ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 341 คลื่นใต้น้ำ / ตอนที่ 342 ปู่หลานผูกพันแน่นแฟ้น
ตอนที่ 341 คลื่นใต้น้ำ
เจ็ดวันหลังนำกองทัพแห่งชัยชนะกลับมา เหล่าดอกไม้ต่างบานรับฤดูใบไม้ผลิที่งดงามอย่างน่าหลงใหล กลิ่นหอมดอกไม้โชยมาเป็นระลอกจนทำให้หนิงอวี้รู้สึกเคลิบเคลิ้มไม่น้อย เพราะด้วยการได้เข่นฆ่ากลางสนามรบ ความกลัดกลุ้มในใจดูเหมือนจะเบาลงไปบ้าง
คงเพราะความง่วงในฤดูใบไม้ผลิ นางจึงอดไม่ได้ที่จะเคลิ้มหลับ หนิงอวี้ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคาง มืออีกข้างถือก้านไม้ คนน้ำในอ่างกระเบื้องไปมาอย่างเลื่อนลอยเป็นพักๆ
ปลาหลีฮื้อสองสามตัวถูกก้านไม้กวนจนต้องว่ายหนี ต่างพากันว่ายวุ่นวายไปมาอยู่กลางอ่างกระเบื้อง หนิงอวี้หรี่ตา ก้านไม้ในมือหยุดลง วินาทีถัดมาก็ร่วงลงสู่กลางน้ำ
มือข้างหนึ่งที่หนิงอวี้ใช้เท้าคางผล็อยหลับไปครู่หนึ่ง ชั่วขณะหนึ่งเกิดมืออ่อนศีรษะตกลงจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา หนิงอวี้ขมวดคิ้วส่ายหน้า ยื่นมือออกไปค้ำโต๊ะไม้ตั้งใจจะลุกขึ้นก็พบว่าทั้งกายนั้นอ่อนแรง
“ฮองเฮาเพคะ น้ำแกงโอสถของวันนี้เพคะ”
จิ้นอินประคองน้ำแกงสีดำเดินเข้ามา หนิงอวี้ขบริมฝีปากขัดขืน เมื่อนึกถึงคำที่แพทย์หลวงกำชับไว้ขึ้นมา จึงได้ยื่นมือไปยกถ้วยยามาอย่างไม่ยินดี
มือหนึ่งบีบจมูก อีกมือยกถ้วยยาขึ้น เมื่อเห็นก้นถ้วย นางจึงวางถ้วยลงด้วยใบหน้าเหยเก
หมอหลวงบอกว่า ตอนที่นางให้กำเนิดอันเอ๋อร์พลังชีวิตได้รับการกระทบอย่างหนัก ไม่ดีต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง จากนี้ไปต้องค่อยๆ ดูแลบำรุงจึงจะฟื้นฟูได้ดังเดิม
พุทราหวานยื่นมาจรดริมฝีปาก หนิงอวี้อ้าปากงับพุทราหวานเอาไว้ คิ้วที่ขมวดแน่นจึงค่อยๆ คลายออก
“ฮองเฮาเพคะ ตอนนี้เวลายังเช้าอยู่พักต่ออีกสักหน่อยไม่ดีกว่าหรือเพคะ”
“…ข้านอนกลางวันมานานแค่ไหนแล้ว”
“สองชั่วยามครึ่งเพคะ”
หนิงอวี้ขมวดคิ้วลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินออกประตูตำหนักไป จิ้นอินสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย จึงรีบเดินตามนางแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “ฮองเฮา พระองค์เพิ่งเสวยโอสถ พักผ่อนอีกสักหน่อยไม่ดีหรือเพคะ”
หนิงอวี้ส่ายหน้า ไม่รู้ด้วยเหตุใดนางจึงรู้สึกอ่อนแรงเมื่อยล้าทั้งตัวอยู่ตลอดเวลา คงเพราะความง่วงในฤดูใบไม้ผลิ ไม่ก็อาจเพราะเป็นเวลาเจ็ดวันแล้วที่นางไม่ได้ฝึกวิทยายุทธ์
หนิงอวี้ชักกระบี่ยาวข้างกายออกมา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ากระบี่หนักอยู่เล็กน้อย นางถือด้ามกระบี่วิเคราะห์อยู่นาน ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
ความกังวลใจซึ่งไม่รู้ที่มา หนิงอวี้พยายามรวบรวมกำลังตวัดกระบี่ฟันลงบนพื้น ฝุ่นดินลอยขึ้นฟุ้ง ใบไม้ใบหนึ่งร่วงหล่น ตกลงโดนปลายกระบี่พอดีจนขาดเป็นสองเสี่ยง หนิงอวี้ตวัดกระบี่ ฟันใบไม้ขาดเป็นเสี่ยงๆ ความกลัดกลุ้มในใจจึงคลายลงบ้าง
ท่าถัดมาเพลงกระบี่ ‘เป็ดป่าอัสดงเดียวดาย’ หนิงอวี้จิกเท้าลงพื้นดินยื่นมือปล่อยแทงกระบี่ยาวออกไปออกท่าทาง วินาทีถัดมาเกิดเสียงดังขึ้นกังวาน กระบี่ยาวร่วงสู่พื้น
หนิงอวี้ยื่นมือไปกุมข้อมือขวาไว้แน่น จ้องไปยังกระบี่ยาวบนพื้นอยู่นาน แต่กลับไม่เห็นสิ่งใด หากไม่ใช่ปัญหาที่กระบี่ เช่นนั้น…คงเป็นปัญหาที่ตัวนาง
ทั้งๆ ที่กลางสมรภูมิจูซางยังสามารถเข่นฆ่าศัตรูได้อย่างห้าวหาญ เหตุใดกลับมายังวังจึงเป็นเช่นนี้ได้ หนิงอวี้ทิ้งความคิดที่จะฝึกกระบี่เสียแล้วย่อเข่าลงนั่งข้างกระบี่ยาวใคร่ครวญอย่างละเอียด
มีอะไรที่ผิดไปจากเดิมกันนะ ต่อให้บาดเจ็บทั้งกายนางก็ไม่เคยอ่อนแรงจนใช้งานไม่ได้เช่นนี้มาก่อน ครั้นจับสังเกตสายตาคู่หนึ่งได้ หนิงอวี้ชำเลืองขึ้นมองโดยพลันก็พบเข้ากับใบหน้าอันนิ่งสงบของจิ้นอินพอดี
เวลานั้นเองความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา ต้องเป็นแผนร้ายแน่นอน! บางทีแผนร้ายที่ว่าอาจซ่อนอยู่ในยาน้ำถ้วยนั้น หลังจากกลับมานางก็ดื่มน้ำแกงยามาโดยตลอด เป็นเพราะหมอกำชับสั่งนางจึงไม่กล้าที่จะปฏิเสธ
หากน้ำแกงยานั้นมีปัญหาจริง แล้วตัวการเบื้องหลังคือใคร เป้าหมายเพื่อสิ่งใด ความคิดนับร้อยพันผุดขึ้นมาพร้อมเพรียงกัน หนิงอวี้ขบฟัน นางโกรธจัดถึงขีดสุด
ไม่ว่าจะเป็นใคร หากคิดจะทำลายความภาคภูมิเพียงหนึ่งเดียวของนาง มันไปต้องชดใช้ ที่พึ่งหนึ่งเดียวของนางมีเพียงวิทยายุทธ์ที่นางใช้ป้องกันตัวเท่านั้น
แม้กระทั่ง เมื่อถึงเวลาที่นางต้องจากไป วิทยายุทธ์นี้ก็ช่วยให้นางไม่ถึงกับอยู่ในสภาพที่อนาถนัก หนิงอวี้ปล่อยมือลง นางตัดสินภายในใจอยู่เงียบๆ
นางชำเลืองขึ้น มุมปากยกยิ้มบาง
“ไปบอกหงหลิง ข้าไม่พบนางมาสามวันแล้ว อยากระลึกความหลังกับนาง”
จิ้นสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ นางทำเพียงยอบกายคารวะแล้วถอยออกไป
“เพคะ”
ตอนที่ 342 ปู่หลานผูกพันแน่นแฟ้น
ในกรงสีเงินอันประณีตมีนกขมิ้นสองตั้วกำลังส่งเสียงร้องกังวานไพเราะอย่างเบิกบาน หนิงอวี้เอนกายครึ่งตัวบนแคร่สนม พลิกอ่านคัมภีร์กระบี่ในมือ เจ้าดำพันอยู่รอบเอวนาง ห้อยหัวลงมาแล้วหลับไป
“คารวะฮูหยินมั่ว ฮองเฮากำลังบรรทมกลางวันเพคะ”
เสียงแว่วมาจากประตู หนิงอวี้ชำเลืองขึ้นมองก็เห็นหงหลิงเดินเข้ามาในห้อง
หงหลิงสีหน้าเคร่งเครียดแต่ก็ยังพยายามฝืนยิ้ม
“ถวายบังคมฮองเฮา”
หนิงอวี้เหลือบสายตามองจิ้นอินหนึ่งทีแล้วพูดขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าอยากกินตุ๋นเห็ดหูหนูขาว”
“เพคะ”
จิ้นอินคุกเข่ากับพื้น ครั้นแล้วก็ลุกขึ้นยอบกายคำนับเดินจากไป ประตูไม้สีแดงชาดค่อยๆ ถูกปิด หนิงอวี้รีบลุกขึ้นมาจากแคร่สนมทันที นางรีบเดินไปด้านหน้าหงหลิงแล้วกุมมือนางเอาไว้
เจ้าดำสะดุ้งตื่นขึ้นทันใด มันพันรัดไปรอบเอวนางอยู่สองสามรอบ ครั้นแล้วก็เลื้อยลงไปตามชายกระโปรง เลื้อยคดไปยังบนพื้น
“ฮองเฮา พระองค์…พระองค์ฟังข้าน้อยนะเพคะ” หงหลิงหันซ้ายแลขวาทีหนึ่ง สีหน้านางเคร่งเครียด “หากเศษยาที่พระองค์ให้ข้าน้อยนั้นไม่ผิด มันคือยาสลายกำลังภายในเพคะ”
“เจ้าพูดมาให้ละเอียด” หงหลิงพยักหน้าแล้วรายงานคำพูดที่ตั้งใจท่องจำมาให้กับหนิงอวี้จนครบจบหนึ่ง ครั้นแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหนึ่งที
แสงแดดฤดูใบไม้ผลิส่องสว่าง บนตัวนางสวมเสื้อคลุมผ้าไหมบาง หนิงอวี้ยืนอยู่กับที่ จิตใจห่อเ**่ยว เป็นไปตามคาด แต่เมื่อมาได้ยินเข้าจริงๆ นางก็อดไม่ได้ที่รู้สึกสะดุ้งหวาดกลัว
ใครกันที่คิดจะสลายกำลังภายในของนาง คือใครกันที่จะสามารถพอที่จะลงมือผ่านยาของหมอหลวงได้ หนิงอวี้ก้มหน้าลังเลครู่หนึ่ง อีกฝ่ายมีเป้าหมายอะไรกัน
จะตื่นตระหนกไม่ได้ นี่ต้องเป็นแผนการร้ายของคนอื่นแน่ หนิงอวี้ถอยหลังสองสามก้าว จวนเจียนจะเซล้ม หงหลิงเห็นเข้าก็รีบวิ่งเข้าไปประคองนางไว้โดยเร็ว
“ฮองเฮาเพคะ เรื่องนี้ต้องกราบทูลฮ่องเต้นะเพคะ ทูลขอให้สืบให้รู้แจ้ง!”
หงหลิงตั้งท่ากำลังจะออกไป แต่นางกลับถูกหนิงอวี้รั้งเอาไว้
“ไม่ต้อง พระองค์กำลังวุ่นกับราชกิจ”
วินาทีที่ได้สติกลับคืน ความคิดหนึ่งที่ดูเหลวไหลแต่กลับมีเหตุผลก็ผุดขึ้นมาในหัวทันใด หนิงอวี้ส่ายหน้าสลัดความคิดนี้ออก เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เว่ยหยวน ไม่มีทางทำเรื่องนี้เป็นอันขาด
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็แว่วเข้ามา หนิงอวี้ผินกายกลับ ก็เห็นกรงนกหลังหนึ่งที่แขวนอยู่โยกไปมาอย่างรุนแรง เจ้าดำแอบรอดช่องว่างเลื้อยเข้าไป งับนกขมิ้นนั้นไปเต็มปาก
นกขมิ้นส่งเสียงร้องหนึ่งที ครั้นแล้วเลือดสดก็สาดกระเซ็น ขนนกที่เลอะไปด้วยคราบเลือดร่วงสู่พื้น หนิงอวี้ยืนมุ่นหัวคิ้วอยู่กับที่
——
“จะพูดหรือไม่พูด” หนิงอวี้ย่อเข่าลงนั่ง นางมองหมอหลวงที่เผ้าผมกระเซอะกระเซิงแล้วยกมุมปากยิ้ม “บอกข้า ใครสั่งให้เจ้าลงมือ”
หมอหลวงพูดออกมาอย่างเลื่อนลอยว่า “ไม่รู้” วินาทีถัดมาก็ก้มหน้าลงโดยพลัน หนิงอวี้นิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา นางยื่นมือไปสำรวจลมหายใจเขาครั้นแล้วก็แค่นเสียงหัวเราะหนึ่งที
แส้ยาวแหวกผ่านอากาศ หวดลงบนกายที่ปกคลุมด้วยเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของหลองหลวง ผ้าฉีกขาด กลิ่นเลือดคาวฟุ้งไปทั่ว แส้นี้ฟาดลงเต็มแรงทำเอาหมอหลวงสะดุ้งตื่นจากความเจ็บ
หนิงอวี้โน้มกายลงอีกครั้ง ชายกระโปรงสีแดงสดโดนคราบเลือดบนพื้นจนเลอะเป็นสีแดงเข้ม
“บอกข้ามา ท่านหมอหลิ่วเจ้าเป็นถึงหัวหน้าสำนักหมอหลวง ถึงอายุควรกลับบ้านเกิดพักผ่อนแล้ว ไยจึงต้องหาเรื่องให้ตัวลำบากด้วย”
หมอหลิ่วสายหน้าหลับตาทั้งคู่ลงช้าๆ เลือดสดๆ ยังคงซึมออกจากมุมปากเขา หนิงอวี้ปรบมือสีหน้านิ่งเฉย เมื่อเสียงกังวานเงียบลง เด็กผู้หนึ่งก็ถูกลากตัวมาด้านหน้า
“ท่านหมอหลิ่ว ท่านลืมตาดูสิ”
ทันทีที่หมอหลิ่วลืมตาทั้งคู่ขึ้น นัยน์ตาก็หดลงทันที ใบหน้าเหยเกเกือบทั้งดวง
“ปล่อยเซิ่งเอ๋อร์นะ เขาเป็นเพียงเด็กน้อยเท่านั้น”
“ฮองเฮา กระหม่อมพูดไม่ได้จริงๆ ขอทรงโปรดปล่อยเซิ่งเอ๋อร์ด้วยเถิด”
“ฮือๆๆ ท่านปู่! ทำไมท่านถึงบาดเจ็บเล่า”