ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด - ตอนที่ 352 ออกจากสำนักอู๋จี๋ / ตอนที่ 353 อุบายเมืองร้าง
ตอนที่ 352 ออกจากสำนักอู๋จี๋
“ข้านึกไม่ถึงเลยว่าชุนเหนียงจะอาจหาญถึงเพียงนี้”
ประโยคเดียวก็ทำให้นางรู้ว่าชุนเหนียงก็ทรยศนางเช่นกัน ถึงแม้จะแค้นจนบดเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงเวลาค่อยหาโอกาสเก็บนางก็พอ เจียงสือยังคงรับปาก
“ได้ ข้ารับปากเจ้าว่าจะส่งคนให้ แต่เฟิงอิ๋นกับมู่หรงกวานเสวี่ยต้องอยู่ที่นี่”
เจียงสือให้คนพาชุนเหนียงมาอย่างเร็ว จากนั้นก็ให้ทหารยามไปห้องตะวันตก เซียวซู่ซึ่งอยู่ภายในโลงไม้ถูกเผาเป็นเถ้าแล้วจริงๆ ทหารยามโกยเถ้ากระดูกของเซียวซู่ใส่ลงในโถกระเบื้องลายคราม นำไปให้เซียวเหยี่ยน
เซียวเหยี่ยนเปิดโถ ยืนยันว่าเป็นเถ้ากระดูกจริงแล้ว ก็ส่งโถให้อู่จิ้นที่อยู่ข้างหลัง ชุนเหนียงยืนตัวสั่นสะท้านอยู่ข้างหลังเซียวเหยี่ยน ไม่กล้ามองเจียงสือเลยด้วยซ้ำ ฝ่ามือชุ่มเหงื่อไปหมด แทบจะมุดหัวลงดินไป
เจียงสือหน้าตึง สีหน้าดูไม่ได้อย่างยิ่ง นางเอาเซียวซู่มา เห็นอยู่ทนโท่ว่ายาฟื้นคืนชีพใกล้จะสำเร็จแล้ว นึกไม่ถึงว่าเซียวซู่จะถูกเซียวเหยี่ยนเผาเสีย นับว่าเซียวเหยี่ยนทำลายแผนนางพังทลายโดยสิ้นเชิง บัญชีหนี้แค้นนี้นางจะจดจำไว้อย่างดี
พ่อลูกคู่นี้เป็นมารผจญของนางโดยแท้
“ท่านอ๋องยังไม่คิดจะปล่อยคนอีกหรือ”
เซียวเหยี่ยนกำลังจะปล่อย ถึงแม้ว่าอยากจะฆ่าสองคนนี้เหลือเกิน แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือออกไปจากสำนักอู๋จี๋ ยิ่งเร็วยิ่งดี ลากยาวไปก็กลัวแค่ว่าเจียงสือจะหาทางหนีทีไล่ได้
หลิงอวี้จื้อที่เงียบมาโดยตลอด อยู่ๆ ก็เอ่ยปาก
“เดี๋ยวก่อน เจ้าสำนัก เมื่อครู่มู่หรงกวานเสวี่ยแทงท่านอ๋องไปหนึ่งครั้ง ทำกับคนอื่นเช่นไรตนเองก็ต้องโดนกระทำเช่นกัน แผลนี้นางต้องใช้คืนให้ท่านอ๋อง”
“หลิงอวี้จื้อ เจ้า…”
ได้ยินหลิงอวี้จื้อต้องการแทงตนเองหนึ่งแผล มู่หรงกวานเสวี่ยก็เบิกตาโต มองไปทางเจียงสือทันที หวังว่าเจียงสือจะตอบปฏิเสธคำพูดไร้สาระเช่นนี้
“เป็นหนี้ก็ต้องคืนเงิน แทงคนอื่นก็ต้องใช้คืนเช่นกัน เหตุผลข้อนี้เจ้าสำนักย่อมเข้าใจ”
หลิงอวี้จื้อไม่กลัวเจียงสือ พูดด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
เจียงสือไม่พูดอะไร ถือว่ายอมรับเงียบๆ แล้ว
เห็นเจียงสือยอมรับเงียบๆ ใจมู่หรงกวานเสวี่ยก็ชาไปครึ่งหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลิงอวี้จื้อจะฉวยโอกาสนี้ฆ่านางหรือไม่ ถึงแม้สำนักอู๋จี๋จะทดลองปรุงยาฟื้นคืนชีพมาโดยตลอด แต่ว่ายังไม่สำเร็จ ยานั้นกินไปจะกลายเป็นอะไรก็ยังไม่แน่ใจ นางไม่อยากกลายเป็นสัตว์ประหลาดแน่
หลิงอวี้จื้อหยิบกระบี่จากมั่วชิง แทงเข้าท้องมู่หรงกวานเสวี่ยโดยไม่เกรงใจ กระบี่นี้แทงทะลุท้องของมู่หรงกวานเสวี่ยโดยสมบูรณ์
มู่หรงกวานเสวี่ยพ่นเลือดออกมา
หลิงอวี้จื้อถีบท้องมู่หรงกวานเสวี่ย เมื่อได้ใช้กระบี่แทงแล้ว ในที่สุดเธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
มู่หรงกวานเสวี่ยเหิมเกริมเกินไปแล้ว มุ่งหมายเอาชีวิตพวกเขาชัดๆ หากไม่ใช่เพราะตอนนี้ยังฆ่าไม่ได้ เธอคงฆ่ามู่หรงกวานเสวี่ยตายอย่างไม่ใยดีไปแล้ว
คนบางคนตายไปแล้วก็เสียดาย แต่หากมู่หรงกวานเสวี่ยตายไป เธอก็คงแค่รู้สึกว่าสาแก่ใจใครหลายคน
จากนั้นเซียวเหยี่ยนก็ปล่อยเฟิงอิ๋น เจียงสือพาเซียวเหยี่ยนเดินทะลุผ่านทางแคบไปโดยไม่พูดอะไร
ประตูหินถูกเปิดออกแล้ว มองไป รอบทิศมีเสียงกลองและเสียงคนตะโกนแว่วมาไม่ขาดสาย เหมือนจะมีคนมามากมาย
ขุนพลผู้นำทับสวมชุดเกราะสีเทาเงิน ข้างหลังมีคนยืนอยู่เกินหลายร้อยคน พอเห็นเซียวเหยี่ยน ทั้งหมดก็คุกเข่าลงอย่างเป็นระเบียบ
“คารวะท่านอ๋อง กองทัพข้ามีคนและม้าร่วมห้าพันคนรวมตัวกันครบแล้ว ทั้งภูเขาอวิ๋นเฟิงล้วนเป็นคนของพวกเรา รอทำภารกิจของท่านอ๋องอยู่ขอรับ”
“แม่ทัพหลี่ เจ้าลุกขึ้นเถิด! รีบให้คนบนเขากระจายลงเขาไปให้หมด”
“ขอรับ ท่านอ๋อง”
เรื่องคำสั่งของเซียวเหยี่ยน แม่ทัพหลี่ไม่ได้ถามสักคำ ปฏิบัติตามคำสั่งทันที แสดงให้เห็นถึงบารมีที่เขามีในกองทัพ
ตอนที่ 353 อุบายเมืองร้าง
เจียงสือเห็นเจ้าหน้าที่ทหารสลายตัวลงเขาไปแล้ว ก็ไม่ได้ขัดขวางการจากไปของพวกเซียวเหยี่ยน รอจนพวกเขาไปแล้ว นางต้องซ่อมแซมค่ายกลข้างนอกสำนักอู๋จี๋ใหม่
พอสติกลับมา นางก็คิดอย่างละเอียดรอบคอบอีกครั้ง จึงได้รู้สึกว่าเรื่องมันผิดปกติ
หากเซียวเหยี่ยนนำทหารมาห้าพันคนจริง เหตุใดถึงได้หยุดการเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ จึงรีบให้คนไปสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อครู่นางถูกรังสีความน่ายำเกรงของเซียวเหยี่ยนทำให้ผวา จึงปล่อยเซียวเหยี่ยนไปโดยมิได้สืบถามฟังความจริงเท็จ
เพื่อไม่ให้หลิงอวี้จื้อกังวล เซียวเหยี่ยนจึงประคับประคองร่างกายตนเอง พาหลิงอวี้จื้อลงเขาไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างเส้นทางลงเขา หลิงอวี้จื้อมองเห็นเงื่อนงำบางอย่าง
ก่อนหน้านี้ได้ยินเสียงตีกลองร้องตะโกนมืดฟ้ามัวดิน ยังนึกว่ามีคนอยู่ทุกหนทุกแห่ง ตลอดทางเดินนี้กลับมองเห็นคนไม่กี่คน ในใจรู้สึกสงสัยมาก คราวนี้เซียวเหยี่ยนคงไม่ได้ใช้อุบายเมืองร้าง [1] หรอกนะ!
ตีนภูเขามีรถม้าจอดอยู่สองคัน หลิงอวี้จื้อกับเซียวเหยี่ยนนั่งคันหนึ่ง มั่วชิงกับชุนเหนียงนั่งอีกคนหนึ่ง รถม้าห้อตะบึงเข้าอำเภอฉางหนิงไป
เซียวเหยี่ยนที่ทนบาดแผลมาตลอดในที่สุดก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว เขาพิงไหล่หลิงอวี้จื้อ ตอนนี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแม้แต่นิดเดียว แต่กลับไม่บอกหลิงอวี้จื้อ เพื่อไม่ให้นางเป็นห่วง
หากจิตตั้งมั่นของเขาไม่แข็งแกร่งพอ เขาคงเป็นลมไปนานแล้ว ตอนนี้เขาก็รู้ดีว่าตนเองทนไปได้อีกไม่นาน
หลิงอวี้จื้อรู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ แนบข้างหูเซียวเหยี่ยนพูดเสียงต่ำว่า
“อาเหยี่ยน พวกเราใกล้จะถึงอำเภอฉางหนิงแล้ว ท่านต้องอดทนเอาไว้นะ”
“ข้าไม่เป็นไร ข้าเกิดมาเป็นขุนพล บาดเจ็บเป็นเรื่องปกติ เจ้าไม่ต้องกังวล”
เซียวเหยี่ยนพูดจาเบากว่าความเป็นจริง ที่จริงเขาเวียนหัวมาก เขารู้ว่าเขาจะเป็นลมไปตอนไหนก็ได้ แต่หวังว่าจะทนได้นานกว่านี้อีกหน่อย เมื่อครู่ตอนที่เพิ่งออกจากสำนักอู๋จี๋ เขารู้ว่าหลิงอวี้จื้อกลัว คิดอยากจะอยู่เป็นเพื่อนหลิงอวี้จื้อ พยายามแสดงออกว่าไม่มีปัญหาอะไร
หลิงอวี้จื้อก็ยังทนไม่ไหวถามว่า
“อาเหยี่ยน ตอนที่พวกเราลงจากเขา ข้าไม่เห็นว่าบนเขาจะมีทหารมากมายสักเท่าใด เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่”
“เวลากระชั้นชิดเช่นนี้จะเกณฑ์คนเข้ามามากขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกนั้นล้วนเป็นทหารส่วนตัวของแม่ทัพหลี่ มีเพียงสองร้อยกว่าคน
เสียงกลองและเสียงร้องตะโกนล้วนเป็นการจัดฉาก พวกเขาผ่านสนามรบมานับร้อย จัดฉากเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา เจียงสือรู้ว่าข้าเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่รู้เรื่องภายใน หลอกนางเพียงชั่วคราวไม่เป็นปัญหา”
“มิน่าล่ะ ท่านไม่ได้จะทำลายสำนักอู๋จี๋จริงๆ ข้ายังนึกว่าเรื่องหนีเอาตัวรอดสำคัญเร่งด่วน ให้พวกเรากลับไปโดยสวัสดิภาพก่อนแล้วค่อยโจมตีสำนักอู๋จี๋ เมื่อเกณฑ์คนมาได้ห้าพันคนจริงๆ แล้ว จะทำลายสำนักอู๋จี๋ก็เป็นเรื่องง่ายมาก”
เสียงของเซียวเหยี่ยนเบามาก
“สำนักอู๋จี๋ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่พวกเราคิด มิเช่นนั้นคงไม่ยืนหยัดได้เช่นนี้ คราวนี้พอพวกเราจากไปแล้ว เจียงสือย่อมต้องเปลี่ยนค่ายกลสำนักอู๋จี๋โดยทันทีแน่นอน จะเข้าใกล้สำนักอู๋จี๋อีกเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง ครั้งนี้สามารถเจาะค่ายกลเข้ามาได้อย่างราบรื่น เพราะข้าเข้ามาเองแล้วรอบหนึ่ง จำทุกขั้นตอนอย่างละเอียด ให้ชุนเหนียงหาทางส่งจดหมายออกไป ถึงได้เจาะค่ายเข้ามาอย่างราบรื่น มิเช่นนั้นพวกเราไม่มีทางเจาะค่ายกลสำนักอู๋จี๋ได้เลย
เจียงสือเก่งกาจจริงๆ ค่ายกลที่ออกแบบมาละเอียดอ่อนมาก แรงกำลังข้าคนเดียวไม่มีทางเจาะเข้ามาได้ แรงกำลังผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่สามารถเจาะเข้ามาได้”
หลิงอวี้จื้อรู้สึกกลัวล่วงหน้า
“เช่นนั้นอันตรายมากจริงๆ”
“อวี้จื้อ เหตุใดเจ้าถึงมาอำเภอฉางหนิง เจ้าก็รู้ว่าคราวนี้อันตรายเพียงใด”
“ข้าได้ยินว่าท่านหายตัวไป ดังนั้นจึงมาหาท่าน อาเหยี่ยน ข้ากลัวจริงๆ ครั้งนี้ถือว่าเรามาสำนักอู๋จี๋ด้วยกัน ต่อไปมีอะไรท่านต้องบอกข้าก่อน อย่าจงใจแสดงละครกับหญิงอื่นอีก ข้ารับไม่ได้แล้ว”
หลิงอวี้จื้อพูดจบก็กุมมือเซียวเหยี่ยน มือของเขาเย็นเป็นน้ำแข็ง แต่มีตาปลาหนาๆ
เซียวเหยี่ยนรู้ว่าข่าวเหล่านี้มีคนจงใจเปิดเผยให้หลิงอวี้จื้อรับรู้ ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ได้แพร่งพรายออกไปจากทางเซียวเหยี่ยนแน่นอน
——
[1] อุบายเมืองร้าง (空城计) เป็นอุบายการรบอย่างหนึ่งในเรื่องสามก๊ก ในยามศึกสงคราม หากกำลังทหารไพร่พลเกิดความอ่อนแอหรือมีกำลังน้อย อาจใช้อุบายนี้เพื่อจงใจแสดงให้ศัตรูเห็นว่ามิได้มีการวางแนวป้องกันการรบ ทำให้ศัตรูเกิดความฉงนสนเท่ห์ ไม่กล้าผลีผลามนำกำลังเข้าบุกโจมตี เพราะไม่แน่ใจว่าไม่มีกองกำลังทหารจริงหรือมีกำลังทหารซุ่มอยู่