้ดวงอาทิตย์อัสดงสีแดงเพลิง ผู้คนขบวนหนึ่งคอยหมุนสลับผลัดเวร ในที่สุดก็มาถึงที่ประจำการของกองทัพราชวงศ์ใต้ พวกเขาหลบซ่อนอยู่กลางป่าเขา มองไปยังกระโจมหนังวัวหลังแล้วหลังเล่า
ชุดมงคลบนตัวหนิงอวี้ขาดวิ่นจนดูไม่ได้เสียแล้ว แต่กลับยังดูงดงามไปอีกแบบ นางยังไม่ทันมวยผม เส้นผมดำขลับนับพันปลิวไสวตามสายลม นางทอดมองออกไปไกล แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นแห่งการรอคอย
อวี้หนูคุกเข่าลงกับพื้น แล้วพูดเสียงเบา “แม่นางหนิง เช่นนั้นก็ขอทูลลา”
หนิงอวี้พยักหน้าเดินเข้าไปสองสามก้าวประคองนางลุกขึ้น แล้วพูดว่า “ลำบากเจ้าแล้ว”
“ข้าน้อยทำหน้าที่รับใช้นายท่าน แม่นางหนิง นายท่านยังฝากบอกกับท่านว่า จากนี้ไปขอให้ระวังทุกสิ่งอย่าง ต้องรักษาร่างกายให้ดี”
มั่วซวนสองมือกอดอก ได้ยินดังนั้นก็แค่นเสียงเยาะหนึ่งที “ท่านอ๋องของข้าดูแลพระชายาได้ อย่าได้เป็นห่วงไปเลย” หนิงอวี้อยู่กลางคนทั้งสอง สัมผัสได้ถึงความตรึงเครียดระหว่างสองฝ่ายก็เป็นอันทำตัวไม่ถูก
“ฮึ!” อวี้หนูแค่เสียงออกปลายจมูกหนึ่งที ตามด้วยหันกายมายังหนิงอวี้ “นายท่านบอกว่า แม้นได้พบกันโดยบังเอิญ หวังว่าท่านจะเรียกพระองค์ว่าท่านพี่”
หนิงอวี้ไม่ตอบคำถามนี้ นางนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วยกมุมปากขึ้นยิ้มช้าๆ อวี้หนูเข้าใจความขัดขืนใจของนาง จึงได้แต่พยักหน้าแล้วพูดว่า “อวี้หนูจะไปเรียนนายท่าน อวี้หนูขอลา ขอท่านระวังตัวด้วย”
“ไม่ต้องลำบากเป็นห่วงหรอก ข้าจะอารักขาพระชายาเอง!”
“ฮึ ด้วยจอบของเจ้านั่นหรือ”
เอาอีกแล้ว หนิงอวี้บ่นครวญในใจหนึ่งที สองสามวันนี้ เอาแต่ปะทะคารมกันไม่หยุดไม่หย่อน ตอนแรกนางคิดว่ามั่วซวนที่เป็นองครักษ์มาก่อนคงไม่ช่างพาทีมากนัก คิดไม่ถึงว่าจะวาจาช่ำชองเพียงนี้ ทำเอาอวี้หนูถึงกลับหมดคำพูดได้แต่นิ่งเงียบอยู่บ่อยๆ
หนิงอวี้เงยหน้ามองท้องฟ้า สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที ครั้นแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ ดีจัง กลิ่นไอแห่งอิสรภาพ ข้างหน้ายังมีบางคนรอนางกลับบ้านอยู่
หนิงอวี้ลูบบนท้องน้อยๆ แล้วพูดออกมาเสียงเบา “ประเดี๋ยวก็จะได้พบท่านพ่อเจ้าแล้ว แม่รู้กาพย์กลอนน้อย แต่ท่านพ่อเจ้ารอบรู้หนังสือ ต้องตั้งชื่ออันไพเราะให้เจ้าได้แน่”
เสียงเอะอะดังอยู่เพียงครู่หนึ่ง อวี้หนูก็พาคนชุดดำหลายคนจากไป มั่วซวนยืนอยู่ที่เดิม มองไปยังภาพด้านหลังอันงามสง่าของอวี้หนูอยู่เงียบๆ ครั้นแล้วก็ก้มหน้าท่าทีดูกลัดกลุ้ม
หนิงอวี้มองอยู่จากอีกข้างแล้วพูดขึ้นมาทันใดว่า “หากตามไปตอนนี้ ยังทันนะ”
ทั้งสองโต้เถียงกัน ทีจริงก็สนุกไม่น้อย
มั่วซวนได้ฟังนิ่งอึ้ง บนใบหน้าที่ปกติไร้อารมณ์นั้นแดงขึ้นมาระเรื่อ เขากระแอมเบาๆ หนึ่งที แล้วคุกเข่าลงกับพื้น
“ให้ข้าน้อยส่งท่านกลับไปยังข้างกายท่านอ๋องเถอะขอรับ”
ทุกก้าวที่เดินเข้าใกล้ หนิงอวี้ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น นางยื่นมือไปจิกชายกระโปรงแน่น รู้สึกหัวเสียที่สภาพตนตอนนี้ดูไม่งามนัก ครั้นแล้วก็นึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับเขาขึ้นมา
นางยื่นมือขึ้น จัดระเบียบเผ้าผมที่พันรุงรังแล้วเดินเข้าไปในค่าย พลทหารถือหอกยาวขวางนางไว้ แล้วตะคอกเสียงดัง “ที่นี่คือค่ายทหาร เจ้าเป็นผู้ใด”
“หนิงอวี้”
พลทหารได้ยินก็หัวเราะเยาะ ใบหน้าแผงด้วยความเย้ยหยัน
“ฮึ นายพลหนิงหรือ นายพลหนิงเดี๋ยวราชวงศ์เหนือจะมาส่งตัวเอง จะเป็นเจ้าได้อย่างไร…”
“เอะอะอะไรกัน”
คนผู้หนึ่งแหวกม่านเดินออกมา คนผู้นั้นสวมเกราะสีดำ ท่าทางดูคล่องแคล่วห้าวหาญ
“ท่านนายพลหนิง! ท่านกลับมาแล้ว!”
นายพลชุดดำตะโกนขึ้นเสียงดังแล้วรีบเดินเข้าไปโดยเร็ว ใบหน้าเขาเริ่มแดงขึ้น แต่ด้วยผิวอันคล้ำของเขาจึงไม่ได้แดงจนสะดุดตานัก
หนิงอวี้พยักหน้า ท่าทางอ่อนน้อม
“ใช่แล้ว วันนั้นข้าบุ่มบ่ามเกินไป ทำให้ท่านนายพลต้องผิดหวัง…”
นายพลชุดดำหันกายตะโกนเสียงแทรกขึ้นมาหนึ่งที “นายพลหนิงกลับมาแล้ว! รีบไปกราบทูลฮ่องเต้เร็ว”
ทันทีที่พูดจบ พลทหารนับไม่ถ้วนในกระโจมน้อยใหญ่ก็โผล่ออกมา ส่วนใหญ่ต่างแต่งตัวกันเรียบร้อย มีเพียงบางนายถือชุดฟางในมือยังไม่ทันสวมใส่ ก็อดใจรอไม่ได้จึงมุดออกมามุงดูอย่างสนใจ