ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด - ตอนที่ 720 บังเกิดข้อพิพาทอีกครั้ง / ตอนที่ 721 เสด็จแม่ไม่เคยเข้าใจหม่อมฉันเลย
- Home
- ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด
- ตอนที่ 720 บังเกิดข้อพิพาทอีกครั้ง / ตอนที่ 721 เสด็จแม่ไม่เคยเข้าใจหม่อมฉันเลย
ตอนที่ 720 บังเกิดข้อพิพาทอีกครั้ง
เมื่อเขากล่าวจบ หลิงอวี้จื้อก็มองเห็นสายตาอันลึกซึ้งจากเขาที่กำลังทอดมองมายังตนเอง นางจึงไอขัดขึ้นเล็กน้อย
“เอ่อ…ฝ่าบาท ข้าจะทำอย่างไรต่อๆ ไปดี? มั่วชิง ยังอยู่ในมือของไทเฮานะสิ”
“ข้าจะไปช่วยนางออกมา”
“จริงหรือเพคะ?”
หลิงอวี้จื้อตาลุกวาว
“เช่นนั้นหม่อมฉันก็ต้องขอบพระทัยฝ่าบาทแทนมั่วชิงด้วย”
“เจ้าเพียงแค่รับปากข้าก็พอ อวี้จื้อ หากว่าเจ้ากล้าคืนคำละก็ นอกเสียจากว่าข้าตาย มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับเซียวเหยี่ยนทุกคน”
วูบหนึ่งที่นางมองเห็นนัยน์ตาของเฉินมั่วฉือสว่างวาบขึ้นอย่างน่ากลัว แววตาเช่นนี้เองที่ทำให้หลิงอวี้จื้อหวาดหวั่นใจยิ่งนัก แต่ว่า นางกลัมิได้เกรงกลัวเฉินมั่วฉือแต่อย่างใด เพราะหากว่าเซียวเยี่ยนพ่ายแพ้ขึ้นมาจริง เช่นนั้นเขาก็ยากที่จะรอดพ้นจากความตายไปได้ ถึงตอนนั้นนางก็ยอมตายพร้อมกันกับเขา
ทว่า คำพูดเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องให้เฉินมั่วฉือรับรู้ หลิงอวี้จื้อจึงเงียบปากลงไม่พูดไม่จาเสียเลย
“เจ้ารีบพักผ่อนเสียเถอะ ที่นี่จะไม่มีใครกล้าแตะต้องเจ้า”
หลิงอวี้จื้อพยักหน้ารับ หลังจากที่เฉินมั่วฉือกลับออกไปจากห้อง หลิงอวี้จื้อก็นอนไม่หลับ นางนั่งจุมปุกอยู่บนเตียง ที่นี่ไม่ปลอดภัยก็จริง แต่เมื่อมีเฉินมั่วฉืออยู่ นางกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิดว่ามู่หรงกวานเย่ว์จะมาทำร้ายอะไรนางได้
บัดนี้เขามิใช่เฉินมั่วฉือเฉกเช่นในอดีตอีกต่อไป แต่กลับเป็นเฉินมั่วฉือที่ต้องการหลุดพ้นจากการควบคุมบงการจากผู้ใหญ่ต่างหาก ซึ่งมู่หรงกวานเย่ว์ไม่เคยเข้าใจในจุดนี้เลย
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เฉินมั่วฉือกำลังร่วมวงหารือในเรื่องยุทธวิธีในการทำสงครามกับแม่บรรดาทัพทั้งหลายอยู่นั้น จู่ๆ มู่หรงกวานเย่ว์ก็เข้ามา เมื่อเห็นมู่หรงกวานเย่ว์เข้ามา ทุกคนต่างก็พากันทำความเคารพทันที
มู่หรงกวานเย่ว์เดินเข้าไปหาเฉินมั่วฉือ ซึ่งเฉินโมฉื่อก็ยังแสดงท่าทางห่างเหินเช่นเดิม
“เสด็จแม่เสด็จมาที่นี่แต่เช้าตรู่เช่นนี้ ทรงมีเรื่องสำคัญอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“พวกเจ้าว่าต่อไป ข้าอยากจะฟังแผนการของแม่ทัพหลินดูเสียหน่อย”
แม่ทัพหลินที่อยู่ ณ ที่นั้นเหลือบมองไปยังเฉินมั่วฉือเล็กน้อย พลันเขาสีหน้าของเขาก็แลดูอึดอัดขึ้นมาในทันใด จะพูดก็ไม่ดี จะไม่พูดอะไรเลยรึก็ไม่ได้ ในท้ายที่สุดบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างเฉินมั่วฉือและมู่หรงกวานเย่ว์ช่างลุ่มลึกยิ่งนัก ซึ่งในจุดนี้บรรดาขุนนางสำคัญในราชสำนักต่างก็มองออก
“เสด็จแม่ นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปกครองบ้านเมือง เสด็จแม่มิบังควรก้าวก่าย เชิญเสด็จกลับไปก่อนจะดีกว่าเรื่องพวกนี้หม่อมฉันจะเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง”
เฉินมั่วฉือตอบปฏิเสธอย่างเย็นชา กล่าวจบก็ยังสั่งการอีกว่า
“ท่านอาจื่ออี ท่านช่วยส่งเสด็จแม่กลับไปพักผ่อนด้วย เดี๋ยวนี้”
“ฮ่องเต้ แม้แต่ฟังข้ายังฟังด้วยมิได้อย่างนั้นหรือ?”
มู่หรงกวานเย่ว์นึกไม่ถึงเลยว่าเฉินมั่วฉือจะขับไล่ตนเองได้ สีหน้าของพระนางสับสนยิ่งนัก ทั้งผิดหวัง ทั้งคาดไม่ถึง และเจือเอาไว้ด้วยความอ่อนล้า นางไม่อยากที่จะโต้เถียงกับเฉินมั่วฉือ แต่บัดนี้เฉินมั่วฉือมีท่าทีห่างเหินกับนางถึงเพียงนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ขอความคิดเห็นจากนางอีกต่อไปเท่านั้น ยังปฏิเสธการที่นางเป็นฝ่ายเอ่ยปากช่วยเหลืออีกด้วย
“วังหลังไม่ควรก้าวก่ายเรื่องราชกิจ ขอเสด็จแม่ทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่างต่อสนมกำนัลทั้งหลายแห่งวังหลังด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงกวานเย่ว์มิได้กล่าวอะไร ตอนนี้บรรยากาศภายในห้องเย็นยะเยือกถึงขีดสุด ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้น ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ทั้งห้องเงียบงันได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจเท่านั้น
เฉินมั่วฉือเองก็ไม่ลดราวาศอดเลยสักนิด ยังดีที่แม่ทัพหลินเอ่ยขึ้นมาทำเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศที่แสนตึงเครียดว่า
“ฝ่าบาท หารือจนเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว หม่อมฉันจะรีบไปจัดการ หม่อมฉันทูลลา”
เมื่อแม่ทัพหลินริเริ่ม คนอื่นจึงค่อยว่าตามกัน ทุกคนถอยออกไปจากห้องหนังสือของเฉินมั่วฉือ ทั้งยังปิดประตูลงกลอน เรียบร้อยด้านในห้องจึงหลงเหลือเพียงเฉินมั่วฉือและมู่หรงกวานเย่ว์เท่านั้น
“มั่วฉือ ข้าเป็นแม่ของเจ้านะ หรือเจ้าคิดว่าข้าจะมีใจคิดร้ายต่อเจ้าได้?”
เฉินมั่วฉือยิ้มเยาะ
“ท่านตาก็เป็นท่านพ่อของเสด็จแม่ แต่เสด็จแม่ก็ยังให้ร้ายท่านจนตายมิใช่หรือ? เสด็จแม่ทรงลงมือเหี้ยมโหดกับญาติพี่น้องของตนเองเพียงนี้ พระองค์ทรงทำเพื่อหม่อมฉันตรงไหนกัน เสด็จแม่ทรงทำเพื่อตัวเองทั้งสิ้น หม่อมฉันไม่อยากเป็นหุ่นเชิดของเสด็จแม่”
“เจ้า…”
คำพูดของเฉินมั่วฉือทำให้มู่หรงกวานเย่ว์โกรธเคืองอย่างที่สุด
“คำพูดเหล่านี้หลิงอวี้จื้อเป็นคนบอกกับเจ้าสินะ”
ตอนที่ 721 เสด็จแม่ไม่เคยเข้าใจหม่อมฉันเลย
“เสด็จแม่จะทรงปฏิเสธหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
มู่หรงกวานเย่ว์ยิ้มออกมา
“ที่ข้าทำทั้งหมดก็เพื่อเจ้าทั้งสิ้น เจ้าคือฮ่องเต้แห่งซีเว่ย มั่วฉือ เจ้ายังคงไม่เข้าใจอยู่ดี หากว่าพ่ายแพ้ นั่นหมายความถึงอะไร”
“หากว่าพ่ายแพ้ เช่นนั้นก็ต้องสังเวยด้วยชีวิตของหม่อมฉัน แต่สำหรับประชาชนของเรามิได้มีความแตกต่างมากมายอะไร ความสามารถของเซียวเหยี่ยนพวกเราต่างก็รู้ดีว่าเขาสามารถเป็นฮ่องเต้ที่ดีคนหนึ่งได้”
“เจ้าพูดเช่นนี้จะมองหน้าฮ่องเต้องค์ก่อนได้อย่างไรกัน? มั่วฉือ ทั้งๆ ที่เจ้ากำชัยชนะอยู่ในมือแล้วแท้ๆ เพราะอะไรเจ้าถึงต้องยกโอกาสทองนั้นใส่พานถวายให้กับศัตรูด้วย ทุกอย่างเพียงเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว เฉินมั่วฉือ เจ้าจะมองหน้าใครได้?”
“ปีนั้นข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าขึ้นครองราชย์จนสำเร็จ หลายปีที่ผ่านมายังคอยช่วยเหลือเจ้าสุดกำลัง หวังเพียงว่าเจ้าจะเป็นฮ่องเต้ที่ปรีชาสามารถ แต่เจ้ากลับลุ่มหลงในผู้หญิงเพียงคนเดียว ถึงกับเห็นแผ่นดินบ้านเมือง เป็นละครเด็กเล่น หากข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าจะไม่เอาไหนเช่นนี้ ข้าควรจะฆ่าเจ้าให้ตายไปเสียตั้งแต่ต้นให้รู้แล้วรู้รอด”
ประโยคสุดท้ายมู่กวานเย่ว์เอ่ยขึ้นแต่ละคำช่างบาดใจเหลือเกิน น้ำเสียงเจ็บช้ำทว่ากลับดุดัน แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานางอาจจะเข้มงวดกับเฉินมั่วฉือไปบ้าง ทว่ากลับมิเคยใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดจากับเฉินมั่วฉือมาก่อน
เฉินมั่วฉือหลบหลีกสายตาของมู่หรงกวานเย่ว์ เอ่ยกล่าวต่อไปว่า
“เสด็จแม่ทรงปล่อยอวี้จื้อและมั่วชิงไปเสียเถิด เสด็จแม่ทำเพื่อหม่อมฉันมามากพอแล้ว หม่อมฉันมิต้องการให้พระองค์ทำอะไรเพื่อหม่อมฉันอีก หม่อมฉันหวังเพียงว่าเสด็จแม่จะเสด็จกลับเมืองหลวง และไม่เข้ามาข้องเกี่ยวเรื่องที่เจี้ยนอันอีก”
“บ่าวของนางเจ้าก็ยังจะช่วย?”
‘ข้าจะสับนางเป็นหมื่นๆ ชิ้น’
มู่หรงกวานเย่ว์เจ็บแค้นหลิงอวี้จื้อยิ่งนัก ผู้หญิงคนนี้ทำให้ชีวิตของพระนางยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด
“หากว่าเสด็จแม่ยังทรงดึงดันที่จะเอาชีวิตมั่วชิงให้จงได้ หม่อมฉันก็ได้แต่ใช้ชีวิตของจื่ออีกูกูมาทดแทนแล้ว”
“มั่วฉือ เจ้า….”
มู่หรงกวานเย่ว์เดินเข้าไปยังเบื้องหน้าของเฉินมั่วฉือ พระนางเอื้อมมือออกไปดึงชายแขนเสื้อเขาเอาไว้ สายตาก็จับจ้องไปที่เขาไม่วางตา คอนสังเกตสีหน้าท่าทางของเขาโดยตลอด
“เจ้าบอกข้ามาสิ ว่าเจ้าชอบนางที่ตรงไหนกัน?”
มู่หรงกวานเย่ว์ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเพราะอะไรเฉินมั่วฉือถึงได้รักชอบหลิงอวี้จื้อนักหนา ซึ่งนางอยากถามคำถามนี้มาตั้งนานแล้ว เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว นางจะต้องถามให้รู้เรื่อง ตกลงแล้วหลิงอวี้จื้อมีดีอะไรถึงให้เฉินมั่วฉืออาลัยอาวรณ์มิเสื่อมคลายเช่นนี้
เฉินมั่วฉือหลบเลี่ยงสายตาของมู่หรงกวานเย่ว์อีกครั้ง สีหน้าเผยพิรุธเล็กน้อย
“เสด็จแม่ หม่อมฉันคือลูกของเสด็จแม่ แต่เสด็จแม่มิเคยเข้าใจลูกเลยสักนิด”
“หม่อมฉันรู้ดีว่าเสด็จแม่ทรงลำบากยากเข็ญ แต่เล็กจนโตเสด็จแม่ทรงฝากความหวังทุกอย่างเอาไว้ที่หม่อมฉัน แต่เสด็จแม่ทรงเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้คือสิ่งที่หม่อมฉันต้องการหรือไม่ หม่อมฉันมีความสุขจริงหรือ?”
“หม่อมฉันไม่เคยคิดอยากที่จะเป็นฮ่องเต้เลย เสด็จแม่ต่างหากที่ผลักดันให้หม่อมฉันขึ้นนั่งยังบัลลังก์นี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เสด็จแม่ทรงเสียสละลงไป มันมิใช่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการเลยแม้แต่น้อย เมื่อตอนที่ยังเยาว์วัยใครๆ ต่างก็บอกว่าหม่อมฉันดื้อรั้น รวมทั้งเสด็จแม่ก็ทรงคิดอย่างนั้นเช่นกัน”
“หม่อมฉันเพียงแค่รังเกียจการที่วันๆ เอาแต่ถูกจำกัดทุกสิ่งอย่างเอาไว้เท่านั้น และก็ในช่วงเวลานั้นก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่หม่อมฉันได้รู้จักกับหลิงอวี้จื้อ นางเรียบง่ายและมีความสุข นางนำพาซึ่งกลิ่นอายแห่งอิสระเสรีที่ทำให้หม่อมฉันต้องการที่สุดมาด้วย ขณะที่หม่อมฉันอยู่กับนาง หม่อมฉันจะรู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุข นี่เป็นความรู้สึกที่หม่อมฉันมิเคยได้สัมผัสมาก่อน หลายปีมานี้ความรู้สึกทุกอย่างของหม่อมฉันถูกจำกัดมาโดยตลอด ไม่เคยรู้เลยว่าความสุขคือสิ่งใด และไม่รู้เช่นกันว่าอิสระคือสิ่งใด”
“นี่เจ้ากลับมิต้องการเป็นฮ่องเต้ มั่วฉือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าในใต้หล้านี้มีคนตั้งเท่าไหร่ที่ต้องการไขว่คว้าคะนึงหาฐานะของเจ้าในตอนนี้”
“หม่อมฉันรู้ดีว่าเกิดในราชวงศ์ไม่มีทางเลือกมากนัก ดังนั้นหม่อมฉันจึงมิเคยเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้กับเสด็จแม่เลยสักครั้ง หลายปีที่ผ่านมานี้ การที่หม่อมฉันต้องการเข้มแข็งและแข็งแกร่งขึ้น เหตุผลเพียงอย่างเดียวก็เพื่อแย่งชิงหลิงอวี้จื้อมาจากเซียวเหยี่ยน เพื่อที่จะหลุดพ้นจากวันเวลาที่ถูกคนจำกัดเอาไว้ให้จงได้”
“การที่หม่อมฉันมีความคิดเช่นนี้ หาใช่เพราะหม่อมฉันต้องการความยิ่งใหญ่ไม่ แต่หม่อมฉันเพียงต้องการเอาชนะเซียวเหยี่ยน หากไตร่ตรองดูหม่อมฉันก็มิใช่ฮ่องเต้ที่เพียบพร้อมเท่าไรนัก ดังนั้นต่อให้สุดท้ายแล้วต้องพ่ายแพ้ให้กับเซียวเหยี่ยน หม่อมฉันก็ไม่มีวันเสียใจ”