ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 313 นึกได้ฉับพลัน / ตอนที่ 314 ขอดูการกระทำของเจ้าก่อน
ตอนที่ 313 นึกได้ฉับพลัน
เขาก้มหน้า ประทับจุมพิตอันสุดจะทนและเศร้าโศกลงไปบนเรือนผมนางหนึ่งที แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “หากเจ้าได้คิดแล้วจริง ก็ควรมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อข้า อยู่รอเผชิญหน้าร่วมกันกับข้า”
หนิงอวี้ขบฟันไม่พูด นางในตอนนั้นได้คิดถึงเว่ยหยวนแล้วจริงๆ…ทว่าเพียงแค่นิดเดียว ในใจนางล้วนเต็มไปด้วยความแค้นที่เข้าครอบงำ ท้ายที่สุดจึงสิ้นหวังจนคลุ้มคลั่งขึ้นมา
“หม่อมฉันผิดไปแล้ว จากนี้ไปจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้อีกแล้วเพคะ”
“อืม”
เว่ยหยวนฉวยจังหวะรวบนางเข้ามาในอ้อมกอด ยื่นมือไปตบหลังนางเบาๆ ราวกับกล่อมเด็กน้อยเข้านอน
หนิงอวี้คิดถึงเรื่องราวในตอนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเบ้าตาแดงก่ำ ด้วยการปลอบใจอย่างอ่อนโยนขอบเว่ยหยวน ครั้นแล้วน้ำตาก็ไหลออก เมื่อน้ำตาไหลลงสาบเสื้อ เว่ยหยวนสัมผัสได้ถึงความเย็นขึ้นวาบจึงพูดขึ้นเสียงเบา “ไม่ร้องนะ คนดี”
“ท่านพ่อตายแล้ว”
“อืม”
“ท่านทำเพื่อปกป้องไม่ให้หม่อมฉันบาดเจ็บ วันนั้นหม่อมฉันเห็น ว่าท่านเลือดไหลออกมามากจนเลอะไปทั่วทั้งพื้น มากมายเหลือเกิน แดงฉานไปทั่วเลย”
เว่ยหยวนได้ยินความวุ่นวายสับสนในคำพูดของนาง ก็โอบคนในอ้อมกอดเอาไว้กระชับยิ่งขึ้น
ทำไมต้องโทษนาง นางตอนนั้นคงโศกเศร้าและหวาดกลัวอย่างมาก เว่ยหยวนรู้สึกจุกในอก อดไม่ได้ที่จะตำหนิตนเองว่าทำไมไม่รีบตามไปอยู่เคียงข้างนาง เผชิญหน้าพร้อมกับนาง
“หม่อมฉันลองช่วยท่านแล้ว แต่ไม่มีประโยชน์อันใดเลย…ไม่มีประโยชน์อันใดเลย” หนิงอวี้คว้าสาบเสื้อเว่ยหยวนแน่น จนผ้าไหมต่วนหรูหราเป็นรอยย่นยับขึ้นมา “สุดท้าย ท่านก็ยังคงสิ้นใจต่อหน้าหม่อมฉัน”
เงียบงันอยู่ครู่ใหญ่ น้ำตาหนิงอวี้ก็หยุดไหล เว่ยหยวนสังเกตว่านางหยุดร้องไห้แล้วก็ใช้มือข้างหนึ่งประคองหน้านางขึ้น แล้วใช้มืออีกข้างซับน้ำตาบนหางตานางออกไป เขาพูดขึ้นเสียงเบา “อย่าร้องไห้เลย นี่ไม่ใช่ความผิดเจ้า เกิดแก่เจ็บตายล้วนแต่สามัญ”
“ไม่ เป็นความผิดของหม่อมฉัน เป็นเพราะหม่อมฉันทำให้ท่านพ่อต้องตาย!”
“อย่าคิดอย่างนั้นเลย หากท่านพ่อตารู้ต้องเสียใจแน่ ท่านพ่อตารักเจ้าลึกซึ้ง ย่อมช่วยเจ้าโดยไม่สนใจสิ่งใดอยู่แล้ว ท่านไม่โทษเจ้าหรอก คนดี อย่าร้องไห้เลยนะ”
หนิงอวี้พยักหน้า น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ เว่ยหยวนกอดนางเอาไว้แน่นแล้วก้มหน้าลงมาบนเรือนผมนางพลางพูดขึ้นเสียงเบา “เจ้าพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว แต่เกิดแก่เจ็บตายนั้นเป็นเรื่องสามัญ”
“มู่หรงเหยียน…” หนิงอวี้ขบริมฝีปาก “การตายของท่านพ่อ มู่หรงเหยียนมีส่วนด้วย”
“หนิงเฝ่ยหรือ”
“เขาเป็นเพียงมู่หรงเหยียน ไม่ใช่หนิงเฝ่ย!” หนิงอวี้ย่นคิ้ว พูดขึ้นอย่างไม่ลังเล วินาทีถัดมา นางก็เผยความสับสนขึ้นบนหน้า “แต่เขาก็ได้ลองช่วยท่านพ่อแล้ว…หม่อมฉันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ไม่แม้แต่จะลงมือกับเขา”
“ท่านพ่อตา ตอนแรกที่รับเลี้ยงเขาคงรู้สถานะของเขาอยู่แล้ว” เว่ยหยวนสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน “ข้าว่าก่อนท่านสิ้นใจ คงฝากฝังอะไรไว้บ้างแน่”
“ท่านบอกว่า ให้ข้าเลิกติดตามเรื่องราวของหนิงเฝ่ย” หนิงอวี้พูดเสียงแผ่ว ครั้นแล้วก็นึกขึ้นได้ฉับพลัน หากท่านรู้สถานะของมู่หรงเหยียนจริง เช่นนี้ ท่านก็ยอมรับมาโดยตลอด ว่ามู่หรงเหยียนก็คือหนิงเฝ่ย
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องลอบสังหาร เพียงแต่เรื่องที่บอกไม่ให้ตามสืบเรื่องมู่หรงเหยียนต่อ หากบิดารู้สถานะของเขา เช่นนั้น…ในสายตาท่าน มู่หรงเหยียนยังคงเป็นลูกบุญธรรม จึงมิได้อาฆาตเคืองแค้นในตัวเขา
หนิงอวี้เผยสีหน้าตื่นตระหนกออกมา เว่ยหยวนกลับพยักหน้าอย่างนิ่งเฉย เขาพูด “เมื่อตอนที่ท่านแม่เจ้าหนีมาจนได้พบกับท่านพ่อตา สุดท้ายก็สิ้นใจเพราะคลอดยาก ไม่นานจากนั้นเพราะการแก่งแย่งภายในวังหลวง มู่หรงเหยียนจึงถูกทอดทิ้งและถูกตามสังหาร ระเหเร่รอนจนมาถึงชายแดน”
“ข้าได้หาตัวสหายร่วมรบของท่านพ่อตาพบ ท่านเคยสืบหาที่มาของตัวตนมู่หรงเหยียน” เว่ยหยวนน้ำเสียงหนักแน่น ยื่นมือขึ้นไปลูบเรือนผมของนาง “เจ้าอยากพบเขาหรือไม่”
ตอนที่ 314 ขอดูการกระทำของเจ้าก่อน
หนิงอวี้นิ่งอึ้งกับที่ ชายชราเบื้องหน้าคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก นั่นไม่ใช่ท่านลุงหนิวผู้เปิดร้านอาหารอยู่ที่หนิงเปียนในตอนนั้นหรอกหรือ
“ท่านลุง เชิญนั่ง รีบเดินทางมาแต่ไกล ลำบากท่านแล้ว”
หนิงอวี้ก้าวเข้าไปสองสามก้าว แล้วประคองชายชราไปยังที่นั่ง
“ไม่ลำบากเลย” ชายชราวางมือลงบนเก้าอี้ “วันก่อนฮ่องเต้ส่งคนมารับข้า รถม้าวิ่งอย่างนุ่มนวลตลอดทาง ไม่ได้ลำบากอะไรนัก”
วันก่อนก็คือวันที่นางกลับมานั้นเอง หนิงอวี้ช้อนตาขึ้นมองก็เห็นเว่ยหยวนยิ้มอย่างอ่อนโยน ขอบคุณนะ นางพูดขึ้นเบาๆ ในใจ มุมปากยกยิ้มบาง
“น่าเสียดายจื้อหย่วนตายเสียกลางสนามรบ เฮ้อ ท่านเรียกหาข้า ข้าเองก็รู้ว่าด้วยเรื่องใด”
รอยยิ้มน้อยๆ บนมุมปากนางเลือนไป นางพยักหน้ารับ
ชายชราลูบเคราหนึ่งทีแล้วมองเหม่อไปยังไม้เท้าในมือ เข้าอ้าปากพูดขึ้นด้วยจิตใจที่ราวกับกำลังหลุดลอย “ตอนนั้นก่อนท่านแม่ของท่านจะแต่งงาน ก็ได้บอกสถานะของนางให้จื้อหย่วนรู้ แม้กระนั้น จื้อหย่วนยังคงตัดสินใจแต่งนาง”
“นานหลังจากนั้น ท่านพ่อเจ้าก็มาหาข้า ขอให้ข้าตามสืบสถานะของลูกเลี้ยงเขา ข้าขอให้ผู้คนหลายคนตามสืบ เดินทางไปยังราชวงศ์เหนือด้วยตนเอง จึงได้ข้อมูลที่แน่ชัดกลับมา”
ดังนั้นบิดาจึงรู้ทุกอย่าง หนิงอวี้ก้าวถอยสองสามก้าว รู้สึกเบาใจเล็กน้อย ราวยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก เว่ยหยวนวางมือลงบนบ่านาง เป็นการบอกให้นางรู้ว่า ‘ตัวเขาอยู่เคียงข้างนาง’
หนิงอวี้สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นบนบ่าก็หันกลับไปปั้นหน้ายิ้มหนึ่งที เว่ยหยวนเห็นนางพยายามยิ้มก็รู้สึกปวดร้าวใจ ที่จริงแล้ว นางอาจจะไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนี้ก็ได้ ถ้าตอนนั้นเขารั้งตัวนางเอาไว้
หลังจากกล่าวขอบคุณชายชรา หนิงอวี้ก็เดินโซเซไปยังด้านนอก เว่ยหยวนขมวดคิ้ว ยื่นมือดึงนางเอาไว้
“ข้างนอกลมแรง ไม่สู้นอนพักสักครู่หรือ”
หนิงอวี้ส่ายหน้ายังแน่แน่วและดึงดัน เว่ยหยวนจนปัญญาจึงได้แต่ปล่อยมือลง ลมพัดแรงจริงๆ หนิงอวี้หนาวตัวสั่นครู่หนึ่ง อึดใจเดียวก็ถูกคลุมด้วยเสื้อนอกหนึ่งตัว เสื้อคลุมอบอุ่นนั้นกันลมหนาวไว้ได้อย่างดี
หนิงอวี้กระชับเสื้อคลุมแน่นแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “พระองค์กลับไปก่อนเถอะเพคะ” ยังไม่ทันจบความ นางก็เดินจากไปอย่างรีบร้อน
เตะก้อนหินไปเรื่อยเปื่อย หนิงอวี้มองเหม่อไปยังรองเท้าหนังกวาง ในเมื่อบิดารู้สถานะของมู่หรงเหยียน ไยจึงไม่บอกนาง คงเพราะว่าไม่อยากให้นางเข้าไปพัวพันด้วยเรื่องนี้ เพราะการชิงดีชิงเด่นในวังนั้นวุ่นวายอำมหิตนัก
แต่ในเลือดนางก็มีส่วนหนึ่งที่เป็นเลือดราชวงศ์เหนือ จะหลีกพ้นได้อย่างไรกัน บิดารู้ทุกอย่าง แล้วท่านพยากรณ์จุดจบของตนได้หรือไม่…ตอนแรกที่รับเลี้ยงมู่หรงเหยียนนั้น ก็น่าจะรู้ดีแก่ใจว่าทั้งสองต้องมีวันที่เป็นปรปักษ์ต่อกันในสักวัน
หนิงอวี้ขบริมฝีปากเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เพราะไม่ต้องการให้น้ำตาที่เอ่อรื้นเบ้าตานั้นไหลออกมา ลมพัดโชยผ่าน กองหญ้าแห้งกองหนึ่งกลิ้งไปกับพื้นหลายตลบ กลิ้งผ่านหน้าหนิงอวี้ ผ่านเลยไปยังด้านหลัง
จังหวะประจวบเหมาะ หนิงอวี้หันกายกลับก็เห็นเว่ยหยวนในชุดผ้าบางทั้งตัว ยืนอยู่ไกลๆ เมื่อเห็นนางหันกาย เว่ยหยวนก็ยกมุมปากขึ้นยิ้มเพื่อปลอบประโลมหนึ่งที
น้ำตาที่กลั้นไว้ทะลักออกมา หนิงอวี้เดินเข้าไปสองสามก้าว เว่ยหยวนอึ้งงันแล้วออกวิ่งไปยังนางอย่างรวดเร็ว หนิงอวี้ยื่นแขนทั้งสองออกแล้วโผเข้ากลางอ้อมกอดเว่ยหยวน
“อย่า…ระวังลูกด้วย”
เว่ยหยวนยื่นมือไปกอดนางแน่น ก้มหน้าลงประทับจุมพิตลงบนแก้มนางหนึ่งที
หนิงอวี้สัมผัสได้ถึงริมฝีปากที่เย็นยะเยือกของเขา นางเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นริมฝีปากเขาขาวซีด นางรู้สึกสะท้อนใจจึงถามขึ้นด้วยเสียงอันเบา “ไยจึงไม่กลับไปคลุมเสื้อนอกเล่าเพคะ”
“ข้ากลัวเจ้ารีบร้อนเดิน…ข้าอยากอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ทุกโมงยาม”
หนิงอวี้โอบเอวเขาแน่น อยากหัวเราะทั้งร้องไห้ ขณะที่น้ำตาไหลอาบลงมานั้น มุมปากนางก็ยกยิ้ม
“เดินข้างกัน ไม่เสียธรรมเนียมหรือเพคะ”
“ผู้คนใต้หล้าล้วนรู้ดี ว่าข้ายอมเป็นบ้าเพื่อเจ้า”
เว่ยหยวนก้มหน้า จุมพิตบนหน้านางเบาๆ
“เช่นนั่น พระองค์ทรงยกโทษให้หม่อมฉันแล้วหรือเพคะ”
หนิงอวี้จิกชายเสื้อเขา นางเงยหน้าส่งยิ้มอ่อนหวาน เว่ยหยวนเลิกคิ้วพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนปลายตานางด้วยท่วงทีอันอ่อนโยนอย่างที่สุด
“ไม่ ขอดูการกระทำของเจ้าก่อน”