ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด - ตอนที่ 314 แผนการของเว่ยอ๋อง / ตอนที่ 315 อดีตของมั่วชิง
ตอนที่ 314 แผนการของเว่ยอ๋อง
“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์รักหลิงอวี้จื้อ เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วหล้า ข้าให้คนไปสืบมาอย่างละเอียดแล้ว ก่อนหน้านี้หลิงอวี้จื้อกับท่านอู๋อ๋องใกล้ชิดกันมาก ถึงขั้นนัดท่านอู๋อ๋องไปเฉิงซีตามลำพัง หากท่านอู๋อ๋องก็ชอบหลิงอวี้จื้อเช่นกัน อย่างนั้นเรื่องนี้ก็น่าสนใจแล้วเพคะ ท่านอู๋อ๋องเล่นอุบายยั่วยุได้ พวกเราก็เล่นได้เหมือนกัน”
เฉินจิ่งเฟิงหยักหน้าติดต่อกัน ถามต่อ
“เล่าให้ข้าฟังสิ”
“ท่านอ๋องยังจำพระชายาซีหนานอ๋องได้หรือไม่เพคะ”
“เหตุใดจะจำไม่ได้ นี่ก็เป็นผลกรรมของเซียวเหยี่ยน มารดาที่ตามหามาหลายปีแต่งไปเป็นภรรยาคนอื่นเสียแล้ว ซ้ำยังให้กำเนิดลูกชายคนลูกสาวคน หากเปลี่ยนเป็นข้า คงตัดหัวทั้งตระกูลอวิ๋นไปแล้ว เหลือตระกูลอวิ๋นเอาไว้ก็เหมือนเหลือเรื่องน่าอับอายเอาไว้นั่นแหละ”
“พระชายาซีหนานอ๋องให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคนลูกสาวหนึ่งคนแก่ตระกูลอวิ๋น ลูกสาวคนโตตายไปโดยไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ นางยังมีลูกชายคนเล็กอีกคน ข้าให้คนไปตามหาอวิ๋นซั่วได้แล้ว เขาเกลียดเซียวเหยี่ยนเข้ากระดูกดำ ข้าบอกอวิ๋นซั่วว่า เซียวเหยี่ยนอยู่ที่อำเภอฉางหนิง
อวิ๋นซั่วไปตามหาเขาแล้ว หากเซียวเหยี่ยนหนีรอดไปได้ อวิ๋นซั่วก็จะลงมือ ข้าติดต่ออวิ๋นซั่วในฐานะอู๋อ๋อง เรื่องนี้จึงต้องเกี่ยวข้องกับอู๋อ๋องอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นท่านอ๋องรอดูละครฉากเด็ดก็พอเพคะ”
เฉินจิ่งเฟิงหัวเราะเสียงดัง
“ซูหว่าน เจ้าก็ยังเป็นคนที่คิดรอบคอบเสมอ ได้แต่งงานกับเจ้าถือเป็นวาสนาของข้า”
พูดจบก็กอดลูซูหว่านในอ้อมแขน ลู่ซูหว่านซบอกเฉินจิ่งเฟิง
“ขอเพียงใจท่านอ๋องมีข้าอยู่ แค่นี้ข้าก็พอใจแล้วเพคะ”
“ตรงนี้ของข้ามีที่ให้เจ้าเสมอ”
เมื่อเฉินจิ่งเฟิงเอ่ยคำสัญญาแล้ว ลู่ซูหว่านก็ก้มหน้าหัวเราะออกมา
เช้าตรู่วันถัดมา หลิงอวี้จื้อกับมู่หรงนี่อวิ๋นก็ไปตามถนนอำเภอฉางหนิง อยากดูว่ามีข่าวคราวอะไรหรือไม่ อำเภอฉางหนิงตอนกลางวันคึกคักกว่าตอนกลางคืนอย่างเห็นได้ชัด แต่คนก็ไม่ถือว่ามากนัก เทียบกับเมืองหลวงแล้วแตกต่างกันมาก
พวกเขาสอบถามว่าผู้ชายที่หายไปหายตัวไปจากตรงไหน ปรากฏว่าข่าวคราวที่ได้ยินมาไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทำได้เพียงยืนยันได้ว่าหายตัวไปตอนที่อยู่คนเดียวเพียงลำพัง
ตอนเดินผ่านร้านค้าแห่งหนึ่ง หลิงอวี้จื้อก็ได้ยินคนสองสามคนรวมตัวกันสนทนา เธอจึงหยุดฟัง
หนึ่งในนั้นพูดว่า
“ช่วงนี้บ้านไหนจัดงานมงคล นึกไม่ถึงว่าจะซื้อผ้าไหมแดงร้านข้าไปหมด แล้วยังบอกข้าอีกว่าไม่พอ”
“ข้าไปถามมาจนทั่วแล้ว ครอบครัวใหญ่ไม่กี่ครอบครัวในอำเภอนี้ไม่มีใครจัดงานมงคลเลย แปลกจริง”
“ใช่ไหมเล่า เฉินเหล่าฮั่นที่ขายเทียนก็บอก ว่าเมื่อวานเทียนร้านเขาก็ถูกซื้อเกลี้ยง ให้เงินดีด้วย เขาไปเอาสินค้ามาจากที่อื่น วันนี้คนพวกนั้นก็ยังมาเอาเทียนไปอีกแน่ะ”
หลิงอวี้จื้อสนใจข่าวนี้มาก ครอบครัวใหญ่ในเมืองไม่มีใครจัดงานมงคล คนธรรมดาก็คงไม่สามารถจ่ายหนักได้ คนต่างถิ่นจัดงานมงคลก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องถ่อมาซื้อของที่อำเภอเล็กๆ เช่นนี้ ความเป็นไปได้อย่างเดียวคือคนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่มีสถานะธรรมดา
หลิงอวี้จื้อเข้าไปร่วมวง ยิ้มพลางถามว่า
“ร้านของเฉินเหล่าฮั่นอยู่ที่ไหนหรือ ข้าก็อยากซื้อเทียนสักหน่อย”
“ไปข้างหน้าเลี้ยวขวาร้านแรกเลย เจ้าต้องรีบไปเร็วหน่อย ตอนเย็นคนพวกนั้นก็ซื้อเกลี้ยงแล้ว”
“ขอบใจจ้ะ”
หลิงอวี้จื้อพูดจาขอบคุณหวานๆ แล้วพูดกับมู่หรงนี่อวิ๋นว่า
“ไป พวกเราก็ไปดูกันหน่อยเถิด”
“คนเขาจะจัดงานมงคล เจ้าไปร่วมวงอะไรด้วย”
“ตอนนี้ไม่มีเบาะแส เช่นนั้นเราก็ไปดูเล่นกันสักหน่อย ถือว่าได้ไปรับบรรยากาศมงคล”
หลิงอวี้จื้อพูดจบ เห็นมั่วชิงยังเหม่ออยู่ ก็ชนมั่วชิงเบาๆ
“คิดอะไรอยู่หรือ ติดต่ออู่จิ้นได้หรือยัง”
“ยังไม่ได้เจ้าค่ะ หากได้ข่าวแล้ว ข้าจะแจ้งคุณหนูให้ทราบ”
“อู่จิ้นคนนี้หายไปไหนกันนะ หรือว่าถูกจับแล้ว”
ตอนที่ 315 อดีตของมั่วชิง
หลิงอวี้จื้อพึมพำกับตนเอง พูดพลางก็เดินไปทางร้านค้าของเฉินเหล่าฮั่น
ตอนที่พวกเขาเดินไปถึงหน้าร้าน ข้างในมีชายวัยกลางคนกำลังจ่ายเงินเฉินเหล่าฮั่น ในมือกำลังหอบเทียนอยู่ไม่น้อย หลิงอวี้จื้อกลัวว่าถ้าพวกเขาเข้าไปด้วยกันหมดจะถูกคนจับได้ จึงให้มั่วชิงเข้าไปดูว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรกันแน่
ทั้งวันไม่ได้อะไรเลย จวบจนฟ้ามืดแล้วมั่วชิงกลับมา หลิงอวี้จื้อกับมู่หรงนี่อวิ๋นกำลังทานข้าวในห้อง มั่วชิงเพิ่งจะเข้ามาก็ลงไปคุกเข่าดังตึงกับพื้นตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ
“คุณหนูเจ้าคะ ข้าน้อยมีเรื่องจะพูดเจ้าค่ะ”
การกระทำที่กะทันหันเช่นนี้ทำให้หลิงอวี้จื้อตกใจ
“มีเรื่องจะพูดก็พูดได้เลย อยู่ดีๆ คุกเข่าเพื่ออะไร”
“คุณหนู วันนี้ข้าน้อยตามคนที่มาซื้อเทียนไปจนออกนอกเมือง พวกเขา…”
“พวกเขาทำไมหรือ”
หลิงอวี้จื้อเริ่มร้อนใจ เธอรู้ว่ามั่วชิงมีเรื่องที่ยังปิดบังเธออยู่
มั่วชิงดูเหมือนจะไม่อยากพูดถึงเรื่องที่ตามมา เงียบไปสักครู่หนึ่งจึงพูดต่อ
“พวกเขาเข้าไปในเขาอวิ๋นเฟิง ข้าน้อยจึงไม่ได้ตามไปต่อ ข้าน้อยยืนยันได้ว่า พวกเขาคือคนจากสำนักอู๋จี๋เจ้าค่ะ”
“อ๋อ…ลัทธิมารที่อาเหยี่ยนเคยพูดถึงนั่นเอง เจ้ายืนยันได้อย่างไรว่าพวกเขาเป็นคนจากสำนักอู๋จี๋”
“เพราะว่าข้าน้อยเคยเป็นคนของสำนักอู๋จี๋มาก่อน”
มั่วชิงเงยหน้าขึ้น สายตาประกายความหวาดกลัวแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเรื่องในอดีตช่วงนั้นทำให้นางทุกข์ทรมานมาก นางไม่อยากนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องเหล่านั้น
พอคำพูดนี้ออกมา หลิงอวี้จื้อกับมู่หรงนี่อวิ๋นต่างก็มองมั่วชิงอย่างตกตะลึง นึกไม่ถึงว่านางจะเป็นคนของสำนักอู๋จี๋
หลิงอวี้จื้อไม่ค่อยรู้เรื่องสำนักอู๋จี๋นัก พอพูดถึงสำนักอู๋จี๋ก็นึกถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมของหลิงอวี้หรงกับหนานเยียน ในสายตาของเธอ สำนักอู๋จี๋ถือเป็นสถานที่ที่น่ากลัวมาก นึกไม่ถึงว่าสามารถปรุงยาพิษให้คนกลายเป็นผีดิบได้ ในนั้นจะน่าสะพรึงกลัวถึงขั้นไหนก็ยากจะจินตนาการ เจ้าสำนักจะต้องเป็นคนวิกลจริตมากๆ แน่นอน
“สำนักอู๋จี๋ไม่ได้สลายหายไปแล้วหรอกหรือ”
มู่หรงนี่อวิ๋นถามอย่างตกใจ
“สำนักอู๋จี๋มิได้ถูกทำลายสิ้นซาก เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่เท่านั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสำนักอู๋จี๋ก็ปรากฏให้เห็นไม่บ่อยนัก พัฒนาเติบโตขึ้นในที่ลับ”
หลิงอวี้จื้อมีสติกลับคืนมา
“เจ้าพูดช้าๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ตอนที่ข้าอายุหกขวบก็ถูกจับเข้าไปในสำนักอู๋จี๋ ถูกเจ้าสำนักอู๋จี๋รับเป็นศิษย์ เฟิงอิ๋นเป็นศิษย์คนสำคัญของสำนักอู๋จี๋ ที่จริงนางเป็นศิษย์พี่ของข้า เจ้าสำนักให้ความสนใจกับทั้งข้าและเฟิงอิ๋น พวกเราเรียนการต่อสู้และการใช้ยาพิษตั้งแต่เด็ก เรียนฝึกการปรุงยาพิษ ทุกวันข้าทำตามระเบียบวินัย เพื่อจะได้มีโอกาสกลับเยี่ยมบ้านบ้าง หลายปีมานี้ ข้าคิดถึงพวกเขาทุกวัน
ปีนั้นข้าอายุสิบสามปี ในที่สุดก็ได้รับการชื่นชมจากเจ้าสำนัก นางส่งข้าไปปฏิบัติภารกิจ ข้าฉวยโอกาสกลับบ้านสักหนโดยอาศัยความจำ อยากไปดูพวกเขาสักหน่อย แต่กลับถูกเจ้าสำนักจับได้ นางฆ่าคนในตระกูลข้าทุกคนต่อหน้าข้า คนในตระกูลทั้งหมดมีสามสิบคน ไม่มีใครรอดพ้น”
มั่วชิงก้มหน้าลง ร่างกายเริ่มสั่นสะท้าน หลิงอวี้จื้อสงสารมั่วชิงอย่างยิ่ง มิน่านางถึงไม่อยากพูดถึงสำนักอู๋จี๋ แค้นใหญ่หลวงฝังลึกโดยแท้
“ด้วยแรงกระตุ้น ข้าหลุดพ้นจากคนที่กำลังควบคุมตัวข้าอยู่ คิดจะฆ่าเจ้าสำนัก สุดท้ายข้าก็ถูกจับตัว
เจ้าสำนักกักขังตัวข้าไว้ ทุกวันจะทรมานข้าอย่างไร้มนุษยธรรม ทำให้ข้าอยากขออยู่ก็ไม่รอดขอตายก็ไม่ได้ สิ่งที่สำนักอู๋จี๋มีคือวิธีการทรมานคน
ต่อมาในที่สุดข้าก็หาโอกาสหนีจนได้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้คนสำนักอู๋จี๋ตามเจอได้ ข้าทำลายใบหน้าของตนเอง ท่านอ๋องเป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้ ใบหน้านี้ท่านอ๋องก็เป็นคนมอบให้ข้า ตั้งแต่นั้นมาข้าปิดบังชื่อแซ่คอยอยู่ข้างท่านอ๋อง ถือว่าเป็นการปลดแอกตนออกจากสำนักอู๋จี๋”