ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด - ตอนที่ 354 หวาดกลัวเข้ากระดูก / ตอนที่ 355 เซียวเหยี่ยนผู้ทนพิษบาดแผลไม่ไหว
- Home
- ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด
- ตอนที่ 354 หวาดกลัวเข้ากระดูก / ตอนที่ 355 เซียวเหยี่ยนผู้ทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ตอนที่ 354 หวาดกลัวเข้ากระดูก
ทุกครั้งที่เขาออกจากเมืองหลวง ต้องมีคนใช้ทุกวิถีทางเพื่อส่งเขาถึงที่ตาย คราวนี้ลากหลิงอวี้จื้อเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คนผู้นั้นต้องเป็นมู่หรงกวานเย่ว์แน่นอน หากไม่ได้พบมู่หรงกวานเสวี่ยเข้า เขาก็ไม่รู้เลยว่ามู่หรงกวานเย่ว์กับสำนักอู๋จี๋ยังมีความสัมพันธ์กัน
“ไม่มีคราวหน้าอีกแล้ว อวี้จื้อ ขอโทษด้วย สำนักอู๋จี๋อันตรายเหลือเกิน ข้าคิดแค่อยากให้เจ้าออกไป เช่นนี้ข้าจึงวางใจได้”
หลิงอวี้จื้อถลึงตาใส่เซียวเหยี่ยน
“ท่านไปไหว้ฟ้าดินกับหญิงอื่นเสียแล้ว ข้าจะสงบใจได้อย่างไร คราวนี้ข้าให้อภัยท่าน หากยังมีคราวหน้าอีก ข้าจะไม่ยกโทษให้ท่านอีกแน่นอน”
“คนที่ไหว้ฟ้าดินกับข้าคือเจ้า”
“ท่านรู้ว่าเป็นข้าหรือ”
“เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร”
“หากไม่ใช่ข้า ท่านจะไหว้ฟ้าดินหรือไม่”
“อวี้จื้อ ข้าเริ่มเจ็บแผลเล็กน้อยแล้ว”
เซียวเหยี่ยนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แผนของเขาจำเป็นต้องไหว้ฟ้าดินก่อนถึงจะดำเนินการต่อไปได้
สิ่งที่เขาพอจะรับปากได้ก็คือเขาจะไม่เข้าห้องหอแน่ สำหรับเขา ทุกอย่างนี้ล้วนปลอม เขาไม่ได้ใส่ใจสักเท่าใด หากหลิงอวี้จื้อไม่มาเห็นเข้า เขาก็ไม่คิดจะบอกหลิงอวี้จื้อ
“อาเหยี่ยน ท่านอย่าพูดอีกเลย ท่านพิงไหล่ข้าพักผ่อนสักหน่อย พวกเราใกล้จะถึงแล้ว นางมู่หรงกวานเสวี่ยตัวดี นึกไม่ถึงว่าจะลงมือหนักเช่นนี้”
เมื่อเซียวเหยี่ยนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หลิงอวี้จื้อก็ลืมว่าเพิ่งถามอะไรไปจริงๆ กุมมือเซียวเหยี่ยนด้วยความเป็นห่วงยิ่ง ตอนนี้ยังอยู่บนถนน นางก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ภาวนาให้เข้าตัวอำเภอไปเร็วๆ หน่อย
ถึงแม้เจียงสือจะรู้สึกถึงความผิดปกติ พวกเขาก็ออกจากสำนักอู๋จี๋ไปแล้ว รอบกายยังมีทหารส่วนตัวคอยคุ้มกันอีกสองร้อยคน เจียงสือก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้ ทำได้เพียงโมโหตีอกกระทืบเท้าเท่านั้น
มั่วชิงกับชุนเหนียงนั่งอยู่บนรถม้าอีกคัน ชุนเหนียงอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด ปิดซ่อนความยินดีปรีดาบนใบหน้าไว้ไม่มิด แม้ฝันนางก็ไม่เคยคิดฝันว่าชีวิตที่เหลืออยู่ยังจะมีโอกาสได้ออกไปจากสำนักอู๋จี๋
“นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเจ้าคือมั่วชิง ตอนที่เจ้าออกจากสำนักอู๋จี๋ไปข้าเพิ่งจะเข้ามาสำนักอู๋จี๋ได้ไม่นาน ตอนนั้นข้ารู้ว่าเจ้าสำนักให้ความสำคัญเจ้ามากที่สุด นางเอ่ยถึงเจ้าให้ข้าฟังหลายครั้งว่าเจ้ามีพรสวรรค์สูงมาก และนางก็หวังกับเจ้าไว้สูงมาก
ต่อมาได้ยินว่าเจ้าไปอยู่ที่ใดไม่แน่ชัด ข้ายังอิจฉาเจ้าอยู่เลย ในที่สุดเจ้าก็หลุดพ้นไปได้ หากข้าเป็นเจ้า ทั้งชีวิตนี้คงไม่ย่างเท้าเข้ามาในสำนักอู๋จี๋อีก”
บางทีคนอื่นอาจจะไม่เข้าใจความหวาดกลัวของมั่วชิง แต่ชุนเหนียงกลับเข้าใจอย่างยิ่ง ทำให้นางยอมปรนนิบัติผู้หญิงอย่างไม่กล้าต่อต้าน ทุกคนในสำนักอู๋จี๋แทบทุกคนหวาดกลัวเจ้าสำนักเข้ากระดูก
วิธีต่างๆ ที่เจียงสือใช้ทรมานมั่วชิงในตอนนั้น หวนกลับมาให้ชุนเหนียงเห็นชัดเจนอีกครั้ง สับคนในครอบครัวจนกลายเป็นซอสเนื้อต่อหน้าต่อตานาง และบังคับนางให้กิน
แกะสลักลวดลายดอกไม้บนตัวมั่วชิง เลือดไหลอาบทั่วตัว แถมยังสาดน้ำเกลือใส่ แล้ววางหนอนกินเนื้อลงไปบนบาดแผลให้มันตอดกิน วิธีการโหดร้ายต่างๆ นานาที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่บนโลกใบนี้ ผลัดทยอยกันออกมาแสดง จะตายก็ไม่ได้จะอยู่ก็ไม่รอด หากนางเป็นมั่วชิง นางคงถูกทรมานจนเป็นบ้าไปแล้ว
มั่วชิงที่อยู่ตรงหน้านี้นิ่งสงบมาก ราวกับไม่เคยผ่านพ้นประสบการณ์เลวร้ายเหล่านี้ นางเองก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้กับใคร
“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ข้าก็เคยคิดว่าตลอดชีวิตนี้จะไม่มาเหยียบย่ำสำนักอู๋จี๋อีก อยากจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างให้สิ้น แม้แต่จะคิดก็ไม่กล้า ไปสำนักอู๋จี๋มาคราวนี้ ข้ากระจ่างแจ้งแล้ว ข้ารู้ว่าเพียงว่าแค่ข้าเอาชนะความหวาดกลัวได้ วันหนึ่งข้าก็จะมีโอกาสได้ฆ่าเจ้าสำนักด้วยมือของข้าเอง แก้แค้นให้ญาติๆ ของข้าที่ตายไปแล้ว”
ชุนเหนียงพิงรถม้า พูดด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“มั่วชิง เจ้าต้องระวัง ท่านอ๋องเป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา พวกเราสองคนนับว่าได้หลุดพ้นจากสำนักอู๋จี๋โดยสิ้นเชิงแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถใช้ชีวิตดีๆ หากฆ่าเจ้าสำนักได้ก็ยิ่งดี แต่ถ้าฆ่าไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน การมีชีวิตอยู่สำคัญที่สุด”
“จากนี้ไปเจ้ามีแผนจะทำอะไรต่อหรือ”
ตอนที่ 355 เซียวเหยี่ยนผู้ทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ก่อนนี้มั่วชิงก็ไม่ชอบชุนเหนียง ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกันมาก
ชุนเหนียงชอบแต่งตัวสวยงามเฉิดฉาย ประกอบกับชอบพูดจาทิ่มแทง ทำให้ใครๆ พากันไม่ชอบ ที่สำคัญที่คือนางประจบเอาใจผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อความดีความชอบ นี่ทำให้ผู้หญิงคนอื่นดูถูกนางอย่างยิ่ง รู้สึกว่าชุนเหนียงทำให้ผู้หญิงขายหน้า
ไปสำนักอู๋จี๋มาคราวนี้ นางจึงได้พบว่าชุนเหนียงก็เป็นคนที่น่าเวทนาคนหนึ่ง นางทำเรื่องที่ทำให้คนอื่นดูแคลนก็เพื่อเอาตัวรอด พวกนางสามารถอาศัยความสามารถเพื่อเป็นที่โปรดปราน ชุนเหนียงได้แต่แสดงตัวตนอย่างนั้นไป นี่เป็นชะตาชีวิตที่เจียงสือจัดไว้ให้นาง
ชุนเหนียงมองไปข้างหน้าด้วยความหวังพลางพูดว่า
“ออกไปแล้วข้าคิดเพียงแต่จะแต่งงานกับผู้ชายธรรมดาๆ จากนั้นมีลูก มีชีวิตเรียบๆ ง่าย ๆ”
ตอนนี้นางอายุเพียงยี่สิบปีต้นๆ หากออกมาจากสำนักอู๋จี๋ ยังสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งได้ ชีวิตก่อนหน้านี้ ก็ถือเสียว่าเป็นเพียงฝันร้ายช่วงหนึ่ง นางสามารถปิดบังชื่อแซ่ไปใช้ชีวิตที่ชนบทได้
“เช่นนี้ดีทีเดียว ชุนเหนียง ต่อไปหวังว่าเจ้าจะมีความสุข เรื่องราวเมื่อก่อนนี้อะไรควรลืมก็ลืมไปเสียเถิด! เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้ายังเป็นสาวรุ่น ยังสามารถเริ่มต้นใหม่ได้”
ชุนเหนียงพยักหน้าอย่างแรง ปิดปากยิ้มพลางพูดว่า
“ข้าเป็นคนหน้าด้านอยู่แล้ว มิเช่นนั้นคงจบชีวิตตนเองไปตั้งนานแล้ว”
มั่วชิงไม่ได้พูดอะไรอีก นางกับชุนเหนียงไม่เหมือนกัน ชีวิตนี้นางไม่มีความคิดจะแต่งงาน คิดว่าจะอยู่กับหลิงอวี้จื้อไปตลอดชีวิตเพื่อตอบแทนบุญคุณที่เซียวเหยี่ยนช่วยชีวิตนางไว้ มีชีวิตเช่นนี้ นางก็พอใจแล้ว
รถม้าเข้าเมืองอำเภอฉางหนิงไปก่อนฟ้ามืด มู่หรงนี่อวิ๋นรออยู่ที่ประตูเมืองนานแล้ว เขามองไปทุกทิศทาง พอเห็นพวกหลิงอวี้จื้อเข้าเมืองมา ก็รีบวิ่งมาทันที ขวางรถม้าไว้ แง้มม่านพลางพูดว่า
“ในที่สุดพวกเจ้าก็มา ข้าร้อนในแทบตายอยู่แล้ว”
“เจ้าขึ้นมาก่อนค่อยพูด”
เสียงของหลิงอวี้จื้อลอยออกมาจากข้างหลังม่าน
มู่หรงนี่อวิ๋นขึ้นรถม้า เห็นเซียวเหยี่ยนปิดตาทั้งสองข้าง ร่างกายทั้งคู่มีแต่เลือด ก็รู้สึกกังวลในใจทันที
“พวกเจ้าได้รับบาดเจ็บแล้วหรือ”
“ข้าไม่เป็นอะไร อาเหยี่ยนต่างหากที่บาดเจ็บ เจ้าพูดเบาๆ หน่อย อย่าทำเสียงดังรบกวนเขา”
หลิงอวี้จื้อพูดเตือนเสียงเบา จากนั้นก็ถามอีกว่า
“เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“พอข้าออกมาจากสำนักอู๋จี๋แล้วก็พบเข้ากับอู่จิ้น เขาให้ข้ารอที่นี่ ข้าเช่าบ้านในเมืองมาได้หลังหนึ่ง หมอก็เชิญมาแล้ว รออยู่ในบ้านแล้ว ข้ารู้ว่าในบรรดาพวกเจ้าคงมีคนได้รับบาดเจ็บ นึกไม่ถึงว่าคนเจ็บจะเป็นท่านอ๋อง”
หลิงอวี้จื้ออดยกนิ้วให้ไม่ได้
“ทำได้ยอดเยี่ยมมาก”
นึกไม่ถึงว่ามู่หรงนี่อวิ๋นจะเป็นคนละเอียดมาก ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนจะเจ้าสำราญไปหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นคนหนุ่มที่ดีทีเดียว ต่อไปหญิงสาวคนใดที่ได้แต่งงานกับเขา นับว่าแต่งไม่ผิดคน
หลิงอวี้จื้อสั่งคนบังคับรถม้าให้ไวกว่านี้หน่อย เมื่อถึงบ้านพักที่มู่หรงนี่อวิ๋นเช่าไว้แล้ว พวกเขาก็พาเซียวเหยี่ยนเข้าห้องทันที หมอที่มู่หรงนี่อวิ๋นเชิญมาคอยอยู่ข้างๆ ตรวจสอบบาดแผลและชีพจรของเซียวเหยี่ยนอย่างไวที่สุด
หลิงอวี้จื้อยืนกระวนกระวายอยู่ข้างๆ คอยชะเง้อคอมองไปทางเซียวเหยี่ยนไม่หยุด และไม่กล้าส่งเสียงรบกวนหมอ หัวใจเต้นรัวเร็วเป็นพิเศษ ราวกับจะกระดอนออกมาจากลำคอ
หมอหลัวขมวดคิ้ว สีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด เห็นเขาแสดงท่าทางเช่นนั้น หลิงอวี้จื้อก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่เป็นมงคล รีบซักถาม
“ท่านหม่อ อาเหยี่ยนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“แม่นาง คุณชายท่านนี้อาการบาดเจ็บสาหัสมาก กระบี่แทงทะลุท้อง อวัยวะภายในเป็นแผล ซ้ำยังเสียเวลานานเกินไป ถึงแม้จะห้ามเลือดไว้ แต่ก็ยังเสียเลือดมากเกินไป ตอนนี้ชีพจรอ่อนแรง จะสิ้นลมเมื่อใดก็ได้”
“หา…”
หลิงอวี้จื้ออึ้งไป ก่อนหน้านี้เซียวเหยี่ยนยังดูเหมือนจะยังดีอยู่ ประกอบกับเซียวเหยี่ยนกดจุดลมปราณแล้ว นางไม่รู้ว่าการกดจุดลมปราณนั้นอัศจรรย์เพียงใด ยังหลงคิดว่าเซียวเหยี่ยนไม่ได้เจ็บมากจริงๆ