ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 315 หญิงงามดั่งบุปผา / ตอนที่ 316 เราแยกทางกันเถอะ
ตอนที่ 315 หญิงงามดั่งบุปผา
“ใต้เท้าจาง วิเคราะห์สภาพชัยภูมิ…” ใต้เท้าหลิวใช้มือข้างหนึ่งแหวกม่านขึ้น มือหนึ่งถือเอกสารราชการ วินาทีถัดจากนั้นสองตาก็นิ่งเหม่อ “สาวงามสองนางนี้คือผู้ใด”
ใต้เท้าจางได้ยินก็ขมวดคิ้วทั้งคู่แน่นแล้วทอดถอนใจ
“เดิมทีตั้งใจเตรียมไว้เพื่อฮ่องเต้ราชวงศ์เหนือ ทว่ายามนี้…เฮ้อ ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี”
หญิงงามทั้งสองยิ้มน้อยๆ หนึ่งทีแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มตน ยิ้มนั้นดูงามพริ้งถึงที่สุด พวกนางผมยาวสลวยปะบ่า บนผมห้อยระย้าด้วยเครื่องประดับผมสีทอง สวมกระโปรงเต้นรำห้อยด้วยกระดิ่งทอง เท้าทั้งคู่นั้นเปลือยเปล่า
ม่านยังไม่ทันถูกดึงเข้าหากัน สายลมพัดผ่าน กลิ่นหอมกลิ่นหนึ่งโชยปะทะหน้า เสียงกระดิ่งดังกังวานใส ใต้เท้าหลิววางเอกสารราชการลงบนโต๊ะแล้วพินิจหญิงงามรอบหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะดีดลิ้นทำเสียงจิ๊จ๊ะ
หญิงงามยิ้มน้อยๆ งามดั่งวันเหมันต์อันสดใส ชวนให้ผู้คนชื่นใจบานดั่งฤดูใบไม้ผลิ ใต้เท้าหลิวสัมผัสถึงความร้อนผ่าวบนปลายจมูก ยกมือขึ้นลูบหนึ่งทีก็พบรอยเลือดสีแดง
“ใต้เท้าหลิว นี่ท่านเป็นอะไร”
ใต้เท้าจางย่นคิ้ว ล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งยื่นให้ใต้เท้าหลิว ใต้เท้าหลิวหัวเราะร่า ครั้นเห็นหญิงงามยิ้มชดช้อยมองมายังตนก็หน้าแดงถึงใบหู แล้วพูดขึ้นเบาๆ ว่า “เลือดลมดี เลือดลมดี”
“สาวงามสองนางนี้จะส่งไปที่ใดกัน”
ใต้เท้าจางถอนหายใจยาว ส่ายหน้าเบาๆ ท่าทีทำตัวไม่ถูกเต็มประดา
ใต้เท้าหลิวคิดออกในฉับพลันจึงปรบมือทั้งคู่หนึ่งที
“ไม่เช่นนั้นก็ถวายแด่ฮ่องเต้ เป็นเช่นไร”
ใต้เท้าจางส่ายมือไม่หยุด
“มิได้นะขอรับ ท่านเองก็ใช่ว่าไม่รู้ ว่าฮ่องเต้ทรงโปรดนายพลหนิงเพียงใด ทรงรักหวงแหนงจนแทบจะผ่าพระหฤทัยมอบให้นาง”
หญิงงามทั้งสองได้ยินก็สบตากัน ต่างมองเห็นความคาดหวังในก้นบึ้งนัยน์ตาของอีกฝ่าย พวกนางเดินเข้าไป แล้วขนาบข้างตัวใต้เท้าหลิวทั้งซ้ายขวา
ใต้เท้าหลิวหน้าแดงดั่งชาดทา ในใจเบิกบานราวกับดอกไม้ ใบหน้ากลับแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง
“นายพลหนิงกำลังตั้งครรภ์ ค่ำคืนฮ่องเต้ทรงเดียวดาย อาจจะ… อนึ่ง ยามนี้วังหลังว่างเปล่า เป็นโอกาศอันดีที่จะถวายหญิงงาม”
“ให้พวกเราได้ปรนนิบัติฮ่องเต้เถอะนะเจ้าคะ พวกเราจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจแน่นอน”
“ใต้เท้า พวกเราชื่นชมฮ่องเต้มานานแล้ว ของร้องท่านช่วยให้ความหวังของพวกเราได้สัมฤทธิ์ด้วยเถิดนะเจ้าคะ”
——
เว่ยหยวนเอนกายพิงถังไม้หลับตาทั้งคู่ลง แช่อยู่กลางไอน้ำร้อนช่วยผ่อนคลายทุกอิริยาบถ บีบคั้นนางอีกสักนิด เช่นนี้จะได้ไม่กล้าก่อความผิดขึ้นอีก
เว่ยหยวนนึกถึงท่าทีอันน้อยเนื้อต่ำใจของหนิงอวี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขบขัน ครั้นนึกถึงภาพนางร้องไห้หลั่งน้ำตา กลางใจก็เกิดปวดร้าวขึ้นมาเล็กน้อย
ท่านพ่อตาตายจากไป ซ้ำนางยังตกอยู่ท่ามกลางเขี้ยวเล็บเพียงลำพัง ทั่วกายเต็มไปด้วยบาดแผล กลับมาได้ด้วยความยากลำบากสุดคณา แต่ตนกลับ…เว่ยหยวนมุ่นหัวคิ้ว แต่ถ้าจะยกโทษให้นางเสียง่ายๆ คราวหน้านางทำผิดอีกจะทำอย่างไร
บางทีอาจเพราะตัวเขาตามใจนางหลายต่อหลายครั้ง จึงทำให้นางทำตัวเหลวไหลอยู่เนืองๆ เว่ยหยวนยื่นมือไปกุมขมับ รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันใด
เรื่องนี้ เขาไม่อาจตัดใจทำได้ แต่หากคิดจะแกล้งให้นางลำบาก ถ้าเกิดเล่นแรงไป เขาก็ทำไม่ลงเช่นกัน
จุมพิตร้อนผ่าวประทับลง อวี้เอ๋อร์หรือ คิ้วที่ขมวดเป็นปมของเว่ยหยวนค่อยๆ คลายออก มุมปากยกยิ้มบางค่อยๆ ลืมตาทั้งคู่ขึ้น ทันใดนั้นก็เห็นหญิงงามอรชรเย้ายวนยืนอยู่เบื้องหน้า ซ้ายหนึ่งขวาหนึ่ง ฉวยจังหวะโอบรอบลำคอเขาไว้
หญิงงามเห็นเขาตื่นก็ยื่นมือไปลูบหน้าเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์เหนือทรงชราจนพระทนต์ร่วง ไหนเลยจะเทียบได้กับฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ใต้
มิต้องกล่าวกล่าวถึงความเยาว์ ทรงพระสิริโฉมงดงามคมขำ ซ้ำเก่งกาจหาญศึกย่ำไปที่ได้ล้วนแต่ศิโรราบ รบคราใดล้วนแต่ประสบชัย วีรบุรุษเช่นนี้ ยังเป็นถึงนักรัก สตรีใดกันจะไม่พึงพอใจ สาวงามประสานตากันทีหนึ่ง ต่างเห็นถึงความเร่าร้อนในตาของกันและกัน
เว่ยหยวนยื่นมือไปผลักทั้งสองออกสีหน้านิ่ง แล้วยื่นมือไปล้วงเสื้อผ้าบนขอบถังไม้ จังหวะเดียวกันนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงดังกังวาน คงเป็นเสียงกระเบื้องจากจอกที่กระทบพื้นจนแตกกระจาย
ตอนที่ 316 เราแยกทางกันเถอะ
เว่ยหยวนลุกขึ้นยืนสวมเสื้อผ้าพลางขมวดคิ้วแน่น เมื่อมองผ่านฉากบังตาก็เห็นคนผู้หนึ่งกำลังแหวกม่านวิ่งออกไป “ให้ตายสิ ” เว่ยหยวนบ่นอุบพลางเดินออกไปนอกถังไม้
หญิงงามต่างแดนทั้งสองนางไม่ลดละ อึดใจเดียวหลังจากนั้นก็โผเข้าไปยังเขา เตรียมพร้อมใช้ทั้งร่างกายเตรียมเผด็จศึก เว่ยหยวนตะคอกด้วยความโกรธทีหนึ่ง “ไสหัวไป” ครั้นแล้วก็ผลักหญิงงามทั้งสองออก เขาเดินออกจากฉากบังตาพร้อมยื่นมือไปคว้าเสื้อนอก
เดินไปพลางสวมใส่เสื้อผ้าไปพลาง เมื่อเดินผ่านจอกน้ำที่แตกกระจายบนพื้นก็หยุดไปชั่วครู่ ครั้นแล้วก็ออกวิ่งไปยังรวดเร็ว
หนิงอวี้กุมท้องน้อยเดินจากไปอย่างทุลักทุเล ไม่กล้าหันหน้ากลับ ในเมื่อเว่ยหยวนบอกว่าจะดูการกระทำของนาง นางคิดอยู่ครู่ใหญ่จึงตัดสินใจทำน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมถ้วยหนึ่งมาให้เขา
เว่ยหยวนอดนอนสะสางงานราชการ จำเป็นต้องบำรุงร่างกาย การกินยาอาจช่วยบำรุงร่างกายได้ หนิงอวี้ค่อนข้างพอใจต่อความคิดของตน ในขณะเดียวกันเมื่อคิดถึงคำชมเชยของเขาก็แทบอดใจรอไม่ไหว
นางจุดไฟอยู่นานถึงสองชั่วยาม แต่เพราะรีบร้อนเกินไปจึงลวกมือเข้า แววตาดวงใจที่เต็มไปด้วยความยินดีและคาดหวัง ท้ายที่สุดก็ถูกเงาร่างอรชรอ้อนแอ้นบนฉากบังตาทำลายจนสิ้น
หนิงอวี้ขบริมฝีปาก น้ำตาไหลอาบลงมา มือหนึ่งนางกุมท้องน้อย มือหนึ่งปาดน้ำตา ทำไมกัน ทำไมไม่บอกความจริงกับนาง อะไรกันที่บอกว่าจะดูการกระทำของนาง ทั้งหมดล้วนแต่คำหลอกลวง
ในขณะที่หลอกลวงนาง อีกด้านกลับกำลังเล่นน้ำกับหญิงงามสำราญใจ เลวที่สุด เว่ยหยวนต่างกับเว่ยหลิงตรงไหน หนิงอวี้หยุดฝีเท้ายกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้ออกมา รอยแผลที่ถูกลวกสัมผัสกับใบหน้ารู้สึกปวดแสบอย่างมาก
ร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง หนิงอวี้ก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วเดินเอื่อยเฉื่อยอย่างไร้จุดหมาย ที่จริง นี่ก็ไม่ได้เป็นอะไรนัก อย่างไรเสียเขาก็สามารถมีอนุน้อยใหญ่ได้อยู่แล้ว ชาติก่อน นางเองก็เคยอดทนอดกลั้นกับการแต่งสนมเข้าวังของเว่ยหลิง
แต่ทำไมกัน พอมาถึงเว่ยหยวน นางกลับไม่อาจทนได้ หนิงอวี้มองไปยังก้อนเมฆหลากสีหลายก้อนบนท้องฟ้าเปลี่ยนรูปไปไม่หยุด ใคร่ครวญกับคำถามนั้นอย่างจริงจัง
คงเพราะรักเขามากเหลือเกิน จึงทำใจไม่ได้ที่จะแบ่งเขาให้ผู้อื่น แม้เพียงน้อยนิด นางก็ตัดใจไม่ได้ หนิงอวี้เผยอปาก น้ำตาก็พลันไหลอาบอย่างออกมา
นางควรจากไปหรือไม่ เว่ยหยวนได้ครองราชย์ คนที่นางคอยคุ้มครอง ถ้าไม่ได้รับความสุขก็จะจากนางไป
เว่ยหยวนไม่อาจมีนางเพียงผู้เดียว วังหลังไม่อาจมีเพียงฮองเฮา แต่นาง หวาดกลัวการแก่งแย่ง รังเกียจเรื่องราวเช่นนี้นัก
พวกเขาทั้งสอง คงถูกพรหมลิขิตให้ไม่ได้อยู่ร่วมกัน หนิงอวี้ยิ้มเศร้าเดินไปยังหน้าผา นางนั่งลง สองเท้าแกว่งไปมาอยู่กลางอากาศ สายลมพัดโชยผ่าน ชายกระโปรงบานสยายราวกลับลูกคลื่น
“หนิงอวี้!”
เสียงตะโกนด้วยความโกรธแว่วมาจากด้านหลัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประหลาดใจและตื่นตระหนกอย่างไม่น่าเชื่อ หนิงอวี้ได้ยินชัดเจน แต่ไม่คิดจะตอบกลับ ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้
เว่ยหยวนรีบเดินไปด้านหน้า เขาวิ่งซวดเซไปยังนาง ยื่นมือข้างหนึ่งไปอุ้มนางขึ้น หนิงอวี้ได้กลิ่นแป้งชาดหอมฟุ้งบนกายเขา น้ำตาก็พลันพรั่งพรูออกมา
เว่ยหยวนในตอนนี้จึงรู้สึกถึงความกลัว เขาก้มหน้ามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหนิงอวี้ จึงตะลึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นางนั่งอยู่ริมหน้าผา
“เจ้าคิดทำอะไรกันแน่!” เว่ยหยวนสีหน้าบึ้งตึง ครั้นรู้สึกตัวว่าท่าทีตนดุดันเกินไปก็รีบเปลี่ยนน้ำเสียง “เมื่อครู่ข้ากลัวเหลือเกิน เจ้าอย่างร้องไห้เลยนะ”
หนิงอวี้ไม่เอ่ยวาจา นางมุดตัวอยู่กลางอ้อมกอดเขาเงียบๆ ดวงตาไร้แววนิ่งทื่อราวกับตุ๊กตาไม้ มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกจากหางตาเป็นพักๆ ที่ยืนยันว่านางยังมีชีวิตอยู่
เว่ยหยวนรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก เขาโอบนางเอาไว้แน่น ก้มหน้าลงจุมพิตบนหน้าผากนางแล้วอธิบายว่า “เรื่องเมื่อครู่ ไม่ได้เป็นเช่นเจ้าคิด…”
“เรา แยกทางกันเถอะเพคะ” หนิงอวี้เงยหน้าขึ้นยิ้มบาง น้ำตาไหลนองร่วงสู่เรือนผม “หรือไม่ก็ พระองค์ก็หย่ากับหม่อมฉันเถอะเพคะ”