ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด - ตอนที่ 640 จัดการนางด้วยมือตนเอง / ตอนที่ 641 เจ้าเอาความกล้ามาจากไหน
- Home
- ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด
- ตอนที่ 640 จัดการนางด้วยมือตนเอง / ตอนที่ 641 เจ้าเอาความกล้ามาจากไหน
ตอนที่ 640 จัดการนางด้วยมือตนเอง
เมื่อได้ยินว่าจะถูกตบปาก เฉินปี้ก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที “ไม่ทราบว่าหม่อมฉันทำผิดอันใดเพคะ”
“เจ้าล่วงเกินข้า หรือไม่ควรถูกตบปาก” หลิงอวี้จื้อเลิกคิ้วขึ้น แค่นเสียงเย็น ไม่ว่าอย่างไร เธอจะต้องสั่งสอนเฉินปี้สักครั้ง “ใต้เท้าเฉิน คุกเข่าลง”
หลิงอวี้จื้อเอ่ยเสียงเข้ม ฐานะที่สูงส่งเช่นนี้หากไม่ใช้ประโยชน์บ้างคงเสียเปล่า บุญคุณความแค้นระหว่างเธอกับเฉินปี้ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ หากเฉินปี้มีโอกาสก็คงไม่ปล่อยเธอเช่นกัน ในเมื่อเธอมีโอกาสนี้ก่อน เธอก็จะไม่ยอมปล่อยมันไป
เฉินปี้โกรธจนแทบทนไม่ไหว แต่กลับทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่คุกเข่าลงไปอีกครั้ง หลิงอวี้จื้อถอยหลังไปอย่างเชื่องช้า แล้วส่งสัญญาณให้เสี่ยวเตี๋ยลงมือ
แม้ไม่รู้ว่าเหตุใดหลิงอวี้จื้อจึงให้ตบหน้าเฉินปี้ แต่ในเมื่อหลิงอวี้จื้อสั่ง เสี่ยวเตี๋ยก็ไม่ถามให้มากความ นางจึงลงมือตบเฉินปี้ทันที
“ตบต่อไป”
ใบหน้าเฉินอวี้จื้อเผยความเย็นเยือกออกมาวูบหนึ่ง
เสี่ยวเตี๋ยตบต่อไป แต่หลิวอวี้จื้อก็ไม่ได้บอกให้หยุด เสี่ยวเตี๋ยตบเฉินปี้ติดต่อกันนับสิบกว่าครั้ง จนแก้มของนางบวมเป่ง ดวงตาปิดจนแทบเป็นเส้นเดียวกัน ใบหน้าบวมเป็นสุกรแล้ว
เฉินปี้กัดฟันข่มกลั้นไว้ หลิงอวี้จื้อ คอยดูก่อนเถิด
“หยวนเฟย หม่อมฉันไม่มีแรงแล้วเพคะ”
เสี่ยวเตี๋ยสะบัดมือตนด้วยความเจ็บ ตบหน้าคนติดต่อกันนานเพียงนี้ ทำให้นางเจ็บมือไปหมด
เฉินปี้ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น หลิงอวี้จื้อค่อยรู้สึกคลายโทสะขึ้นมาบ้าง เธอย่อตัวลงไปมองเฉินปี้ “ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องแก้แค้นข้าแน่ เจ้าเป็นคนบอกฐานะของข้ากับฮองเฮาใช่หรือไม่ แต่น่าเสียดายที่ฮองเฮากลับไม่เชื่อเจ้า”
“หลิงอวี้จื้อ เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะมีชีวิตออกไปจากวังได้หรือ ไทเฮาไม่ปล่อยเจ้าแน่”
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าไทเฮาไม่ปล่อยข้าแน่ ข้าเพิ่งจะเข้าวังมา พระองค์ก็คิดจะฆ่าข้าแล้ว ถึงตอนนี้จะถูกฝ่าบาทกักบริเวณแต่ความจริงคงกำลังรอโอกาสดีๆ อยู่เป็นแน่”
“พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับพระโอรสผู้นี้ยิ่ง จึงไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของพระองค์กับฮ่องเต้เลวร้ายลงไปกว่านี้อีก เลยเลือกอยู่อย่างสงบ แต่เจ้านั้นไม่เหมือนกัน หากข้าฆ่าเจ้า เจ้าคิดว่าฝ่าบาทจะตำหนิข้าหรือไม่ ไทเฮาจะวิ่งออกมาปกป้องเจ้าหรือไม่ ตอนนี้เจ้าคิดถึงตัวเองก่อนดีกว่า”
หลิงอวี้จื้อพูดจบก็ยิ้มตาหยีแล้วดึงปิ่นปักผมบนศีรษะออกมา แววตาเย็นยะเยือกขึ้นไปทุกขณะ “ในอดีตข้าใจอ่อนเกินไป ทำให้ฟางฮุ่ยหรูมีโอกาสสร้างความเดือดร้อนให้อาเหยี่ยนไม่น้อย ข้าเป็นคนที่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ต่อไปจะไม่ทำตัวเช่นนั้นอีก เฉินปี้ บุญคุณความแค้นระหว่างเราขอให้มันจบเพียงเท่านี้เถิด ข้าจะจัดการเจ้าด้วยมือข้าเอง”
เฉินปี้เบิกตากว้าง หลิงอวี้จื้อตายไปเพียงครั้งแต่เหตุใดถึงกลายเป็นคนใจเ**้ยมเพียงนี้ได้เล่า นางพลันรู้สึกลนลานขึ้นมา “ที่นี่คือวังหลวง เจ้าจะมาทำตามอำเภอใจไม่ได้”
“งั้นเจ้าก็ลองดู”
หลิงอวี้จื้อพูดจบก็ยกปิ่นขึ้นจะแทงเฉินปี้ เฉินปี้ตกใจจนเหงื่อผุดเต็มหน้า นางจึงรีบตะโกนขึ้นว่า “อย่าฆ่าข้าเลย ข้าจะช่วยให้เจ้าออกจากวังเอง ตอนนี้มีเพียงข้าที่ช่วยเจ้าได้”
“เฉินปี้ ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร”
เฉินปี้หยิบป้ายคำสั่งออกมาจากอก “เพราะข้าไม่อยากตายอย่างไรเล่า นี่เป็นป้ายอนุญาตออกนอกวัง เจ้าเอาไปเถิด”
หลิงอวี้จื้อเก็บป้ายนั้นไว้ “ขอบใจ แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่เชื่อเจ้า” พูดจบก็ปักปิ่นลงไปบนคอของเฉินปี้อย่างไม่ปรานีปราศรัย เลือดสดๆ กระเด็นใส่หน้าหลิงอวี้จื้อ เธอพลันนึกถึงภาพตอนที่ตัวเองตายขึ้นมา
เสี่ยวเตี๋ยที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับหวาดผวากับการกระทำของหลิงอวี้จื้อ คิดไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อจะกล้าฆ่าคนในอุทยานหลวง มิน่าเล่าถึงให้คนพามู่หรงเซียงหนานออกไปก่อน
เฉินปี้เบิกตาค้าง เห็นชัดว่าไม่เชื่อว่าหลิงอวี้จื้อจะลงมือต่อนางจริงๆ เลือดสดๆ ไหลออกมาจากลำคอไม่หยุด นางกุมคอตนไว้คิดจะให้เลือดหยุดไหล แต่เลือดสีแดงสดก็ไหลเล็ดลอดออกมาจากนิ้วมือนางอยู่ดี
“เจ้า…เจ้า…”
ตอนที่ 641 เจ้าเอาความกล้ามาจากไหน
หลิงอวี้จื้อลุกขึ้น แล้วยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเลือดบนหน้า อย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฆ่าคน ใจของเธอจึงเต้นเร็วยิ่ง แต่กลับไม่ได้เสียใจในสิ่งที่ตนทำลงไปเลย ทั้งยังก้มมองเฉินปี้อย่างเฉยชา “ข้าจะไม่ปล่อยตัวอันตรายไว้อีกแล้ว เฉินปี ข้ารู้ว่าเจ้าคิดจะฆ่าข้า แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้ามีโอกาสนั้นอีกได้อย่างไร”
เธอเป็นคนที่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อได้กลับมามีชีวิตอีก เธอก็จะไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ แต่จะไม่ปล่อยตัวอันตรายพวกนั้นไว้อีกแล้ว
เธอไม่อยากตายอีก ไม่อยากจากเซียวเหยี่ยนไปอีกแล้ว ในเมื่อเส้นทางที่เลือกมันเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด งั้นอันดับแรกเธอก็ต้องละทิ้งความเห็นใจที่มีต่อคนเลวทั้งหลายไปเสีย
เธอไม่อยากทำให้เซียวเหยี่ยนต้องลำบากอีกแล้ว
เสี่ยวเตี๋ยยังคงอึ้งงันอยู่ “หยวนเฟย…”
“กลับเถิด”
หลิงอวี้จื้อดูเป็นปกติยิ่ง แต่ในใจกลับตึงเครียดไม่น้อย เธอหมุนกายจากไปโดยไม่ได้มองเฉินปี้ที่นอนอยู่บนพื้นอีก เสี่ยวเตี๋ยนิ่งอยู่นานจึงมีสติคืนมา แล้วรีบตามหลิงอวี้จื้อไป
หลังจากหลิงอวี้จื้อไปแล้ว บ่าวไพร่ที่ตามเฉินปี้มาก็เข้าไปล้อมวงดู พวกนางไม่อยากจะเชื่อว่าเฉินปี้จะถูกหยวนเฟยสังหารในอุทยานหลวงได้ นี่มันช่างสยดสยองเสียจริง หากไม่เห็นกับตา คงไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้แน่
พวกนางเจ็ดแปดคนพาเฉินปี้กลับ และมีคนไปทูลฮองเฮารวมทั้งเชิญหมอหลวงมาด้วย
เลือดที่คอของเฉินปี้ไหลไม่หยุด เลือดสีแดงสดนองกระจายเต็มพื้น
บาดแผลของนางอยู่ที่ลำคอ จึงทำให้พูดไม่ได้ นางรู้สึกแค้นจนแทบทนไม่ไหวแล้ว นางพยายามรักษาชีวิตตนเองเอาไว้ จนมีวันนี้ ทั้งที่นางเป็นได้หัวเราะคนสุดท้าย แต่กลับต้องมาพบกับหลิงอวี้จื้อที่ฟื้นกลับมาอีกครั้ง ทั้งยังตายด้วยน้ำมือหลิงอวี้จื้ออีก หากตายเช่นนี้แม้เป็นผีนางก็ไม่ยอมรามือเด็ดขาด
สติของเฉินปี้เริ่มเลือนรางลงไปทุกที นางจึงหมดสติไปพร้อมกับความรู้สึกไม่ยินยอม
หลังจากกลับถึงศาลาฟังฝน หลิงอวี้จื้อก็ล้างหน้าแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ หากคาดไว้ไม่ผิด ไม่นานก็จะมีคนมาหาเธอ เธอจึงเลือกที่จะนั่งรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เพื่อดูว่าคนที่มาหาเธอเป็นคนแรกจะเป็นใคร
เธอกล้าทำถึงเพียงนี้เพราะมั่นใจว่าเฉินม่อฉือจะไม่ทำอะไรเธอ เพราะเฉินม่อฉือไม่ได้สนใจความเป็นความตายของเฉินปี้อยู่แล้ว
ในเมื่อมีโอกาสดีๆ เช่นนี้ หากไม่ใช้คงน่าเสียดาย เฉินปี้รู้ฐานะของเธอ คงต้องลงมือกับเธอสักวันแน่
รออยู่นานก็ไม่เห็นผู้ใดมา แต่คนที่มากลับเป็นเฉินม่อฉือ
“เฉินปี้ตายหรือไม่”
หลิงอวี้จื้อเอ่ยถามคำแรกเมื่อเห็นหน้าเฉินม่อฉือ
“เจ้าช่างเหิมเกริมนัก ถึงกลับกล้าสังหารคนในอุทยานหลวงกลางวันแสกๆ อวี้จื้อ เจ้าไปเอาความกล้ามาจากที่ใด” เมื่อเห็นหลิงอวี้จื้อ เฉินม่อฉือก็เอ่ยตำหนิยกใหญ่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“พระองค์เป็นคนมอบให้หม่อมฉันเองไม่ใช่หรือ” หลิงอวี้จื้อย้อนถาม “หม่อมฉันกับเฉินปี้เป็นศัตรูกัน เมื่อบังเอิญพบกัน หม่อมฉันจึงเผลอลงมือไป ตอนนี้หม่อมฉันอยากรู้ว่าเฉินปี้ตายหรือยังเพคะ”
“ยังไม่ตาย แต่ต่อไปคงพูดไม่ได้แล้ว ตอนนี้พักอยู่ที่ตำหนักฉางเล่อ”
เฉินม่อฉือไม่ได้เห็นความตายของเฉินปี้อยู่ในสายตาจริงๆ ด้วย เขาเพียงสงสัยว่าเฉินอวี้จื้อไปเอาความกล้ามาจากที่ไหน ถึงกลับกล้าสังหารคนต่อหน้าบ่าวไพร่ เขาต้องเสียเวลาอยู่เป็นนานกว่าจะทำให้เรื่องนี้เงียบไปได้
สตรีผู้นี้มีเหิมเกริมเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ต่อให้แค้นเฉินปี้ก็ไม่จำเป็นต้องกระทำอย่างโจ่งแจ้งเพียงนี้
เมื่อได้ยินว่าเฉินปี้ยังไม่ตาย หลิงอวี้จื้อก็รู้สึกผิดหวังยิ่ง
อย่างไรก็เป็นครั้งแรกที่เธอทำเรื่องเช่นนี้ นับเป็นมือใหม่มากๆ ไม่รู้ว่าแทงไม่ถูกจุดชีพจรหรือเฉินปี้ดวงแข็งกันแน่ ครั้งนี้นางไม่ตาย เช่นนั้นคงต้องกลับมาเอาคืนแน่ ตอนนี้นางอยู่ในมือมู่หรงหวานเยว่ หากคิดจะลงมืออีกเป็นไปไม่ได้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ