ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด - ตอนที่ 696 ต้องช่วยเซียงหนาน / ตอนที่ 697 เซียงหนานผู้ไม่พูดอีกต่อไป
- Home
- ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด
- ตอนที่ 696 ต้องช่วยเซียงหนาน / ตอนที่ 697 เซียงหนานผู้ไม่พูดอีกต่อไป
ตอนที่ 696 ต้องช่วยเซียงหนาน
เซียงหนานเป็นหลายชายแท้ ๆ ของนาง เหตุใดนางต้องลงมือกับเซียงหนานเพื่อบีบบังคับเธอ
หลิงอวี้จื้อข่มใจตัวเองให้สงบลง หยิบจดหมายขึ้นมาจากพื้น เปิดจดหมาย ในนั้นเป็นลายมือของมู่หรงกวานเย่ว์จริง ๆ
หลิงอวี้จื้ออ่านจดหมายจบอย่างเร็ว จากนั้นก็ขยำจดหมายในมือเป็นก้อน แล้วปาลงพื้นอย่างแรง
“คนบ้าประสาทกลับแท้ ๆ นึกไม่ถึงว่าจะลงมือกับเด็กเล็ก นางทำลงได้อย่างไรกัน”
“พระชายา ในจดหมายไทเฮาว่าอย่างไรบ้างเพคะ”
“จะเป็นอะไรได้อีก ก่อนหน้านี้นางต้องการแผนที่กองทัพ ตอนนี้ต้องการข้า นางต้องการให้ข้าไปฮุ่ยโจวเพื่อแลกกับเซียงหนาน ตอนนี้นางตัดหูเซียงหนานไปแล้วข้างหนึ่ง ต่อไปไม่รู้ว่านางยังทำอะไรได้อีก”
ได้ยินหลิงอวี้จื้อบอกว่าต้องไปฮุ่ยโจว มั่วชิงก็รีบคุกเข่าห้ามปราม
“พระชายา นี่เป็นกับดัก ท่านอย่าไปเด็ดขาด ฮุ่ยโจวเป็นชายแดนของแคว้นเว่ยตะวันตก เมื่อใดที่ท่านเหยียบฮุ่ยโจว ก็ยากที่จะออกมาได้”
“นางจำกัดให้ข้าไปถึงฮุ่ยโจวภายในสิบวัน มิเช่นนั้นจะตัดหัวเซียงหนานมาให้ ฮุ่ยโจวไกลจากที่นี่พอสมควร หากพวกเราต้องรีบไปถึงฮุ่ยโจวภายในสิบวัน ก็ควรจะออกเดินทางตอนนี้เลย
มั่วชิง เซียงหนานเป็นลูกชายคนเดียวของนี่อวิ๋น ข้าจะไม่ยุ่งกับความเป็นความตายของเขาไม่ได้ ข้ารู้แผนของนาง นางอยากใช้ข้าบีบบังคับอาเหยี่ยน ใช้สิ่งนี้เขย่าปณิธานในการรบของอาเหยี่ยนให้หวั่นไหว
ศัตรูใหญ่อยู่ตรงหน้า สิ่งที่ต้องห้ามที่สุดคือการทำให้ปณิธานในการรบสั่นไหว หากอาเหยี่ยนรีบถอยทัพเพื่อช่วยข้า ก็รังแต่จะเสียปณิธานในการรบไป เจ้าวางใจเถิด ข้าจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเด็ดขาด มั่วชิง เจ้าไปกับข้าเถิด”
มั่วชิงยังอยากกล่อมต่อ
“เรื่องนี้อันตรายเกินไป พระชายาต้องคิดให้ถี่ถ้วนนะเพคะ”
“พวกเรามีก้าวไหนไม่อันตรายบ้าง อาเหยี่ยนไปรบไม่อันตรายหรือ”
หลิงอวี้จื้อยิ้มอย่างไม่ยี่หระ
“ต้องมีเรื่องที่เรารู้ดีว่าอันตรายแต่ก็ต้องทำเสมอ ไม่สามารถเก็บตัวเองไว้ในบ้านไม่ออกไปไหนเพียงแค่เพราะความกลัว
ข้าจะพยายามปกป้องตนเองสุดความสามารถ ถึงแม้จะปกป้องไม่ได้ ข้าก็จะไม่ยอมให้แผนของมู่หรงกวานเย่ว์สำเร็จ ข้าเป็นหนี้ชีวิตนี่อวิ๋น เรื่องเหล่านี้มิได้เกี่ยวอะไรกับเซียงหนานเลย คราวนี้เกี่ยวกับความเป็นความตายของเขา ข้าไม่ยุ่งไม่ได้
มั่วชิง ไปเก็บของ พวกเราออกเดินทางทันที อย่าให้เรื่องนี้ทำให้ท่านอ๋องตกใจ เพื่อไม่ให้เขาวอกแวก มีดดาบฟันคนไม่เลือก ข้าไม่อยากให้เขากังวลใจเพราะข้า”
เห็นหลิงอวี้จื้อยืนกรานจะไปฮุ่ยโจว มั่วชิงก็ไม่ห้ามอีก รับคำว่า
“ได้เพคะ ข้าน้อยจะไปเก็บของ ต่อให้กระดูกแตกร่างแหลกเหลว ข้าน้อยก็จะคุ้มกันภัยให้พระชายาเป็นอย่างดี”
“เตรียมส่งคนแอบตามพวกเราไปด้วย ถึงเวลาจะได้ใช้งาน ไม่ต้องปรากฏตัวให้เห็นทั้งหมด”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้วเพคะ”
“ตอนนี้ข้าจะเขียนจดหมาย เจ้าให้คนส่งไปให้มู่หรงหง ข้าไม่เชื่อว่าเขาไม่อาลัยอาวรณ์เซียงหนาน ได้ยินว่ามู่หรงหงรักใคร่เอ็นดูหลานคนนี้ที่สุดแล้ว นี่เป็นหลานเพียงคนเดียวของเขา เกรงว่าเขาคงยังไม่รู้เรื่องนี้”
“เพคะ”
หลิงอวี้จื้อสั่งการเสร็จก็รีบไปเขียนจดหมาย เขียนเสร็จแล้วก็เอาจดหมายให้มั่วชิง เปลี่ยนไปสวมชุดผู้ชาย ร่างกายนี้สูงกว่าร่างกายก่อนหน้า และดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ด้วยเหตุนี้เวลาแต่งเป็นผู้ชายจึงดูเหมือนขึ้นมาสักหน่อย ไม่ถึงขั้นที่เห็นแวบเดียวก็ดูออก
มั่วชิงเอาจดหมายไปส่งแล้ว สองคนก็ขึ้นรถม้าที่ประตูหลัง ออกจากจวนเซียวอ๋อง มุ่งหน้าไปทางฮุ่ยโจว
ขณะที่หลิงอวี้จื้ออยู่ระหว่างทางมุ่งหน้าไปฮุ่ยโจว มู่หรงกวานเย่ว์ก็ถึงฮุ่ยโจวนำหลิงอวี้จื้อไปก้าวหนึ่ง
เซียวเหยี่ยนนำทัพโจมตีอย่างเป็นทางการ มั่วฉือก็เตรียมการต่าง ๆ ในเมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว ไม่สนเรื่องการคุ้มกัน เลือกวิธีฮ่องเต้นำทัพด้วยตนเอง เขาต้องการเอาชนะเซียวเหยี่ยนในสนามรบให้เห็นจะ ๆ ต่อกรกับเขาตัวต่อตัว ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ข่าวว่ามู่หรงกวานเย่ว์ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว
ตอนที่ 697 เซียงหนานผู้ไม่พูดอีกต่อไป
ภายในคฤหาสถ์เรียบ ๆ ที่ฮุ่ยโจว มู่หรงกวานเย่ว์สวมชุดสุภาพยืนอยู่ข้างหน้าหน้าต่าง มองออกไปยังท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิด เงียบอยู่นาน
ออกจากเมืองหลวงคราวนี้ นางไม่ได้บอกใคร จากมาอย่างเงียบ ๆ
หากบอกเฉินมั่วฉือ เขาต้องห้ามนางแน่นอน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลิงอวี้จื้อ นางรู้ว่าเฉินมั่วฉือทำเองไม่ไหว ด้วยเหตุนี้จึงลงมือเอง และไม่ได้คิดจะให้เฉินมั่วฉือรู้
“ไทเฮาเพคะ ข้างนอกลมแรง ปิดหน้าต่างนะเพคะ!”
เห็นมู่หรงกวานเย่ว์เปิดหน้าต่างไว้ตลอด จื่ออีก็เข้าไปหาอย่างนอบน้อม และอดไม่ได้ที่จะเตือนสักคำ
อากาศเดือนห้า กลางวันอบอุ่นมาก แต่กลางคืนกลับค่อนข้างหนาว มู่หรงหวานเย่ว์ยังคงไม่ปิดหน้าต่าง ปล่อยให้ลมหนาวเย็นปะทะหน้า ถามว่า
“เซียงหนานเป็นอย่างไรบ้าง”
จื่ออีลังเลสักครู่ถึงตอบว่า
“คุณชายน้อยยังไม่พูดจาเช่นเดิม และไม่ทานอะไรด้วย วันนี้ทั้งวันทานเพียงหมั่นโถวลูกเดียวเพคะ”
“เราจะไปดูเขาหน่อย”
มู่หรงกวานเย่ว์ถอนหายใจเบา ๆ ยื่นมือออกไปปิดหน้าต่าง เดินผ่านระเบียงทางเดินยาว ๆ ไปอีกห้องหนึ่ง
ประตูห้องมีทหารยามเฝ้าอยู่สองคน เห็นมู่หรงกวานเย่ว์มา ก็พากันคารวะ
“ไทเฮา”
คนเหล่านี้เป็นทหารยามคนสนิทของมู่หรงกวานเย่ว์ นางจัดทหารยามไว้ทั่วฮุ่ยโจวอย่างหนาแน่น ขอเพียงหลิงอวี้จื้อย่างกรายเข้ามาในฮุ่ยโจว ก็ไม่มีทางออกไปจากฮุ่ยโจวได้ ทหารรักษาการณ์ที่ฮุ่ยโจวก็เป็นคนของมู่หรงกวานเย่ว์ นางเลือกมาเองกับมือ ดังนั้นนางจึงเลือกสถานที่นัดพบเป็นฮุ่ยโจว
หลายปีมานี้มู่หรงกวานเย่ว์มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารบ้านเมืองมาตลอด มีขุนนางข้าราชบริพารมากมายที่ภักดีต่อนาง ทหารรักษาการณ์ที่ฮุ่ยโจวก็ซื่อสัตย์ภักดีต่อนาง สิ่งที่นางต้องการคือไม่ให้หลิงอวี้จื้อหนีรอดไปได้
มู่หรงกวานเย่ว์พยักหน้าแล้วเข้าไปในห้อง ในห้องจุดตะเกียงน้ำมันอยู่ เด็กน้อยคนหนึ่งขดตัวอบู่บนเตียง กอดเข่าขดตัวเป็นก้อน หูข้างซ้ายของเขาพันผ้าพันแผลสีขาวเอาไว้ เทียบกับเมื่อก่อน เขาผอมลงมาก ดวงตากลมโตคู่นั้นไม่มีชีวิตชีวา มีแต่ความหวาดกลัว
“เซียงหนาน เหตุใดเจ้าไม่กินอะไรอีกแล้ว”
มู่หรงกวายเย่ว์เข้าไปหา น้ำเสียงอ่อนโยนมาก นางรู้ว่านางทำผิดต่อเด็กคนนี้ แต่นางก็ต้องแข็งใจทำ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย นางต้องยอมทิ้งเด็กคนนี้ หากเขายังมีชีวิตต่อไปได้ นั่นก็คือบุญของเขา
ได้ยินเสียงมู่หรงกวานเย่ว์ มู่หรงเซียงหนานก็ยิ่งหวาดกลัว สั่นสะท้านไปทั้งตัว เขาไม่เข้าใจว่าป้าที่เคยรักและเมตตาต่อเขา กลายเป็นคนน่ากลัวขนาดนี้ได้อย่างไร
มู่หรงกวานเย่ว์นั่งข้างเตียง ยื่นมือออกไปลูบหัวมู่หรงเซียงหนาน เห็นร่างกายของมู่หรงเซียงหนานสั่นรุนแรงขนาดนั้น นางก็เก็บมือกลับไป
“กินอะไรหน่อยเถิด”
มู่หรงเซียงหนานยังคงไม่พูดจาเช่นเดิม ตั้งแต่มู่หรงกวานเย่ว์ส่งคนมาตัดหูเขาแล้ว มู่หรงเซียงหนานก็ไม่พูดอะไรอีกเลย ขดตัวอยู่บนเตียงทุกวัน กลัวคนมาก หากไม่หิวสุดขีด เขาก็ไม่ยอมกินอะไรเลย
มู่หรงเซียงหนานเมื่อก่อนสดใสน่ารัก ใคร ๆ ก็ชอบดวงตากลมโตสีดำคู่นั้น มู่หรงเซียงหนานในตอนนี้หาความสดใสอย่างเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว มีแต่เพียงความระแวงและหวาดกลัว แม้แต่จะพูดก็พูดไม่ได้แล้ว
จื่ออีที่อยู่ข้างหลังมู่หรงกวานเย่ว์ก็นับว่าเห็นมู่หรงเซียงหนานมาตั้งแต่เล็กจนบัดนี้ เห็นมู่หรงเซียงหนานกลายเป็นเช่นนี้ ในใจของนางก็เศร้า นางรู้สึกว่าทำเช่นนี้โหดร้ายเกินไปสำหรับเด็ก เมื่อก่อนทุกคนต่างโอบอุ้มเซียงหนานไว้ในมืออย่างรักใคร่เอ็นดู ตอนนี้ร่วงหล่นลงบนพื้นดินเช่นนี้
“เซียงหนาน พรุ่งนี้พาเจ้าไปเล่นว่าวที่ลานบ้านดีหรือไม่”
มู่หรงกวานเย่ว์เริ่มใจอ่อน นางปล่อยวางเซียงหนานไม่ลง ต้องการเพียงจะชดเชยสักเล็กน้อย
“แม่ ข้าต้องการแม่…”
ในที่สุดมู่หรงเซียงหนานก็เอ่ยปาก หยดน้ำตาไหลร่วงลงมา ร้องไห้จนตัวสั่นสะท้าน