ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 307 นั่นไม่สำคัญ / ตอนที่ 308 เว่ยหยวนโกรธ
ตอนที่ 307 นั่นไม่สำคัญ
“ฝ่าบาททรงทราบว่าท่านหายตัวไปกลางสนามรบ ทรงค้นหากลางกองซากศพอยู่สองชั่วยาม”
“อืม”
หนิงอวี้เอ่ยตอบ ในใจรู้สึกปวดร้าว
นายพลชุดดำยั้งฝีเท้าโดยพลัน เขายกมือขึ้นมาป้องปากแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “ได้ยินว่าทรงกันแสงใหญ่เชียว…”
เสียงฝีเท้าดังขึ้น ชายในชุดเกราะสีเงินทั้งตัวเดินเข้ามาด้านหน้า
มือที่กุมชายกระโปรงแน่นของหนิงอวี้ปล่อยทิ้งลง สายตาเริ่มมัวพร่า เว่ยหยวนยืนอยู่หน้านาง แววตาดูซับซ้อน ใบหน้ากลับเยือกเย็นอย่างที่สุด
นายพลชุดดำเข้าใจสถานการณ์ก็ถอยออกไป มั่วซวนเองก็เช่นกัน ทั้งสองยืนมองคนทั้งคู่จ้องกันอยู่เงียบๆ
ทันใดนั้นเอง มั่วหลีก็เดินเข้ามา ทั้งสามเรียงหน้ากระดาน เบียดบดหลบในช่องระหว่างกระโจมอยู่เงียบๆ
“กลับมาก็ดีแล้ว”
เสียงอันคุ้นหูดังขึ้น หนิงอวี้ดีใจจนน้ำตาไหลอาบผ่านแก้ม ไหลไปตามรอยแผลยาว
นางก้าวเข้าไปสองสามก้าวแล้วกอดเว่ยหยวน เว่ยหยวนกอดนางแน่น ก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่านางผ่ายผอมลงไปไม่น้อย เขาก้มหน้าลงยังคงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกล้วยไม้บนเรือนผมนาง
“หม่อมฉันกลับมาแล้วเพคะ”
ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ต่อให้ทั่วทั้งกายเต็มไปด้วยบาดแผล ต่อให้หนทางจะยากลำบากมาตลอดก็ตาม เว่ยหยวนพึมพำเสียงเบา “กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว”
ทั้งสองกอดกัน ท้องฟ้าสาดย้อมด้วยแสงสายันต์จนแดงแสดไปทั่ว แสงตะวันอันอบอุ่นสาดกระทบบนกายคนทั้งสอง
ครู่หนึ่ง เว่ยหยวนก็คลายอ้อมกอด แล้วกุมมือหนิงอวี้ขึ้น หนิงอวี้กลับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทีหนึ่งโดยไม่รู้ตัว เว่ยหยวนขมวดคิ้ว ยื่นมือหมายจะคว้ามือนางขึ้นมาสำรวจอย่างละเอียด หนิงอวี้กลับหดมือซ่อนไว้ด้านหลัง
เว่ยหยวนรู้สึกโกรธเล็กน้อย เขายื่นมือไปคว้ามือนางก็พบว่าร้อนผ่าวไปทั่ว หนิงอวี้หดตัวถอยเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “เพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อย…”
หนิงอวี้กระแอมหนึ่งที กลับถูกสายตาอันดุดันของเว่ยหยวนทำให้ตกตะลึงถอยหลัง ได้แต่ปล่อยให้เขาตรวจดูอย่างละเอียด บนข้อมือมีรอยบวมช้ำนูนขึ้นเป็นทางยาว ดูน่ากลัวอย่างยิ่ง ฝ่ามือเลอะไปด้วยคราบเลือด ท่ามกลางคราบเลือดมีเศษไม้ใบหญ้าติดปนอยู่
เว่ยหยวนหลับตาทั้งคู่ลงพยายามสะกดความโกรธเอาไว้แล้วรวบตัวนางขึ้นอุ้มพาดบนแขน เขาก้าวเดินเข้าไปในกระโจมอย่างรวดเร็ว กระเทือนเข้ากับแผลเก่า หนิงอวี้รู้สึกเจ็บ แต่นางกลับไม่กล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่นิด ในความคิดนางเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเว่ยหยวนโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว
แกล้งป่วยหรือ ดูเหมือนจะไม่จำเป็น นางได้รับบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว แผนการที่ดีที่สุดตอนนี้ ดูเหมือนจะเป็นการยอมรับผิดเสียแต่โดยดี เมื่อคิดถึงจุดนี้ หนิงอวี้ก็เงยหน้าขึ้นแล้วจุมพิตไปยังคางของเว่ยหยวนอย่างอ่อนหวานหนึ่งที
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลของเว่ยหยวนวินาทีนี้หายไปจนสิ้นด้วยความอบอุ่นจากจุมพิตนี้ สีหน้าที่ฉาบด้วยความโกรธคลายลงเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงหมายจะกล่าวสั่งสอนนางสักสองสามคำ ก็เห็นรอยแผลเลือดเกาะแข็งรอยหนึ่งบนหน้าผากหนิงอวี้
ภูเขาไฟที่มอดดับไปในตอนแรกกลับปะทุร้อนราวกลับตกลงกลางดาวอังคาร ลุกไหม้โชติช่วง ไฟโกรธพวยพุ่ง ลุกลามสามโยชน์
“อย่าขยับ! เดี๋ยวข้าจะตามหมอหลวงมาดู!”
หนิงอวี้กระแอมขึ้นหนึ่งเสียง นางเอนกายซุกกลางอกเขาอย่างว่าง่าย ทำไมยิ่งโกรธขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าจุดที่นางจุมพิต เอาชนะความโกรธเขาไม่ได้เลยหรือ
“มองอะไรกัน! ไสหัวไปซะ!”
นายพลชุดดำตะโกนขึ้นหนึ่งที ตะคอกเหล่าพลทหารที่กำลังมองดูอยู่จนถอยหนี ครั้นแล้วก็หัวเราะร้าย สวมหมวกเกราะแล้วเดินจากไป
มั่วหลีสีหน้าตื่นเต้น เขารั้งมือมั่วซวนเอาไว้แล้วถามขึ้น “ช่วงนี้เจ้าอยู่ดีหรือไม่ ใช่แล้ว อีกไม่นานข้าจะแต่งงานแล้ว เจ้าต้องมาดื่มกันนะ”
มั่วซวนสะบัดมือเขาออกสีหน้าเย็นชา แล้วพูดขึ้นน้ำเสียงเรียบว่า “ข้าก็ใกล้จะแต่งงานแล้ว”
มั่วหลีหน้าตาตื่น ถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่า “เจ้าหรือ มีหญิงที่ชอบแล้ว ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ เป็นไปได้อย่างไร…”
มั่วซวนตัดบทเขา หันกายมองไปทางทิศของราชวงศ์เหนือแล้วพูดว่า “อืม”
“จากที่ใดกัน”
“ราชวงศ์เหนือ”
“สาวราชวงศ์เหนือนี่เอง ถึงว่าทำไมเจ้าถึงต้องไปถึงชายแดน นางงามไหม นางรู้หรือเปล่าว่าเจ้าชอบนาง”
มั่วซวนหรี่ตา ครั้นแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างสดใส
“งามสิ ปากก็ร้าย ข้าถูกใจยิ่งนัก”
“เจ้าหมายตานาง แล้วนางชอบเจ้าหรือไม่”
“นั่นไม่สำคัญ”
ตอนที่ 308 เว่ยหยวนโกรธ
เว่ยหยวนนั่งอยู่ข้างเตียง มองใบหน้าหนิงอวี้ที่กำลังนอนอยู่ด้วยแววตาอันซับซ้อน ถึงเตียงก็หลับสนิท เห็นได้ชัดว่านางลำบากอย่างมากมาตลอดทาง ท่านหมอบอกว่า นางบาดเจ็บไปทั้งตัว
รอยแผลที่ถูกดาบแทงบนหน้าอกกำลังอยู่ในช่วงสมานตัว บนแขนซ้ายมีรอยแผลโดนแทงที่ไม่ทราบสาเหตุ เดิมทีควรจะหายแต่นานแล้ว แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดจึงปริซ้ำ เนื้อแตกปริออกมา
รอยแผลบนหน้าผากแม้จะเป็นจุดอันตราย อาจถึงชีวิตได้ง่ายๆ โชคดีที่บาดแผลค่อนข้างเล็ก แรงกระแทกไม่ได้รุนแรงนัก
รอยแผลบริเวณข้อมือคงได้ทายาขี้ผึ้งยามาแล้ว อีกหลายวันก็คงหายดี จำเป็นต้องระวัง ห้ามใช้แรง เว่ยหยวนคิดถึงจุดนี้ ก็ก้มหน้าลงอย่างกลัดกลุ้ม
แผลเหล่านี้ล้วนแต่เป็นแผลใหญ่ ยังไม่ต้องพูดถึงรอยเขียวช้ำบนเข่า และรอยขีดข่วนบนแขนและขา รวมทั้งฝ่ามือที่เลอะไปด้วยคราบเลือด
เจ้าเจออะไรมาหรือ อวี้เอ๋อร์ เว่ยหยวนถอนใจเบาๆ ก้มหน้าลงจุมพิตบนหน้าผากนางเบาๆ หนึ่งที ครั้นแล้วก็หันตัวจากไป แต่เขากลับถูกหนิงอวี้รั้งแขนเสื้อเอาไว้
“อย่าไปได้ไหมเพคะ”
หนิงอวี้เห็นเขาไม่พูดก็รีบเปลี่ยนคำพูดใหม่ “แค่ประเดี๋ยวเดียว หม่อมฉันรับรองว่าจะไม่ให้งานราชการพระองค์เสียแน่นอนเพคะ”
เว่ยหยวนเห็นใบหน้านางยิ้มอย่างเอาใจ ในใจก็ราวกับถูกก้อนหินขนาดมหึมาวางทับเอาไว้ ในเมื่อข้าสำคัญเพียงนี้ ไยแต่แรกเจ้าไม่อยู่รอข้า หรือแม้แต่ แม้แต่บอกลาด้วยตัวเอง ก็ยังดีกว่าจดหมายฉบับหนึ่ง
เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าค้นหากลางกองศพอย่างสิ้นหวัง ข้าคาดหวังกับใบหน้าทุกดวง แต่สุดท้าย ก็เหลือเพียงความสิ้นหวัง หนึ่งหมื่นห้าพันหกร้อยครั้ง หนิงอวี้ ข้าหวังเต็มเปี่ยมกับทั้งหนึ่งหมื่นห้าพันหกร้อยครั้ง ก็ผิดหวังทั้งหนึ่งหมื่นห้าพันหกร้อยครั้ง
ร้อยหมื่นคำพูดติดอยู่ริมปากอยากจะร้องคำรามระบายออกมา แต่ครั้นก้มหน้าเห็นแววตาคาดหวังของนางก็ได้แต่กลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไป
“สะสางงานราชการ”
เว่ยหยวนหันกายเดินจากไป หนิงอวี้มือชะงักอยู่กลางอากาศ พักใหญ่จึงปล่อยมือลง ปวด บาดแผลที่ทายานั้นปวดแสบดั่งไฟลวก แต่ใจนาง เจ็บปวดยิ่งกว่า
หนิงอวี้มองเหม่อไปยังฝ่ามือที่ลงขี้ผึ้งยาจนทั่วของตน นี่เกิดจากนางเดินรอนแรมทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้ได้พบเขาโดยเร็ว นางได้ใช้มือดึงพุ่มไม้ กิ่งหนาม ปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นปักทิ่มบนมือ
หลายครั้งนักที่นางเกือบเป็นลมล้มพับ หลายครั้งนักที่นางแทบล้มกองกับพื้น แต่เมื่อนางคิดขึ้นว่า ว่ายังมีคนผู้หนึ่งที่กำลังรอนางด้วยความกังวลใจอย่างยิ่ง รอนางด้วยทั้งหมดของหัวใจ คอยชะเง้อคอรอนางหวนกลับ นางก็รู้สึกว่า ทั้งกายเกิดเรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างไม่สิ้น
เหน็ดเหนื่อยจนศีรษะถึงหมอนก็หลับไป แต่จุมพิตอันอ่อนโยนนั้นทำให้นางตื่น ร่างกายอ่อนล้าถึงขีดสุด แต่จิตใจกลับฮึกเหิม แต่ทว่าในทันใด จิตใจที่ยินดีแทบคลั่งนั้นก็พลันสลายไปชั่วพริบตา
หนิงอวี้ฝืนเหยียดมุมปากยิ้ม ยื่นมือไปลูบท้องน้อยแล้วพูดปลอบใจเด็กในท้อง หรือบางทีนั่นคือการปลอบใจตัวนางเอง “ท่านพ่อเจ้าเป็นฮ่องเต้ มีราชกิจมากมายให้สะสาง จึงยุ่งมาก พวกเราต้องเข้าใจนะ”
“แม่เอาแต่ใจทำตัวเหลวไหล สร้างปัญหาให้เขามากมาย บางที ท่านพ่อคงกำลังจัดการกับปัญหาที่แม่ก่ออยู่…”
“ไม่เป็นอะไร!”
หนิงอวี้พยายามกระตุ้นจิตใจให้ร่าเริง ฝืนยกมุมปากขึ้นยิ้ม
“หลับสักตื่น ไว้ท่านพ่อเจ้าสะสางงานราชการเสร็จ พวกเราค่อยไปหาเขานะ”
หนิงอวี้พูดประโยคนี้จบ ก็หลับตาทั้งคู่ลง แต่ก็นอนไม่หลับเสียที เว่ยหยวนโกรธแล้วจริงๆ…หนิงอวี้ถอนใจหนึ่งที จ้องมองไปยังมุ้งปักลายด้วยสายตาเหม่อลอย
ไม่เป็นอะไร เขาโกรธไม่นานหรอก เพียงสองสามวันก็จะเป็นฝ่ายยอมรับผิดเอง หนิงอวี้คิดภาพเมื่อเวลานั้นมาถึงก็ยิ้มน้อยๆ ดึงมือที่โผล่ออกนอกผ้านวมกลับ
ราวกับเป็นความฝัน นางหนีพ้นพระราชวังประดับทอง หนีพ้นมู่หรงเหยียนได้แล้วจริงๆ แต่น่าเสียดาย จดหมายทั้งสองฉบับนั้นไม่ทันที่จะเก็บเอามาด้วย แต่นางกลับถือของขวัญของมู่หรงเหยียนมาเสียนี่
หนิงอวี้มุ่นหัวคิ้ว ทันทีที่นึกถึงมู่หรงเหยียนก็พลันขนพองสยองเกล้าจนทำตัวไม่ถูก ผิดชอบชั่วดี นางแยกแยะไม่ถูก ได้แต่หนีจากมา
คำพูดเมื่อครั้งบิดายังมีชีวิตอยู่ บอกให้นางไม่ต้องไปตามหาเขา เช่นนั้นนางก็จะไม่ไปตามหาอีก คอยอยู่ข้างกายเว่ยหยวนใช้ช่วงชีวิตที่เหลือก็พอ