ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 317 ลูกแมวน้อยขี้แง / ตอนที่ 318 หม่อมฉันอยากออกรบ
ตอนที่ 317 ลูกแมวน้อยขี้แง
“อวี้เอ๋อร์ เมื่อครู่นั้นข้าไม่รู้อะไรด้วยเลย จู่ๆ ก็มีสตรีสองนางปรากฏตัว ข้าผลักพวกนางออกไป ในใจข้ามีเพียงเจ้า จริงๆ นะ เจ้าต้องเชื่อข้านะ ”
เว่ยหยวนพูดขึ้นในตอนแรกด้วยถ้อยคำวุ่นวาย เมื่อพบว่าตนกำลังเสียกิริยาเกินไป จึงสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งที แล้ววางตัวหนิงอวี้ลงช้าๆ พยายามรวบรวมสติอธิบายเรื่องนี้ให้แจ้ง
หนิงอวี้พยักหน้า นางเชื่อ เว่ยหยวนทำเพื่อนางมากมายเพียงนี้ ในใจเขาต้องรักนางอย่างลึกซึ้งแน่นอน ทว่า สักวันหนึ่งเขาคงจำต้องโอบกอดสตรีนางอื่นในอ้อมกอด ด้วยเหตุผลอื่นอยู่ดี
นางไม่ยินยอม แต่ผู้อื่นคงยินดีไม่น้อย นางไม่กล้ายืนยัน ว่าในใจเว่ยหยวนจะมีเพียงนางคนเดียวตลอดไป นางไม่กล้าเชื่อ ว่าเว่ยหยวนภายใต้แรงกดดันของเหล่าขุนนางและผู้คนใต้หล้าจะไม่ทำให้เว่ยหยวนเปลี่ยนความคิดแต่เดิมได้
“หม่อมฉันรู้ แต่…หม่อมฉันคิดว่าเราควรแยกทางกันเพคะ”
หนิงอวี้ก้มหน้า นางไม่กล้ามองสีหน้าของเว่ยหยวน เป็นดังคาด วินาทีถัดมา เว่ยหยวนประคองหน้านางขึ้นบังคับให้นางมองมายังเขา
“ทำไมหรือ” เว่ยหยวนแววตาลึกซึ้ง จ้องนิ่งไปยังหนิงอวี้ “บอกเหตุผลข้าสิ”
หนิงอวี้ส่ายหน้า น้ำตาไหลลงท่ามกลางสายลม ลมพัดชายกระโปรงสีแดงสดของนางพลิ้วไหว ท่ามกลางกระโปรงสีแดงพัดพลิ้ววุ่นวายนั้น นางดูอ่อนแอราบกับผีเสื้อปีกหัก
หม่อมฉันจะบอกพระองค์เช่นไรดี กับสิ่งหม่อมฉันไม่เชื่อตนเอง สิ่งไม่เชื่อในตัวท่าน? หนิงอวี้ดึงมือเขาออกอย่างหนักแน่นเด็ดขาดแล้วหันกายเดินจากไป
เว่ยหยวนขมวดคิ้ว ดึงแขนนางเอาไว้ เขาดึงนางกลับมาบังคับให้นางอยู่ในอ้อมกอด “อย่าไปนะ”
“ที่สุดแล้วต้องมีสักวันที่พวกเราต้องแยกจาก…”
“นั่นเพราะความตาย”
“พระองค์จะมีสตรีนางอื่น”
คิ้วของเว่ยหยวนขมวดแน่น แล้วพูดโต้กลับเสียงทุ้มอย่างไม่ลังเล “ข้ามีเพียงเจ้า”
เว่ยหยวนกุมมือนางขึ้นก็รู้สึกสะดุ้งตกใจกับนิ้วที่เย็นเฉียบของนาง เขาเอามือนางซุกลงในสาบเสื้อตน แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “หนิงอวี้ เจ้ามองไม่เห็นหัวใจที่ข้ามีต่อเจ้าเลยหรือ”
“หม่อมฉัน…”
“ข้าต้องการแค่เจ้า ไม่เพียงแค่ชาตินี้ ทุกภพทุกชาติก็เช่นกัน”
ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็ใช้ริมฝีปากประกบกับริมฝีปากอันขาวซีด ประกบหยุดคำพูดที่ไม่เชื่อฟังนั้นเอาไว้
ล่างหน้าผานั้น รกชัฏไปทั่ว ผืนทรายหญ้าแห้ง เพียงสายลมโชยพัด ฝุ่นก็ฟุ้งตลบ
บนหน้าผานั้น ทั้งสองโอบกอดกัน ผ้าขาวซ้อนสลับผ้าแดง ไฟรักลุกโหมลุกอย่างคลุ่มคลั่ง สายลมพัดเสื้อผ้าพวกเขา ชายในชุดขาวบังลมเอาไว้ โอบกอดกอดหญิงสาวในอ้อมกอดจนแน่น
เว่ยหยวนเงยหน้าขึ้น กอดหนิงอวี้แน่นยิ่งขึ้น ริมฝีปากที่ขาวซีดในตอนแรกของหนิงอวี้ หลังผ่านการทดสอบอันหนักหน่วงก็กลับมางดงามหยาดยิ้มอีกครั้ง นางก้มหน้าลง ได้ยินเสียงหัวใจเว่ยหยวนเต้น มั่นคงและทรงพลัง กำลังเต้นอยู่เพื่อนาง
“อย่าไปนะ ห้ามร้องไห้ด้วย หากเจ้าเสียใจ ที่เจ้าต้องทำมีเพียงกอดข้าไว้”
หนิงอวี้เงยหน้าขึ้นพยายามยิ้มออกมาหนึ่งที ครั้นแล้วนางก็ร้องไห้ออกมาเสียนาน ปลายตาแดงก่ำ ยิ่งทำให้ดูน่าเอ็นดูสงสาร เว่ยหยวนก้มหน้าลง จุมพิตลงบนหางตานางแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “ลูกแมวน้อยขี้แง”
“ฮึ ใช่ที่ไหนกัน” หนิงอวี้หน้าแดงถึงใบหู นางยกกำปั้นไปทุบบนอกเขา “ไม่ได้เป็นลูกแมวขี้แงสักหน่อย”
เว่ยหยวนโดนไปหนึ่งหมัด กลับปล่อยหัวเราะออกมา แล้วพูดคล้อยตามว่า “ใช่ เจ้าไม่ใช่ลูกแมวขี้แง”
หนิงอวี้ได้ยินก็แค่นเสียงเบาๆ หนึ่งที มุมปากกลับอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม
“ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า อยู่เผชิญหน้าทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกับเจ้า”
“เพคะ”
“สรรพสิ่งบนโลกนี้สำหรับข้าล้วนเพียงธุลีดิน มีเพียงเจ้าที่ดวงใจข้าเฝ้ารักเฝ้าห่วงหา” เว่ยหยวนยื่นมือไปขยี้เรือนผมนาง “เพื่อข้าแล้ว ได้โปรดอย่าจากข้าไป”
หนิงอวี้ดวงตาโค้งยิ้ม น้ำตากลับไหลลงมาอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ นางพยักหน้าตอบอย่างระวัง ครั้นแล้วก็ยื่นมือไปโอบรอบเอวเขาแน่น
ตอนที่ 318 หม่อมฉันอยากออกรบ
“หม่อมฉันอยากออกรบ”
เว่ยหยวนสะดุ้งหลังเหยียดตรงทันใด เขาปฏิเสธโดยไม่หันหน้ากลับไปมอง “ไม่ได้ รีบดื่มน้ำขิงเสีย”
หนิงอวี้เผยอปาก ยื่นมือขึ้นมาบีบจมูกแล้วดื่มน้ำขิงหมดในอึกเดียว รสเผ็ดร้อนของขิงสับเสียดทิ่มลิ้นนางจนชา ได้แต่พ่นลมออกปากเบาๆ
จากมุมของนาง สามารถมองเห็นเว่ยหยวนยืนอยู่หน้ากระบะทรายกำลังดูชัยภูมิ วันนี้เขาสวมชุดหนังสีขาว ดูหรูหราอย่างมาก ไม่เหมือนจักพรรดิ แต่เขากลับเหมือนคุณชายผู้มาจากตระกูลคหบดีมั่งคั่ง
หนิงอวี้ลุกขึ้นเดินไปด้านหน้าแล้วโอบรอบเอวเขาเอาไว้ นางพูดขึ้นเสียงเบา “ยุทธการครั้งนี้ หม่อมฉันมิอาจถอยเพคะ” แต่เดิมนางกับบิดาก็เคยไปยังที่แห่งนี้เพื่อออกรบ แม้ว่าบิดาจากตายจากไป แต่นางยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องยืนหยัดที่จะรบสู้
“ข้าไม่อยากสูญเสียเจ้าไปอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นไปได้เพียงหนึ่งในหมื่น”
หนิงอวี้สังเกตได้ว่าน้ำเสียงเขาบึ้งตึง ก็ชะโงกหน้ามองสีหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ จึงได้พบว่าในแววตาเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หนิงอวี้ยกมือเขาขึ้นช้าๆ สิบนิ้วประสานเข้าด้วยกันแน่น
“นี่คือยุทธการที่เกิดขึ้นเพราะหม่อมฉัน แล้วหม่อมฉันจะปลีกตัวออกมาได้อย่างไรเพคะ”
เว่ยหยวนกุมมือนางแน่น แล้วรวบดึงเข้ามาในอ้อมกอด เขาประทับจุมพิตลงบนหน้านางหนึ่งที
“เจ้าแค่รอก็พอ ที่เหลือให้ข้าเป็นผู้จัดการ”
“หม่อมฉันมิอาจเป็นเพียงนกขมิ้นขนทองอยู่แต่ในกรง” หนิงอวี้ยืนยันหนักแน่น “หม่อมฉันต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อสิ่งนี้ หม่อมฉันยืนยัน หม่อมฉันจะต้องปลอดภัย”
หนิงอวี้สังเกตสีหน้าเขา เห็นเขายังคงขมวดคิ้วจึงได้แต่พูดขึ้น “หากพระองค์ไม่ไว้ใจ หม่อมฉันก็จะอยู่แต่ข้างกายพระองค์”
เว่ยหยวนส่ายหน้า เอาแต่กอดคนในอ้อมกอดไว้จนแน่น หนิงอวี้โดนเขากอดรัดจนแทบหายใจไม่ออก ในใจกลับรู้สึกสงบนิ่งอย่างยิ่ง
“หม่อมฉันไม่อยากเพียงซุกอยู่ในอ้อมอกพระองค์ ออกรบกลางสนามรบ คือความหวังของหม่อมฉันมาโดยตลอด ตอนแรกพวกเราก็สัญญากันแล้ว พระองค์จำได้หรือไม่เพคะ”
“บัดนี้ไม่เหมือนวันวาน เจ้ากำลังมีครรภ์”
หนิงอวี้ยื่นมือไปลูบท้องน้อย มุมปากยกยิ้มอย่างห้ามมิได้
“ไม่เป็นอะไรเพคะ หม่อมฉันคอยอยู่แนวหลังวางแผนก็ได้”
พักใหญ่ เว่ยหยวนก็พยักหน้าช้าๆ หนิงอวี้เขย่งปลายเท้า จุมพิตเบาๆ ไปบนมุมปากเขา เฉียดผ่านเบาๆ ราวกับแมลงปอแตะผิวน้ำ
“หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์เป็นห่วงหม่อมฉัน หม่อมฉันจะระวังตัวให้ดีเพคะ”
“อืม”
เว่ยหยวนรับคำ สีหน้ายังคงบึ้งตึง
หนิงอวี้รู้ดีว่าในใจเขาขุ่นเคือง ทันใดนั้นมุมปากก็ยกยิ้มน้อยๆ ยื่นมือขึ้นไปจักจี๋รักแร้เขา เว่ยหยวนไม่ทันระวังตัว พอรู้สึกตัวก็กันการจู่โจมไม่ทัน
“ฮ่าๆๆ…เล่นเหลวไหลอีกแล้ว…ฮ่าๆๆ…หยุดนะ! หนิงอวี้! ฮ่าๆๆ…”
——
หนิงอวี้แหวกม่านเดินเข้าไปในกระโจม ชั่วพริบตา เสียงถกเถียงหารือทั้งหมดก็เงียบลงพลัน หนิงอวี้สีหน้าเคร่งขรึม เดินไปบนผืนพรมแดงแล้วคุกเข่าข้างหนึ่งลง
“หนิงอวี้ถวายบังคมฝ่าบาท”
เว่ยหยวนพยักหน้าอย่างนิ่งเฉย
“นายพลหนิง นั่งสิ”
หนิงอวี้กล่าวขอวคุณแล้วเดินไปยังที่นั่ง เหลียวมองไปรอบด้านจึงพบว่ามีเพียงที่นั่งนางเท่านั้นที่ปูรองด้วยเบาะกำมะหยี่
ผู้คนที่นั่งอยู่สีหน้าซับซ้อนยากจะคาดเดา พวกเขาจากเมืองหลวงมาไกล ชุมนุมกัน ณ ที่แห่งนี้สาเหตุทั้งหมดก็เพื่อคนผู้นี้ แต่การตัดสินใจอันหน้าขบขันที่สุดในปฐพีเช่นนี้กลับเป็นโอกาสเดียวที่ราชวงศ์ใต้จะยึดครองราชวงศ์เหนือได้ หนำซ้ำ คนผู้นี้ก็คือบุตรีเพียงคนเดียวของขุนพลหนิง
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนแคลงใจใจที่สุดนั้นคือ นางรอดกลับมาจากราชวงศ์เหนือย่างปลอดภัย…ทั้งยังพาเอาลูกในครรภ์กลับมาด้วย ใครๆ ก็รู้ว่ามู่หรงเหยียนรัชทายาทแห่งราชวงศ์เหนือ เคยประกาศต่อใต้หล้าว่าจะแต่งตั้งนางเป็นชายารอง
คิดไม่ถึง ว่าฮ่องเต้กลับทรงไม่แยแสแม้แต่น้อย มิต้องพูดถึงว่าทรงโปรดนางมากเพียงใด ซ้ำยังลงโทษหญิงงามต่างแดนทั้งสองที่คิดยั่วยวนพระองค์ หรือแม้กระทั่ง ทรงไม่เคยเอ่ยถึงลูกในครรภ์นางเลยแม้แต่น้อย
หนิงอวี้เหลียวมองสีหน้าผู้คนโดยรอบ ก็รู้ว่าในใจพวกเขากำลังคิดสิ่งใด นางรู้สึกอึดอัดน้อยใจเล็กน้อย หนิงอวี้ยื่นมือไปกุมท้องน้อย ก้มหน้าลงไม่พูดจา
เมื่อรู้สึกว่าถูกจับตามอง หนิงอวี้จึงเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าเว่ยหยวนส่งยิ้มน้อยๆ มายังตน นางจึงพยายามกระตุ้นจิตใจให้ร่าเริง ยกมุมปากยิ้มตอบกลับไปหนึ่งที