ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 333 คลอดแล้ว / ตอนที่ 334 รักษาแม่หรือรักษาเด็ก
ตอนที่ 333 คลอดแล้ว
เมื่อห่อของจัดเก็บเรียบร้อย หนิงอวี้กลับนั่งอยู่บนแคร่สนมมองออกไปไกลๆ เพียงลำพัง อย่างน้อยตอนนี้ ยังไม่มีสนมเข้าวัง ภายใต้ความกดดันหลายอย่าง เว่ยหยวนยังคงไม่เอ่ยปากถึงการคัดเลือก ในเมื่อเช่นนี้แล้ว ในใจเขา นางย่อมมีความสำคัญอย่างแน่นอน
ผ้าแพรบางถูกเลิกขึ้น สายลมอบอุ่นพัดเข้ากลางห้องแต่พัดเอาไอเย็นจากน้ำแข็งลอยเข้ามา หนิงอวี้ลูบท้องน้อยที่โป่งนูนของตน พลางก้มหน้าครุ่นคิด
ประการแรก นางใกล้ถึงกำหนดคลอดแล้ว ไม่ควรเดินทางไกล ประการที่สอง นางไปไม่อยากไปจากเว่ยหยวน…อย่างน้อย ความจริงอันนองเลือดเช่นนั้นก็ยังไม่ได้ปรากฏต่อหน้า
นกเหยี่ยวที่บินวนเหนือทุ่งหญ้าในตอนแรกกลับบินถลาลงกลางรังงู นางกินมันเป็นอาหารแต่กลับถูกพันรัดขาทั้งคู่เอาไว้แน่น พยายามที่จะตะเกียกตะกาย สุดท้ายกลับยอมอยู่ข้างกายมันแต่โดยดี ต่อให้ต้องกลายเป็นอาหารงูดำนั้นก็ตาม
ในจังหวะนั้นเอง เจ้าดำก็เลื้อยไปบนอิฐปูพื้นสีเทาเลื้อยผ่านพรมเปอร์เซีย เกล็ดอันละเอียดเสียดสีไปบนขนกำมะหยี่เกิดเสียงดังชวนขนลุก
บนมือสัมผัสได้ถึงความยะเยือก เจ้าดำเลื้อยวนไปบนแขน ชูลำตัวครึ่งบนจ้องไปยังหนิงอวี้ ดวงตาเล็กเรียวสีเหลืองทองดูเยือกเย็นไร้ซึ่งอารมณ์ หนิงอวี้มองประสานตากับมันสีหน้านิ่งเฉย ครั้นแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งที
เจ้าดำคายลิ้นสองแฉกสีแดงสดออกมาแล้วเลียไปบนหน้าของนางอย่างสนิทสนม ครั้นแล้วก็พันขดเป็นก้อนนอนหลับอย่างว่าง่าย
หนิงอวี้ยกมุมปากยิ้มน้อยๆ ที่จริงแล้ว เจ้าดำไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น มันพร้อมที่จะหุบซ่อนเขี้ยวโค้งของมันเพื่อนาง คอยตามอยู่ข้างกายนางด้วยความสนิทสนมและดื้อดึง
——
“เร็วเข้า รีบไปตามหมอตำแยมา!” หงหลิงใบหน้าแดงก่ำด้วยความร้อนใจ นางตะโกนร้องเสียงดัง “รีบไปตามหมอหลวงมา ฮองเอาจะให้ประสูติแล้ว!”
“เจ้าค่ะ”
หงหลิงมองไปยังหนิงอวี้ที่กำลังใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดก็ร้อนใจจนกระทืบเท้า คว้าตัวบ่าวหญิงนางหนึ่งแล้วพูด “ไปเชิญเสด็จฮ่องเต้มาดูแลด้วย”
หนิงอวี้เหงื่อผุดพรายบนหน้าผาก นางปวดจนแทบสิ้นสติ แต่ยังคงได้ยินเสียงพูดคุยอย่างชัดเจน เสียงเคาะระฆังดังแว่วมา น่าจะรุ่งเช้าแล้ว
“ไม่…ต้องเชิญเสด็จพระองค์”
หนิงอวี้ขบริมฝีปากเค้นคำพูดออกมาประโยคหนึ่ง ครั้นแล้วก็หมดสติไป หงหลิงเห็นนางอ่อนยวบลงกับเตียงก็รีบเดินเข้าไป ร้อนใจจนน้ำตาพรั่งพรูราวกับน้ำพุ
“ฮองเฮาเพคะ! รีบไปเชิญหมอหลวงมา มัวแต่ตะลึงอะไรกันอยู่!”
“น้ำร้อน กรรไกร ผ้า รีบไปเอามาสิ!”
หงหลิงร้อนรนใจจนหัวหมุน คอยสั่งสาวใช้วิ่งเข้าออกตำหนัก หมอหลวงพาเย่าถงรีบวิ่งเข้ามา เครายาวสีขาวสองแฉกขยับไปมา
“ฮูหยินมั่ว จะให้เชิญเสด็จฮ่องเต้หรือไม่เจ้าคะ”
หงหลิงนิ่งอึ้ง ครั้นแล้วก็กดเสียงต่ำพูดขึ้นว่า “ส่งคนไปเฝ้าอยู่ข้างตำหนักจินหลวน หากฮ่องเต้ทรงเลิกประชุมแล้วให้เชิญเสด็จมาทันที”
ทันทีที่สิ้นคำ หนิงอวี้ก็ร้องขึ้นหนึ่งครั้งด้วยความเจ็บปวด ชายกระโปรงสาดย้อมจนแดงด้วยเลือด หงหลิงก้าวเข้าไปสองสามก้าว ยื่นมือไปกุมมือนางไว้แน่นแล้วตะโกนขึ้นเสียงดัง “นายหญิง พระองค์อย่าได้กลัว ฝ่าบาทเลิกประชุมแล้วจะรีบเสด็จมาแน่ บ่าวจะคอยอยู่ข้างพระองค์ตลอดเลยเพคะ”
หนิงอวี้สะดุ้งตื่นด้วยความเจ็บ พยายามประคองสติกลับมาก็เห็นหงหลิงร่ำไห้จนสองตาแดงก่ำ ภาพใบหน้าหงหลิงเริ่มพร่ามัว หนิงอวี้ฝืนยกมุมปากยิ้ม เหงื่อที่ผุดบนหน้าผากไหลลงมา
“ข้ารู้”
เสียงอื้ออึงข้างหู สตินางค่อยๆ เลือนรางไป เจ็บ เจ็บยิ่งกว่าบาดแผลทั้งหมดที่เคยโดนมาทั้งหมดรวมกันเสียอีก คงจะมีเพียงความเจ็บปวดถึงขั้วหัวใจเมื่อชาติก่อน ตอนที่ยาพิษไหลผ่านลำคอไปนั้นถึงจะเทียบกันได้
ที่แท้ ตอนที่มารดาให้กำเนิดนางนั้น เจ็บปวดเช่นนี้นี่เอง หนิงอวี้คิดด้วยสติอันเลอะเลือน เหลียวไปมองก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างเตียง หงหลิง จิ้นอิน แพทย์หลวง คนที่เหลือไม่รู้จัก
หนิงอวี้พลิกตัว เว่ยหยวนอยู่ไหน อ๋อ เขากำลังว่าราชการ หนิงอวี้คิดไปพลางน้ำตาไหลออกมาอย่างมิอาจทนได้ ที่จริงแล้วนางกลัวมาก กลัวเจ็บกลัวตาย กลัวที่จะต้องเผชิญทั้งหมดนี้เพียงลำพังคนเดียว
“ท่านหมอหลวง ฮองเฮาเป็นเช่นไรบ้าง”
“เอ่อ รีบไปต้มน้ำโสมมา”
ตอนที่ 334 รักษาแม่หรือรักษาเด็ก
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงปะทุขึ้นเป็นระยะโหมมาระลอกแล้วระลอกเล่า หนิงอวี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหงื่อไหลราวกับสายฝน นางยื่นมือไปทึ้งผ้าห่มนวมปักลายโบตั๋นพญาหงส์คู่ สติใกล้จะเลือนลางเต็มที
“ฮองเฮา ออกแรงอีกหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”
“จะคลอดแล้ว! นายหญิงเพคะ!”
มือหนิงอวี้ขยำผ้าขี้ริ้วจนเป็นก้อน เล็บสีแดงสดถูกเสียดสีจนลอกเป็นลายพร้อย
น้ำโสมคำหนึ่งถูกป้อนลงในปาก หนิงอวี้ยืดคอขึ้นพยายามกลืนลงไปอย่างลำบาก หงหลิงเห็นนางริมฝีปากซีดเผือดเต็มไปด้วยรอยฟันขบก็อดไม่ได้ที่จะปวดร้าวใจ นางรีบหยิบผ้าชุบน้ำร้อนขึ้นมาอุดลงกลางปากนาง
“นายหญิง ทนอีกนิดนะเพคะ” หงหลิงนั่งข้างกายนาง เอาผ้าชุบน้ำร้อนซับเหงื่อบนหน้าผากนาง “ใกล้จะเสร็จแล้ว ข้าน้อยรู้ว่าพระองค์กลัวเจ็บ”
ทันทีที่สิ้นเสียง น้ำตาที่กลั้นไว้อยู่นานก็พรั่งพรูออกมา หนิงอวี้สีหน้าซีดขาว มองไปยังหงหลิงพลางพยักหน้า ครั้นแล้วก็ยื่นมือไปดึงผ้าห่มแพรแน่น
“ฝ่าบาท! พระองค์จะเสด็จเข้าไปไม่ได้นะพ่ะย่ะคะ นี่ไม่ต้องตามธรรมเนียมนะพ่ะย่ะค่ะ!”
เสียงหัวหน้าขันทีแว่วมาจากนอกประตู หงหลิงหันไปพยักหน้ากับหนิงอวี้ ครั้นแล้วก็รีบเดินออกห้องไป
“ถอยไป”
เว่ยหยวนกวาดสายตามองผู้คนที่คุกเข่ากับพื้นสีหน้าเรียบเฉยแล้วยกเท้าก้าวเดินไป หัวหน้าขันทีโผเข้าไปกอดเท้าเขาไว้ แล้วตะโกนเสียงดัง “ฝ่าบาท เช่นนี้ผิดธรรมเนียมนะพ่ะย่ะค่ะ แต่โบราณมาไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้ พระองค์ทรงทำเช่นนี้…จะเป็นการละเมิด…”
คำพูดหยุดขึ้นลงกลางครัน หัวหน้าขันทีรีบก้มหน้าลงยกมือขึ้นตบหน้าตัวเอง “ข้าน้อยสมควรตาย ข้าน้อยสมควรตาย”
เว่ยหยวนยกเท้าขึ้นถีบเขาจนคว่ำกับพื้นแล้วยื่นมือไปหมายจะเปิดประตู วินาทีนั้น ประตูห้องก็เปิดขึ้นเอง หงหลิงคุกเข่าลงกับพื้น
“ถวายบังคมฝ่าบาท เพลานี้ฮองเฮากำลังให้ประสูติพระราชโอรสในห้องเพคะ”
เว่ยหยวนพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเยือกเย็น แต่มือทั้งคู่กลับกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน เว่ยหยวนยกเท้าขึ้นตั้งใจจะก้าวข้ามธรณีประตู หงหลิงกลับพูดขึ้นโดยฉับพลัน “ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดนะเพคะ”
เหล่าสาวใช้ที่ถือผ้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดสดทยอยเดินออกมา สาวใช้ต่างใช้มือประคองอ่างน้ำร้อนเดินตามกันเข้าไป เว่ยหยวนกวาดสายมองฝูงคนที่กำลังโกลาหลกันปราดหนึ่งแล้วก้าวข้ามธรณีประตูไปโดยไม่แยแส
อวี้เอ๋อร์กำลังทนทรมานอยู่ด้านใน แล้วเขาจะมัวยั้งฝีเท้าเพราะเรื่องไร้สาระเหล่านี้ได้อย่างไร เขาเคยบอก ว่าชีวิตนี้จะไม่ทำให้นางต้องร้องไห้ ไม่ให้นางต้องเจ็บปวด ไม่ให้นางต้องลำบาก
แต่ว่าตอนนี้นางอยู่ด้านใน กำลังทนกับความเจ็บปวดอยู่เพียงลำพัง นางกำลังทรมาน กำลังทนทุกข์ จนห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่เป็นแน่ ต่อให้มีทหารนับพันหมื่นขวางกั้น เขาก็จะฝ่าไปอย่างสุขุมนิ่ง นับประสาอะไรกับประตูที่ขวางกั้นเพียงบานเดียวและธรรมเนียมปฏิบัติเพียงเล็กน้อยนี้
ฉลองพระบาทสีเหลืองทองย่ำลงบนแผ่นหินปูพื้นสีเทาอมน้ำเงิน ฝีเท้าเร่งรีบ ทั้งๆที่ห่างเพียงไม่ถึงสิบก้าว แต่เขากลับรู้สึกว่ามันช่างยาวนานยิ่งนัก
คนกลุ่มหนึ่งรายล้อมอยู่หน้าเตียง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งตลบไปทั่วห้อง เว่ยหยวนเดินผ่านคราบเลือดบนพื้นไปโดยไม่ใส่ใจ ปล่อยให้ฉลองพระองค์มังกรสีเหลืองทองอันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจเลอะด้วยคราบเลือด
“อวี้เอ๋อร์ ขอโทษที่ข้ามาช้า”
หนิงอวี้สองมือกุมผ้าห่มไหมแน่น ดึงทึ้งจนขาดเป็นรูโหว่ขึ้นมาหนึ่งรู ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขึ้นมาอย่างน่าเวทนา น้ำตาเอ่อรื้นหางตา เหงื่อไหลรินออกจากหน้าผาก
“ฝ่าบาท”
“ไม่ต้องคารวะ ฮองเฮาเป็นเช่นไรบ้าง”
“ทูลฝ่าบาท คาดว่าฮองเฮา…”
“อันตรายถึงชีวิตหรือไม่”
หมอหลวงคุกเข่าลงกับพื้น มือทั้งคู่ที่เลอะไปด้วยเลือดสั่นเทาไม่หยุด
“อาจเป็นไปได้…ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ ว่าจะรักษาแม่หรือเด็กไว้”
หนิงอวี้ได้ยินก็อึ้งไปชั่วครู่ มือนางค่อยๆ คลายออก แล้วยกมือขึ้นอย่างลำบากดึงชายเสื้อเว่ยหยวนเอาไว้แน่น
“รักษาแม่”
เว่ยหยวนกุมมือนาง ทันใดนั้นก็พบว่านิ้วมือนางเย็นเฉียบอย่างมาก เขานั่งอยู่ขอบเตียงก้มหน้าจุมพิตลงบนมือนางหนึ่งที
หนิงอวี้ส่ายหน้า ไม่ได้นะ เด็กคนนี้ เขาคือคนที่ทำให้นางมีความหวังท่ามกลางความลำบาก