ยอดรักชายาอัปลักษณ์ - ตอนที่ 347 ถูกมั่วหลีหย่า / ตอนที่ 348 ร้อนตัว
ตอนที่ 347 ถูกมั่วหลีหย่า
“บ่าว” หงหลิงเงยหน้าขึ้น “บ่าว…ถูกมั่วหลีขอหย่าแล้ว ไม่มีที่ไปเจ้าค่ะ”
“เจ้าว่าอะไรนะ!”
“ฝ่าบาททรงรับสั่ง หากท่านไม่กลับไปคืนดีกับเขาดังเดิม ก็จะให้บ่าวและมั่วหลีชั่วชีวิตมิได้อยู่ร่วมกันอีก” หงหลิงท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจอย่างมาก ครั้นแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง “ท่านไม่ต้องห่วงบ่าวนะเจ้าคะ บ่าวไม่เป็นอะไร!”
ทันทีที่พูดจบ น้ำตาก็ร่วงหล่นจากหางตาหงหลิง หนิงอวี้ทำตัวไม่ถูก รีบใช้แขนเสื้อซับน้ำตาให้นางอย่างรีบร้อน เหลวไหลจริง เว่ยหยวนคิดทำอะไรกันแน่
เรื่องนางกับเขา ทำไมต้องเอาไปข้องเกี่ยวกับหงหลิงและมั่วหลี เลอะเทอะที่สุด! หนิงอวี้เห็นหงหลิงร้องไห้จนตาแดงก่ำ ในใจก็พลันลุกโชนด้วยไฟโกรธ นางเดินออกนอกประตูลานไปทันที
แย่ที่สุด! นางต้องพูดกับเว่ยหยวนให้ชัด หากคิดจะใช้ความสุขของหงหลิงมาบีบคั้นนาง เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด
วิ่งจนถึงประตูจวนขุนพล เงากายสูงเพรียวร่างหนึ่งปรากฏสู่สายตา เว่ยหยวนสวมชุดขาวที่เปียกไปด้วยน้ำค้างทั้งตัวนั้น ถือกล่องขนมกล่องหนึ่งยืนอยู่ที่ประตู
“อวี้เอ๋อร์”
เว่ยหยวนยกขนมกุ้ยฮวาซูในมือขึ้นแล้วพูดด้วยความดีใจเป็นล้นพ้น หนิงอวี้ยั้งฝีเท้าแล้วพูดขึ้นอย่างไร้อารมณ์ “ทำไมจึงแยกหงหลิงกับมั่วหลี”
“เพราะว่า” เว่ยหยวนวางขนมลงอย่างใจเย็น “เพราะว่าเจ้าแยกกับข้า ข้าไม่ยินดี จึงอยากลองทำร้ายคนอื่นดู”
หนิงอวี้อ้าปากหมายจะพูดว่า ‘เสียสติ’ แต่ก็กลืนมันกลับเข้าไป เว่ยหยวนในชุดขาวทั้งตัวยืนอยู่ใต้แสงแดดอันอบอุ่น นางยิ้มขึ้น แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่ง
แสงอาทิตย์สว่างอบอุ่น แต่ดูเหมือนมันไม่สามารถขับไล่ความมืดมนหดหู่ของเขาได้ เขายื่นมือออกไป พลางยิ้มหนึ่งที ความคิดที่ผุดขึ้นอย่างคลุ้มคลั่งตลอดทั้งคืนที่ตั้งใจปิดบังเอาไว้
เขาคิดอยากได้นาง อยากกอดนางไว้ในอ้อมกอด หากสูญเสียนางไป เขาคงเป็นบ้า จะเกลี้ยกล่อมก็ดี บีบบังคับก็ดี ต่อให้ต้องจับมัดพันธนการ เขาก็ต้องพานางมาอยู่ข้างกายให้ได้
“ท่านพ่อบ้าน ใส่กุญแจประตูซะ”
ประตูไม้บานใหญ่ค่อยๆ งับปิด ชั่วอึดใจเดียวขนมกุ้ยฮวาซูก็ถูกสอดผ่านใต้ประตูเข้ามา
หนิงอวี้หัวเราะหนึ่งที “ดูเหมือนประตูไม้จวนขุนพลเห็นทีจะต้องพักการใช้งานแล้ว อะไรต่อมิอะไรก็สอดเข้ามากลางจวนขุนพลได้”
พ่อบ้านยืนลังเลกับที่ทำตัวไม่ถูก เฮ้อ เมื่อคืนฮ่องเต้ยืนอยู่หน้าประตูมาทั้งคืน คิดถึงสิ่งต่างที่ฮ่องเต้ทรงทำเพื่อฮองเฮา ก็รู้ว่าทรงรักใคร่ฮองเฮาลึกซึ่งเพียงใด
“ท่านพ่อบ้าน รีบไปตามช่างไม้มา”
——
อันเอ๋อร์ดื่มนมจนอิ่มแล้วก็กุมนิ้วข้างหนึ่งของนางนอนหลับอย่างสนิท หนิงอวี้ก้มหน้าลงจุมพิตบนหน้าเขาหนึ่งที ครั้นแล้วก็ดึงนิ้วออกเบาๆ
ถึงช่วงโพล้เพล้แล้ว ความคิดในใจกับยังคงวุ่นวายสับสน หนิงอวี้หลับตาทั้งคู่ลงก็นึกถึงความคลุ่มคลั่งในแววตาของเขาเมื่อครู่ได้ ทำอะไรอยู่นะ ยังจะเฝ้าอยู่ที่ประตูหรือไม่
อาการป่วยที่ขาเขาหายดีแล้ว แต่หากต้องลมเย็นนานๆ เข่าต้องปวดอย่างมากเป็นแน่ ได้ยินว่า วันนั้นที่เขาค้นกองศพ ฝนยังตกลงมาห่าใหญ่ด้วย
หนิงอวี้เงยหน้าขึ้น ก็พบว่าตนเดินมาถึงประตูหน้าจวนขุนพลเสียแล้ว ประตูใหญ่ปิดสนิท หนิงอวี้หันกายหมายจะเดินกลับ ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงยกเท้าก้าวออกไป
จู่ๆ ฝนก็ตกลงมา หนิงอวี้หันกายกลับไปเปิดประตูใหญ่ บนถนนว่างเปล่าไร้ผู้คนแม้เพียงคนเดียว นางบอกไม่ถูกว่ารู้สึกผิดหวังหรืออะไรกัน หนิงอวี้ปิดประตูแล้วหันกายเดินจากไป
ทันใดนั้นเอง เสียงสวบสาบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น หนิงอวี้ชำเลืองขึ้นก็เห็นบนกำแพงสูงมีกล่องขนมกุ้ยฮวาซูกล่องหนึ่งวางอยู่ หนิงอวี้นิ่งอึ้งกับที่อยู่นาน มองไปรอบๆ ไม่พบใคร จึงปีนขึ้นไปบนต้นไม้ หยิบขนมนั้นลงมา
เมื่อเปิดกล่องออก หยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น ในปากรู้สึกอุ่น ขนมร่วงลงกับพื้น หนิงอวี้กระโจนลงจากต้นไม้ แล้วรีบเดินไปยังหน้าประตู ประตูไม้ถูกผลักอย่างแรง หนิงอวี้วิ่งไปสองสามก้าวจนถึงมุมเลี้ยว ก็เห็นเว่ยหยวนยืนอยู่ที่มุมกำแพงเงยหน้ามองท้องฟ้า
“ท่านกลับไปเถอะ นี่ไม่ได้มีความหมายอะไรสักนิด”
“ข้ารับรอง เรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกครั้งเด็ดขาด”
“ท่านไปซะ”
“ขนมกุ้ยฮวาซูอร่อยหรือไม่ ข้าตั้งใจเก็บไว้ในอกเพื่อรักษาความร้อน พอได้ยินเสียงเท้าถึงได้วางบนกำแพง” เว่ยหยวนยิ้มอย่างอ่อนแอ “หากเจ้าไม่ชอบให้ปรากฏตัวที่ประตู ข้าก็จะไม่ไป”
หนิงอวี้อ้าปาก แต่กลับพูดไม่ออกแม้เพียงคำเดียว ท่ามกลางฝนที่ตกทั่วฟ้า หนิงอวี้ไร้คำพูดขึ้นมาทันใด เสียงสายฝนดัง ซ่าๆ กลบทุกอย่างจนมิด
“นายท่าน ท่านสุขภาพไม่ดีนะเจ้าคะ”
หงหลิงกางร่มเดินมา หนิงอวี้ผลักนางออกแล้วหันกายเดินกลับโดยไม่เหลียวมอง หงหลิงร้อนใจจนกระทืบเท้า ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บดังขึ้นหนึ่งที เมื่อได้สติกลับคืน นางจึงยื่นร่มกระดาษชุบไขอีกคันหนึ่งให้กับเว่ยหยวนพลางยอบการคำนับแล้วรีบตามหนิงอวี้ไป
“นายหญิง ช้าหน่อยเจ้าค่ะ บ่าวเจ็บ”
หนิงอวี้ชะลอฝีเท้าลง รออยู่กับที่ ยื่นมือไปรับร่มนาง หงหลิงพูดอย่างกระหืดกระหอบว่า “นาย…หญิง…รื้อประตูไม้ทิ้งดีไหมเจ้าคะ”
“ไม่!”
ตอนที่ 348 ร้อนตัว
ตกดึก เงาลับๆ ล่อๆ ร่างหนึ่งปรากฏข้างจวนขุนพล หนิงอวี้เหลียวซ้ายแลขวาทีหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครจึงย่อเข่านั่งลง ชักกริชด้ามหนึ่งที่คมกริบจนเฉือนเหล็กได้ราวกับโคลนออกมา แซะลงบนแผ่นไม้แผ่นหนึ่งที่ด้านล่างสุดของประตูไม้อย่างตั้งอกตั้งใจ
กริชสะท้องแสงอันเยือกเย็นภายใต้แสงจันทร์ ดูน่าหวาดกลัวไม่น้อย หนิงอวี้ได้ยินเสียงดังสวบสาบเบาๆ ก็หันหน้ากลับโดยพลัน เห็นกิ่งไม้สั่นไหวเล็กน้อยก็หันหน้ากลับขยับมือต่อ
ราวไม่ถึงครึ่งเค่อ หนิงอวี้แซะออกอยู่นาน ในที่สุดแผ่นไม้ใต้ประตูไม้ก็ถูกไสจนเกลี้ยง
หนิงอวี้เหลียวมองไปรอบทิศไม่เห็นผู้ใดจึงเขย่งปลายเท้าเดินย่องกลับเรือนไปโดยเร็ว เดินไปพลาง ก็อดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึงการกระทำเมื่อครู่ของนาง…ช่างน่าละอายอย่างมากจริงๆ
เขาตากฝนอยู่ด้านนอกแล้วเกี่ยวอะไรกับนาง หนิงอวี้ส่ายหน้าอย่างแรงแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “ถ้าหากต้องไอเย็นจนป่วยคงได้มาก่อกวนข้าแน่” เสียงเบาดังยุงร้อง ฟังดูร้อนตัวไม่น้อย
หนิงอวี้ขบริมฝีปาก พยายามห้ามตนไม่ให้คิดเรื่องนี้ เสียงเด็กทารกร้องไห้ดังแว่วมาจากด้านในห้อง อวี้เอ๋อร์ผลักประตูเดินเข้าไป
“อันเอ๋อร์ไม่ร้องให้นะ”
กลางพุ่มไม้ข้างประตูจวนขุนพล หญิงสาวในชุดสีเขียวเดินออกมา ภายใต้แสงจันทร์ นางมองเห็นเศษไม้บนพื้นได้อย่างชัดเจน
หงหลิงสีหน้าซับซ้อน นางย่อเข่าลงนั่งสำรวจใต้ประตู ผ่านไปครู่ใหญ่จึงถอนหายใจออกมาหนึ่งที นางล้วงผ้าเช็ดหน้าไหมผืนหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อพันก้อนหินก้อนหนึ่งไว้แล้วโยนข้ามกำแพงไป
——
นกส่งเสียงร้องบนกิ่งไม้เป็นพักๆ หนิงอวี้ยืนอยู่ใต้ต้นไม้โดยไม่พูดจา จ้องเหม่อไปยังรองเท้าปักลาย ประตูใหญ่จวนขุนพลปิดสนิท คนรับใช้กำลังปัดกวาดเศษไม้อยู่
พ่อบ้านสีหน้ายินดี แต่เพราะหนิงอวี้อยู่ข้างๆ จึงพยายามปั้นหน้านิ่ว
“ไม่รู้ว่าใครช่างไร้สำนึกเสียจริง! คุณหนู ท่านอย่าได้กังวล อีกสองสามวันข้าน้อยจะไปตามช่างมาอีก”
หนิงอวี้ชะงักนิ่ง ฝืนปั้นหน้ายิ้มหนึ่งที
“ไม่ต้อง”
หงหลิงได้ยินก็นึกขัน แต่นางก็ได้แต่ยกมือขึ้นป้องริมปากทำทีเป็นไอเบาๆ หนึ่งที
“นายหญิง แดดแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่สู้กลับไปพักให้เร็วหน่อยไม่ดีกว่าหรือเพคะ”
หนิงอวี้สะดุ้งโหยงรู้สึกอึดอัดใจ
“ไม่เป็นอะไร ข้าจะเดินเที่ยวอยู่แถวนี้”
“เดินเที่ยวหรือเจ้าคะ”
หงหลิงถลึงตาโต ราวกับไม่เข้าใจ หนิงอวี้หน้าแดงก่ำ ยกมือขึ้นกดบนบ่าของนางแล้วบังคับนางหันกายกลับอย่างอ่อนโยน
“แผลยังไม่หาย เจ้าไม่สู้ดื่มยาให้มากหน่อย”
ตอนแรกหงหลิงนึกขบขัน แต่เพราะด้วยคำว่ายาคำนั้นนางจึงเผยอปาก สายตาเหลือบไปเห็นผู้เป็นนายหน้าแดงเห่อถึงใบหู ก็สบายใจลงบ้างจึงหันกายเดินจากไป
“คุณหนู ท่าน…”
“ท่านพ่อบ้านท่านกลับไปก่อนเถอะ ข้าจะไปเดินเล่น”
เกลี้ยกล่อมทั้งสองคนจนจากไป หนิงอวี้ก็ยืนอยู่หน้าประตูเพียงลำพัง นางคิดทำอะไรอยู่กัน ตัวนางเองก็บอกไม่ถูกแม้แต่น้อย แม้จะตัดสัมพันธ์ของทั้งสองขาดกันแล้ว แต่ก็ไม่อาจยืนมองเขาเปียกฝนตามลำพังอย่างเย็นชาได้
หากจะยกโทษ…นางก็ทำไม่ได้อยู่ดี เงากายนางทอดยาวออกไป ร่างกายนิ่งทื่อ ในศีรษะรู้สึกสับสน หนิงอวี้หันกายแล้วเดินจากไป
ที่แท้ก็เป็นเพียงแค่การแสดงละคร แค่ความสะใจเพียงชั่วคราว แค่การสร้างเรื่องเท่านั้น หนิงอวี้ขบริมฝีปาก ฝีเท้าเริ่มไม่เป็นจังหวะ ไม่ บางทีหรืออาจจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับเขา
เขาไม่ได้นอนตลอดคืน ทั้งยังตากฝนอยู่นาน ทันทีที่ความคิดผุดขึ้นนางก็เก็บความร้อนใจไว้ไม่อยู่ นางหันกายเตรียมออกวิ่ง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาและนางสิ้นเยื่อใยกันแล้ว แล้วนาง…จะไปปรากฏตัวในฐานะอะไร
วุ่นวายสับสนไปหมด สุดท้ายแล้ว นางเป็นผู้ชนะหรือแพ้กันแน่ หนิงอวี้กำหมัดนิ่งเหม่อกับที่อยู่นาน แล้วจึงค่อยๆ เดินไปยังกลางลาน
โลกนี้ไม่มีหนิงฮองเฮาแล้ว มีเพียงหนิงอวี้เท่านั้น ในเมื่อนี่คือการตัดสินใจของนาง ก็ต้องรักษามันไว้ให้ดี