ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 327 อยู่เคียงกันไม่แยกจาก ตราบจนแก่เฒ่า / ตอนที่ 328 พระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮา
- Home
- ยอดรักชายาอัปลักษณ์
- ตอนที่ 327 อยู่เคียงกันไม่แยกจาก ตราบจนแก่เฒ่า / ตอนที่ 328 พระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮา
ตอนที่ 327 อยู่เคียงกันไม่แยกจาก ตราบจนแก่เฒ่า
เมื่อตอนจากกัน ในนางเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าโศกและห่วงหา เมื่อหวนกลับคืน ในใจราวกับถูกเผาเป็นขี้เถ้า ความสับสนและอาฆาต นางจงใจมองข้ามซุกซ่อนมันเอาไว้ใต้เถ้าถ่าน
ยังจำได้เลือนรางว่าตอนที่จากไปเถาดอกม่วงระย้าบานสะพรั่ง ตอนนี้กลับคืนมา ดอกไม้ทั้งหลายต่างแห้งเ**่ยวร่วงโรย เหลือเพียงดอกบ๊วยท่ามกลางลมหนาว หนิงอวี้ก้มหน้าเลิกชายกระโปรงขึ้นคุกเข่าลงกับพื้น
“ท่านพ่อ ท่านแม่ หนิงอวี้ลูกสาวอกตัญญูผู้นี้กลับมาคารวะแล้ว”
หงหลิงเห็นนางคุกเข่าก็มุ่นหัวคิ้วไม่หยุด เมื่อยื่นมือไปหมายจะประคองนางขึ้น กลับเห็นเว่ยหยวนใช้แววตาเป็นนัยห้ามเอาไว้ก่อน
อากาศหนาวยะเยือก ผู้เป็นนายซ้ำยังมีครรภ์…หงหลิงจนปัญญา ได้แต่ก้าวถอยออกมาสองสามก้าว
เว่ยหยวนขมวดคิ้ว ยื่นมือขึ้นปลดเสื้อคลุมกันลมคลุมไปบนตัวหนิงอวี้ เขาเลิกชายเสื้อขึ้น คุกสองเข่าลงกับพื้นแล้วพูดขึ้นเสียงทุ้มว่า “เว่ยหยวนลูกเขยผู้นี้ มาที่นี่เพื่อคารวะท่านพ่อตา ท่านแม่ยาย”
หนิงอวี้โขกศีรษะ เส้นผมเกาะติดไปด้วยเกล็ดหิมะสีขาว เมื่อโขกศีรษะคำนับสามครั้งแล้ว หนิงอวี้ก็รู้สึกว่าเกล็ดหิมะน้อยๆ บนหน้าผากกลายเป็นน้ำไหลลดคดเคี้ยวลงมา
“ท่านพ่อ ท่านว่าอย่างไร ข้าเข้าใจผิด หรือว่าอย่างไรกัน” หนิงอวี้ย่นคิ้ว ริมฝีปากขาวซีด “ข้าคิดว่า ท่านคงให้อภัยเขาใช่หรือไม่”
เว่ยหยวนได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของนางก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อเหลือบสายตามองเห็นนางร่างกายสั่นเทิ้มก็รีบประคองนางไว้อย่างรีบร้อน
“ข้าพยายามทำตามความคิดท่านแล้ว แต่ว่า ข้า…”
หนิงอวี้ขบริมฝีปาก ตั้งใจจะเอ่ยคำแต่ก็หยุด ทำตามความคิดบิดา เขาหวังให้นางใช้ชีวิตที่เหลือกับเว่ยหยวนอย่างสงบสุข อย่าได้คิดถึงเรื่องราวโสมมทั้งหลายให้มากนัก
ท่านสิ้นใจไปพบกับมารดยังปรโลก จะเอาเรื่องทางโลกไปรบกวนท่านได้อย่างไร หนิงอวี้คิดถึงจุดนี้ก็ยกมุมปากขึ้นฝืนยิ้ม
ลองคิดอีกครั้ง สุขทุกข์ทั้งหลายของนางไม่อาจบอกใครไม่มีใครคอยอยู่ข้างหลัง บนโลกนี้ผู้ที่เกี่ยวพันทางสายเลือดคนเดียวของนางได้ตายไปแล้ว
รอยยิ้มที่เรือนรางอย่างยิ่งบนใบหน้าหนิงอวี้พลันเหือดไป เบ้าแดงก่ำ นางรู้สึกตัวว่ามีใบหน้าเศร้าโศก วินาทีถัดมาก็พยายามยกมุมปากขึ้นยิ้ม แต่ดวงตากลับเอ่อรื้นไปด้วยน้ำตา
เว่ยหยวนยื่นมือไปปาดน้ำตาที่ไหลจากหางตานางแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “อยากร้องไห้ก็ร้องเถิด”
หนิงอวี้ส่ายหน้า บนใบหน้ายังคงประดับยิ้มทื่อๆเอาไว้ แต่เว่ยหยวนกลับคว้านางเข้ามาในอ้อมกอด
อ้อมกอดอันอบอุ่น กลิ่นหอมอันคุ้นเคย ชั่วพริบตาเดียว น้ำตาก็พร่างพราวราวสายฝน หงหลิงที่อยู่ด้านข้างเห็นเข้าก็อดไม่ได้ที่จะสะอื้นไห้ ในใจนายหญิงคงเสียใจอยู่ไม่น้อย
พักหนึ่ง หนิงอวี้ห้ามน้ำตาไว้แล้วผลักเว่ยหยวนออกด้วยหน้าแดงระเรื่อ เว่ยหยวนพลิกมือกลับพลางกุมมือนางเอาไว้แน่นแล้วพูดขึ้นเสียงทุ้ม “ท่านพ่อตา ท่านแม่ยาย ชีวิตที่เหลือจากนี้ไป ข้าจะจูงมือนางเดินไปด้วยกัน อย่าได้เป็นห่วงเลย”
“มอบหนิงอวี้ให้ข้า ข้าจะไม่ให้นางต้องลำบาก ไม่ให้นางต้องเหน็ดเหนื่อย ไม่ต้องเสียน้ำตาโดยไม่จำเป็นแม้แต่น้อย”
“ข้าจะคอยดูแลนางให้ดี สุดความสามารถที่มีของข้า”
เว่ยหยวนเหลียวกลับ กุมมือนางแน่นแล้วก้มหน้าลงจุมพิตหนึ่งที
หนิงอวี้ยกมุมปากยิ้มบางแล้วกุมมือเขากลับ สิบนิ้วสอดประสาน หนิงอวี้หน้าแดงถึงใบหูแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ดี อยู่เคียงกันไม่แยกจาก ตราบจนแก่เฒ่า”
มือที่กุมแน่นถูกชูขึ้น หนิงอวี้น้ำตาคลอเบ้า ท่านพ่อท่านวางใจเถอะ ลูกสาวผู้นี้มีความสุขแน่นอน หลังจากครั้งนี้ไป ไม่จำเป็นต้องกังวลด้วยเรื่องของข้า ท่านกังวลเพราะข้ามาชั่วชีวิตแล้ว…
หงหลิงที่อยู่ด้านข้างน้ำตาคลอเบ้า พอรู้สึกถึงเสียงสะอื้นของตนก็ก้าวถอยสองสามก้าว ถึงแม้ท่านขุนพลจะจากโลกไปแล้ว แม้นายน้อยขุนพลหนิงหายสาบสูญ แม้นายหญิงไม่เหลือญาติพี่น้องต้องโดดเดี่ยวลำพัง แต่ยังดีที่นางยังได้รับการเอาใจใส่อย่างจริงใจจากฮ่องเต้
หงหลิงยกมือขึ้นล้วงผ้าเช็ดหน้าออกจากแขนเสื้อ เช็ดสองสามทีก็ทิ้งผ้าเช็ดหน้านั้นไป นางยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาแทน มั่วหลีอยู่ไม่ไกลจากที่นั่นเห็นนางร้องไห้ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วส่ายหน้าแล้วรีบเดินเข้าไป
ตอนที่ 328 พระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮา
สีเหลืองทองตัดสลับกับสีแดงชาดถูกตกแต่งไปทั้งท้องพระโรง หนิงอวี้สวมมงกุฎหยกประดับระย้ามุก ยิ้มอย่างพอประมาณ
ขุนนางนับร้อยคุกเข่าลงกับพื้น โหรหลวงเปิดหนังสือสีเหลืองทองออก อ้าปากกล่าวคำพูดที่ฟังดูยิ่งใหญ่เป็นทางการ หนิงอวี้หรี่ตาครึ่งหนึ่ง เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังเสียกิริยาก็พยายามปั้นหน้ายิ้มทำตัวกระปรี้กระเปร่า
ยิ้มไม่เผยให้เห็นฟันท่าทีดูสง่าผ่าเผย แม้รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย เท้ายังเดินต่อไปไม่หยุด แต่จังหวะก้าวนั้นกลับดูวุ่นวายอยู่บ้าง หงหลิงสังเกตเห็นท่าทีผิดปกติของนางก็รีบเดินเข้าไปประคอง
หนิงอวี้กุมมือนางแน่นแล้วพยักหน้าเบาๆ เว่ยหยวนลุกขึ้นยืนอยู่บนพรมแดง มองออกมาไกลๆ ยังนาง แววตาแฝงด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน
บนศีรษะประดับมงกุฎประดับไข่มุกสว่าง คงหนักราวกับสิบชั่งกว่าได้ หนิงอวี้เดินไปด้วยใบหน้าประดับยิ้ม ในใจก็แอบคิดไปเรื่อยเปื่อย
เสื้อผ้าบนกายนอกสามชั้นในสามชั้น แม้จะรักษาความอบอุ่นไล่ความหนาวได้ แต่มันกลับทำให้นางเดินเหินไม่สะดวก หลายต่อหลายครั้งที่ย่ำโดนชายกระโปรงเข้า
หมัวมัวที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า สุดท้ายก็หันหน้าออกไม่ยอมมอง ก่อนพระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮา ฮองเฮาจำเป็นต้องรับการอบรมธรรมเนียมมารยาทอย่างครบถ้วน
เฮ้อ จนปัญญาด้วยฮองเฮากำลังทรงครรภ์ ทั้งฮ่องเต้ยังทรงรับสั่งว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจธรรมเรียมหยุมหยิมมากนัก เช่นนั้น ชั่วโมงอบรมมารยาทที่ว่าก็เพียงแค่การมานั่งสัปหงกหลับเท่านั้น
เว่ยหยวนสังเกตเห็นชายกระโปรงเคลื่อนไหวเบาๆ หนิงอวี้มุ่นหัวคิ้วน้อยๆ เป็นพักๆ ก็รู้ว่าตอนนี้ในใจนางกำลังตื่นเต้นกังวล
หนิงอวี้จับสัมผัสสายตาเขาที่จดจ้องได้ก็ยกมุมปากขึ้นยิ้มบางอย่างสุดวิสัย ดูเหมือนเรื่องนี้นางทำพลาดเข้าเสียแล้ว แต่สองสามวันมานี้นางอดไม่ได้ที่จะสัปหงกจริงๆ
รู้สึกผิดอยู่นาน เว่ยหยวนยกเท้าขึ้นเดินเข้ามา รองเท้าสีเหลืองทองเหยียบเดินย่ำไปบนพรมสีแดงชาด ลายมังกรปักดิ้นทองบนชายเสื้อดูราวกับกำลังมีชีวิตจริงๆ
“ฝ่าบาท มิได้นะพ่ะ…นี่ไม่ถูกต้องตามธรรมเนียมนะพ่ะย่ะค่ะ”
โหรหลวงขมวดคิ้ว คิ้วยาวจรดกันในตอนแรกกำลังขมวดเข้าด้วยกันแน่น
หัวหน้าขันทีสะบัดแส้ในมือแล้วพูดเตือนเสียงเบา “ฮ่องเต้ทรงเป็นมังกรโอรสสวรรค์ จะทำสิ่งใดนั้นสวรรค์ล้วนเห็นชอบ”
โหรหลวงอ้าปากหมายจะพูดทัดทาน กลับถูกหัวหน้าขันทีถลึงตาใส่ พลันนึกขึ้นได้ว่าสำนักเต๋าของตนกำลังบูรณะครั้งใหญ่อยู่ จึงหุบปากลงเงียบๆ
ท่ามกลางความเงียบ เว่ยหยวนเดินผ่านพรมแดง ประคองมือนางขึ้นมาอย่างระวังแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เราจะประคองเจ้าไว้ ระวังด้วย”
หนิงอวี้ก้มหน้า ดวงตาทั้งคู่ชื้นขึ้นเล็กน้อย แม้ว่ารอบข้างจะเงียบสงบแต่นางไม่จำเป็นต้องมองก็รู้ว่าสายตาผู้คนนั้นเป็นอย่างไร โหรหลวงบอกว่านี่ผิดธรรมเนียม แต่เว่ยหยวน เพื่อนางแล้วไม่ได้สนใจกฎเกณฑ์ใดๆ
เขาเด็ดดอกบ๊วยกลางลมหนาวให้นาง ยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อนาง ยอมทิ้งแผ่นดินเพื่อนาง เขายืนอยู่อีกข้าง ไม่ได้ใส่ใจสายตาของผู้คน ไม่ใส่ใจคำพูดครหานินทา เขาเพียงแค่เดินเข้ามาหานางเงียบๆ
น้ำตาพรั่งพรู เว่ยหยวนยื่นมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้นางอย่างอ่อนโยน หนิงอวี้สูดจมูกแล้วยกมุมปากขึ้นยิ้ม
เดินผ่านพรมแดง หนิงอวี้ก้มหน้าลงมองสองมือที่กุมกันแน่นก็อดยิ้มไม่ได้ ชาติก่อนนั้น นางมองคนผิดไป ได้แต่อดทนกับความเจ็บปวดที่เสียดแทง สุดท้ายต้องตายด้วยสุราพิษ มาชาตินี้ ในที่สุดนางก็ได้พบคนที่จะอยู่เคียงข้างจนแก่เฒ่าไปด้วยกันเสียที
ภายในอดีตต่างปรากฏขึ้นในความคิด แสงไฟส่องสว่างในถ้ำ โคมไฟอันประณีตกลางสระบัว ขนมถังหูหลู่ในงานโคมไฟที่อำเภอฉางอัน
คำพูดเยินยอเดิมที่แว่วอยู่ข้างหู ก็เพียงเข้าหูซ้ายออกหูขวา ในสายตานางนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว ทั้งหมดก็คือเขา หนิงอวี้กุมนิ้วมืออันเรียวยาวของเขาแล้วพูดขึ้นเสียงเบาว่า “ขอบพระทัยเพคะ”
ขอบคุณที่ได้พบเจอ ขอบคุณที่ได้รู้จัก ขอบคุณที่รักกัน นางเคยเป็นดั่งเต่า ได้พบความรักก็เอาแต่หดหัวไม่กล้าเดินหน้าต่อ นางเคยคิดว่า ชาตินี้คงต้องอยู่เพียงลำพัง ไม่ก็เมามายอยู่ชายแดน ไม่ก็ออกบวชแสวงทางธรรม พอได้เจอกับเขาจึงได้พบว่าไฟจากเตาผิงนั้นอบอุ่นมากเพียงใด